‘เพื่อไทย’ ลงพื้นที่บางแค เดินหน้ากรุงเทพฯ มั่งคั่ง ชูกองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสน ต้นแบบ ปชต.กินได้

เดินหน้ากรุงเทพฯ มั่งคั่ง ‘เพื่อไทย’ ลงพื้นที่บางแค ชูนโยบาย ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาท’ ต้นแบบ ‘ประชาธิปไตยกินได้’ คืนอำนาจให้ประชาชนแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ‘เอกชัย’ ลั่นลุยทุกปัญหา เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนกรุงเทพฯ

 

วันที่ 8 เมษายน 2565 พรรคเพื่อไทย นำโดย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการเลือกตั้ง ส.ก. นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. นายดนุพร ปุณณกันต์ เลขานุการการเลือกตั้ง ส.ก. นางสาวขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายเอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางแค เบอร์ 2 พร้อมผู้สมัคร ส.ก. เขตต่างๆ ร่วมกันลงพื้นที่เขตบางแคและร่วมล้อมวงคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องประชาชนถึงแนวนโยบายในการ ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ ของพรรคเพื่อไทย

โดยประชาชนสนใจร่วมพูดคุยสะท้อนปัญหาในชุมชน ทั้งในเรื่องของปัญหาการประกอบอาชีพ เศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพชีวิตและการจราจร นอกจากนี้ยังได้พบปะพูดคุยกับตัวแทนประชาชนกลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชนสุขสำราญ ซึ่งทำ ‘ขนมงาพอง’ ที่เดียวในกรุงเทพฯและส่งไปขายทั่วประเทศ พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบประตูระบายน้ำคลองบางแค ​​เพื่อพูดคุยกันถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ

นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคเพื่อไทย ได้รับการคัดสรรมาตามระบบเพื่อให้ได้คนที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งทุกคนทุ่มเทดูแลพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 จึงเชื่อว่าพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ จะยอบรับและสนับสนุน อีกทั้งพรรคเพื่อไทยมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนโยบายในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตามแนวทาง ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ และพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่มีความชัดเจนในการผลักดันนโยบายจนสำเร็จมาโดยตลอด
.
นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นตัวแทนในการนำเสนอนโยบายและดูแลเงินงบประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปีของประชาชน ในการดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องทนทุกข์มาตั้งแต่หลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะต้องเลือกตัวแทนของคนกรุงเทพฯ ทั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ซึ่งจะมีนโยบายที่มีคำตอบในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องคนกรุงเทพฯ ซึ่งพรรคเพื่อไทยในอดีตเคยเป็นรัฐบาลและนำเสนอนโยบายที่ประสบความสำเร็จ คือ กองทุนหมู่บ้านซึ่งต่อมายกระดับเป็นกองทุนพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเมือง (เอสเอ็มแอล) ที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยกินได้

จึงได้นำสิ่งดีๆ เหล่านี้มายกระดับและนำเสนอเป็นนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี ที่มีหลักคิดและหลักการเดียวกัน คือ จัดสรรงบประมาณให้ชุมชนต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปีละ 200,000 บาทต่อปี เพื่อกระจายอำนาจให้พี่น้องประชาชนแต่ละชุมชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังมีนโยบายที่มุ่งในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ ทั้งระบบเป็นรูปธรรม
.
นายดนุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยหมดหวัง แม้จะโดนรัฐประหารมา 2 ครั้งก็ยังมุ่งมั่นทำงานให้พี่น้องประชาชน และในครั้งนี้เรามุ่งมั่นที่จะคืนความมั่งคั่งให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิฐกับวิกฤตโรคระบาดและวิกฤตเศรษฐกิจ จึงนำมาซึ่งนโยบายที่จะฟื้นเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชน ทั้ง 5 นโยบายหลัก ประกอบด้วย กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี , 50 เขต 50 โรงพยาบาล , 30 บาทถึงที่หมาย , 437 สถานศึกษาพัฒนาสร้างรายได้ และ 50 เขต 50 ซอฟเพาเวอร์ ที่จะมาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องคนกรุงเทพฯ ภายใต้หลักคิด ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’

ด้านนายเอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางแค เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าพี่น้องประชาชนยังต้องเผชิญปัญหาหลายอย่างจากการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพของภาครัฐ ทำให้ละเลยการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร ส.ก. ทุกคน มุ่งมั่นที่จะทำลายอุปสรรคปัญหาเหล่านี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น