LICORICE PIZZA วัยใสในยุค ’70 / ภาพยนตร์ : นพมาส แววหงส์

นพมาส แววหงส์
Licorice Pizza /Photo: MGM

ภาพยนตร์

นพมาส แววหงส์

 

LICORICE PIZZA

วัยใสในยุค ’70

 

กำกับการแสดง

Paul Thomas Anderson

นำแสดง

Alana Haim

Cooper Hoffman

Sean Penn

Tom Waits

Bradley Cooper

 

หนังของพอล โธมัส แอนเดอร์สัน เป็นที่กล่าวขวัญอย่างชื่นชอบเสมอมาในหมู่แฟนพันธุ์แท้และพันทาง ไม่ว่าจะ Boogie Nights (1997), Magnolia (1999), There Will Be Blood (2007) และ Phantom Thread (2017)

ล้วนมีประเด็นแหลมคมบาดความคิดบาดใจในความหลากหลายของเนื้อหาและโทนเรื่องที่ออกจะหนักอึ้งชวนคิด

ดูเหมือนว่าหนังเรื่องล่าสุดของเขา Licorice Pizza จะมีเนื้อหาและโทนที่เบาสมองชวนผ่อนคลายที่สุดก็ว่าได้ละมัง

และองค์ประกอบที่เหมาะเจาะลงตัวโดนใจคนดูหนัง ส่งผลให้หนังเรื่องนี้ได้เข้ารอบชิงออสการ์ในปีนี้ด้วย

คูเปอร์ ฮอฟแมน ลูกชายของฟิลิป ซีเมอร์ ฮอฟแมน ผู้ล่วงลับ

นี่เป็นเรื่องราวความรักของหนุ่มรุ่นกระทงวัยสิบห้าที่กำลังจะจบไฮสกูลที่ติดเนื้อต้องใจต้องตาหญิงสาววัยยี่สิบห้า ที่มาช่วยช่างภาพถ่ายรูปนักเรียนลงหนังสือรุ่น

หนุ่มน้อยแกรี่ วาเลนไทน์ (คูเปอร์ ฮอฟแมน ลูกชายวัยใสของฟิลิป ซีเมอร์ ฮอฟแมน ผู้ล่วงลับ) เหล่สาวสวยวัยทำงานที่เข้ามาเดินเตร่อยู่ในโรงเรียน ซึ่งต่อมาเราจะได้รู้ว่าชื่อ อลานา เคน (อลานา เฮม) และเดินตามประชิดเคียงคู่ พร้อมกับเริ่มขายขนมจีบทันที

ไม่นานต่อมา แกรี่จะบอกน้องชายว่าเขาได้เจอผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยแล้ว

แต่ด้วยความเหลื่อมล้ำของวัยที่ต่างกันถึงสิบปีโดยที่ฝ่ายหญิงอายุมากกว่าค่อนชีวิตของฝ่ายชาย ทำให้อลานาซึ่งรู้ตัวว่าถูกเด็กเมื่อวานซืนมาจีบ ถามกลับไปทันทีว่าหนูอายุเท่าไหร่แล้วเหรอ

แต่แกรี่ก็ยังไม่หมดกำลังใจ ยังคงขายขนมจีบเป็นต่อยหอยต่อ ไม่ยอมเลิกไม่ยอมถอย

จนลงเอยด้วยการที่สาวเจ้าใจอ่อนยอมไปพบปะกันในร้านที่แกรี่ชอบไปสิงสู่ โดยวางมาดดื่มโค้กเหมือนดื่มเหล้าอยู่เป็นประจำทุกค่ำคืน

แกรี่เป็นนักแสดงรุ่นเด็กในซีรีส์ทางทีวี ซึ่งกำลังโปรโมตรายการชุดใหม่ที่นิวยอร์ก แต่เขายังเป็นผู้เยาว์และต้องมีผู้ใหญ่เดินทางไปด้วย ซึ่งแม่ของเขาติดงานอื่นและไม่ว่างจะพาไป แกรี่เกิดความคิดใสปิ๊งขึ้นว่าจะหาใครเป็นผู้ปกครองพาเขาไปออกรายการได้

ทันใดฉากก็ตัดมาเห็นอลานานั่งอยู่กับแกรี่บนเครื่องบินเดินทางไปนิวยอร์กด้วยกัน และแกรี่ไปออกรายการร่วมกับเด็กอื่นๆ โดยทั้งเต้นและร้องเพลง

แต่อลานาก็ยังไม่ยอมตกลงเป็นแฟนกับแกรี่จนแล้วจนรอด

ตลอดเรื่องทั้งเรื่อง ทั้งสองแคล้วคลาดกันไปโดยต่างมีแฟน ไปจีบหรือถูกจีบ และต่างเกิดเรื่อง ต้องแห้ว ต้องผิดหวังกันไป

หนังเดินเรื่องไปอย่างไม่เร่งรีบที่จะพาไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ค่อยๆ เล่าเรื่องสิ่งละอันพันละน้อยในประสบการณ์ของหนุ่มสาวไปเรื่อยๆ ทีละบททีละตอน

นอกจากรายได้จากการเล่นหนังในบทตัวประกอบแล้ว แกรี่ยังเริ่มมีกิจการสตาร์ตอัพของตัวเอง ด้วยการทำบริษัทพีอาร์รับจ้างเขียนประชาสัมพันธ์ให้ธุรกิจต่างๆ

แล้วในที่สุดก็มาสะดุดเข้ากับกิจการขาย “เตียงน้ำ” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล้ำยุคที่เพิ่งเข้ามาในยุคนั้น โดยได้อลานาเข้ามาเป็นหุ้นส่วนด้วย

กิจการกำลังทำท่าจะไปได้สวย ก็พอดีเกิดวิกฤตการณ์น้ำมันขาดแคลนขึ้นในอเมริกาใน ค.ศ.1973 รถราบนถนนติดกันยาวเหยียดมหาวินาศ เข้าคิวรอเติมน้ำมัน ซึ่งขาดแคลนอย่างหนักและแพงลิ่ว

กิจการเตียงน้ำซึ่งผลิตจากวัสดุไวนิล จึงต้องถึงกาลอวสานพับเก็บไปโดยปริยาย

และฉากการขับรถบรรทุกไปส่งสินค้าครั้งสุดท้ายของสองหนุ่มสาวที่บ้านเซเลบบนเนินเขาที่เบเวอร์ลีฮิลล์ ก็เป็นฉากที่ตลกที่สุดฉากหนึ่งในหนัง

ฌอน เพนน์ รับบท แจ็ก โฮลเดน

อย่างที่เกริ่นไว้แล้วว่า การเดินเรื่องของหนังนั้นคดเคี้ยวเลี้ยวไปเลี้ยวมาโดยไม่ได้มุ่งตรงสู่จุดหมาย…เหมือนกับเรื่องราวในชีวิตนั่นแหละ…ที่กว่าจะเข้าเรื่อง หรือได้เรื่องซะที ก็เลี้ยวไปไหนมาไหน จนไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร

แต่นั่นไม่ใช่ข้อด้อยของหนัง กลับเป็นเสน่ห์น่ารักและน่าสนใจที่เล่าเรื่องราวต่างๆ ของยุคสมัยที่มีสีสันที่ผ่านไปแล้ว

…โดยเฉพาะสำหรับคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว เกิดนึกถวิลหาอดีต หรือจะเป็นคนที่ไม่เคยผ่านยุคสมัยในอดีตมาก็เถอะ

ด้วยบารมีของผู้กำกับชั้นยอด หนังจึงได้ดาราดังๆ อย่างฌอน เพนน์, ทอม เวตส์ และแบรดลีย์ คูเปอร์ มาร่วมสร้างสีสันในบทสั้นๆ ที่กลายเป็นประสบการณ์ร่วมอันไม่รู้ลืมของพระเอกนางเอกของเรา

ฌอน เพนน์ เล่นเป็นแจ็ก โฮลเดน ดาราหนังสูงวัยประมาณเดียวกับวิลเลียม โฮลเดน

 

ด้วยความใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง อลานาไปคัดตัวสำหรับบทตัวเอกในหนัง ซึ่งมีแจ็คร่วมดูการคัดตัวอยู่ด้วย จากนั้นแจ็กก็ชวนอลานานั่งรถไปกับเขาถึงร้านอาหาร ถูกชักชวนให้โชว์การขี่มอเตอร์ไซค์ผาดโผน

ความโด่งดังของแจ็กดึงดูดผู้คนมาชมและเชียร์กันเต็ม แจ็กชวนอลานาให้เกาะหลังรถไปด้วย แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ซึ่งทำให้แกรี่กับอลานาเกิดความผูกพันกันมากขึ้น

ส่วนแบรดลีย์ คูเปอร์ เล่นเป็นบุคคลจริงในยุคนั้นเลย คือ จอน ปีเตอร์ส ซึ่งเป็นอดีตแฟนของบาร์บรา สไตรแซนด์ แม้เขาจะมีเวลาอยู่ในหนังไม่มากนัก แต่ก็เป็นฉากที่จี้เส้น ชวนสะใจที่สุด

เช่นเดียวกับทุกคนที่ได้ยินชื่อหนัง ผู้เขียนก็งงกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไปอ่านบทสัมภาษณ์พอล โธมัส แอนเดอร์สัน เลยได้ความว่า เขาติดใจชื่อนี้มาจากชื่อร้านขายแผ่นเสียงที่ตอนนี้เลิกกิจการไปแล้ว จากการนำคำสองคำที่ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันมาไว้ด้วยกัน

ชะเอม + พิซซ่า

หรือพิซซ่ารสชะเอม…พิซซ่ารสหวานเอียน?

ฟังดูไม่เข้ากับเลย แถมจะชวนผะอืดผะอมเสียอีก แต่ก็เป็นคำผสมที่ยากจะลืม

ดังนั้น ถึงแม้หนังจะไม่ได้พูดเรื่องพิซซ่า หรือเรื่องชะเอมแม้แต่น้อยนิด แต่ก็เป็นนัยความหมายจากการนำสองสิ่งที่ไม่น่าจะนำมาผสมกันเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างลงตัว…

 

อ้อ คูเปอร์ ฮอฟแมน ซึ่งเพิ่งเล่นหนังเป็นเรื่องแรก เป็นลูกชายของฟิลิป ซีมอร์ ฮอฟแมน ผู้ล่วงลับ ซึ่งฟิลิปเป็นนักแสดงคู่ขวัญที่ร่วมงานกับพอล โธมัส แอนเดอร์สัน มาถึงหกเรื่อง ถึงพ่อจะไม่อยู่แล้ว พอลก็ยังอุตส่าห์ช่วยส่งผู้เป็นลูกชายให้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นนักแสดงแถวหน้าจนได้

เห็นหน้าคูเปอร์ ฮอฟแมน ในหนัง ก็ได้แต่นึกว่าเหมือนลูกเหมือนพ่อกันจริงๆ

และอลานา เฮม ก็ก้าวจากการเป็นนักร้องนักดนตรี มาอยู่ในวงการแสดงอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนกัน

ชวนให้หามาดูกันนะคะหนังเรื่องนี้ •

 

ชมตัวอย่างภาพยนตร์ Licorice Pizza ได้ที่นี่