คนโดนสิงห์ : ไม่มีแล้ว “เผาหลอก”

คอลัมน์ Technical Time-Out

ก่อนเปิดศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลก่อน (2016-17) มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งนายใหญ่” “บิ๊กซิกซ์”” หรือ 6 ยักษ์ใหญ่ของลีกถึงครึ่งหนึ่ง

ตั้งแต่การมา “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ของ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” ตามด้วย “เชลซี” กับ “อันโตนิโอ คอนเต้” และ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ลงเอย “โจเซ่ มูรินโญ่” ที่เหลือเป็นหน้าเดิม “อาร์แซน เวนเกอร์” กับ “อาร์เซนอล”, “เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่” กับ “สเปอร์ส” และ “เจอร์เก้น คล็อปป์” กับ “ลิเวอร์พูล”

แถมกลุ่มหลังมีถึง 2 ทีมที่เพิ่งเปลี่ยนโค้ชแค่ปีที่ 3 และ 2 ตามลำดับ โดยโปเช็ตติโน่รับงาน “ไก่เดือยทอง” ฤดูกาล 2014-2015

และคล็อปป์ทำหน้าที่กุนซือ “หงส์แดง” หลังฤดูกาล 2015-2016 เริ่มได้ 2 เดือน

 

หากย้อนไปสัก 3 ปีก่อนหน้านั้น หรือช่วงฤดูกาล 2013-2014, 2014-2015 และ 2015-2016 เกิดการเปลี่ยนหน้าผู้จัดการทีมบิ๊กซิกซ์ 4 ทีม “ปีศาจแดง” ไล่ “เดวิด มอยส์” และให้ “ไรอัน กิ๊กส์” คุมชั่วคราวท้ายฤดูกาล 2013-2014 จากนั้นดึง “หลุยส์ ฟาน กัล” ทำทีมต่อ สเปอร์สวุ่นวายกว่าบีบ “อันเดร วิลลาส-โบอาส” ลาออกกลางฤดูกาล 2013-2014 และตั้ง “ทิม เชอร์วู้ด” คุมทัพด้วยสัญญาปีครึ่ง ทว่าปลดทิ้งแค่จบฤดูกาล

ส่วนลิเวอร์พูลกดดัน “เบรนแดน ร็อดเจอร์ส” ลงจากตำแหน่งเพื่อให้คล็อปป์ที่ว่างงานไม่นานรับไม้ต่อต้นฤดูกาล 2015-2016 ซึ่งเป็นฤดูกาลเดียวกับ “โรมัน อับราโมวิช” เจ้าของทีม “สิงห์บลู” กล้าขับมูรินโญ่จากถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์ครั้งที่ 2 และวาน “กุส ฮิดดิ้งก์” ดูทีมชั่วคราว นี่ยังไม่นับการเปลี่ยนกุนซือหลังฤดูกาล 2015-2016 จาก “มานูเอล เปเญกรินี่” เป็นเป๊ปที่ “เรือใบสีฟ้า” และคอนเต้แทนฮิดดิ้งก์ที่เชลซี ต่อด้วยมูรินโญ่โยกคุมแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยความแค้น

เห็นชัดว่าเป๊ป, มูรินโญ่, เวนเกอร์, โปเช็ตติโน่, คล็อปป์ และคอนเต้ โชคดีแค่ไหนกับการไม่ตกงานเมื่อฤดูกาล 2017-2018 นี้เริ่มขึ้น

 

ทําไมถึงเหมารวมว่าคอนเต้ หรือโปเช็ตติโน่มีโชคที่ไม่โดนไล่ออก เนื่องจากทั้งคู่เพิ่งพาทีมเป็นแชมป์ และรองแชมป์หยกๆ ก็เพราะคอนเต้โชคดีที่ตัวเองเคยเชี่ยวชาญแท็กติกระบบเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 คน และนำหมากนี้ใช้กับลีกที่เอาแน่เอานอน “ไม่ได้” อย่างพรีเมียร์ลีกได้ลงล็อกเหลือเชื่อ รวมทั้งการกลับมาระเบิดฟอร์มของ เอเด็น อาซาร์ หัวใจในเกมรุก และ ดีเอโก้ คอสต้า คิดถึงทีมก่อนเรื่องส่วนตัวกับคอนเต้ จึงส่งเชลซีเข้าป้ายแชมป์ลีกแบบม้วนเดียวจบ

ด้านโปเช็ตติโน่ดวงดีตรงแข้งพลังหนุ่มสเปอร์ส ยังได้ “ไปต่อ” ลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดในรอบกว่าครึ่งร้อยปีเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน แม้จะ “ตกม้าตาย” เหมือนปีก่อนหน้านั้นที่ตีคู่มากับเลสเตอร์ ซิตี้ ก็ตาม

ขณะที่เป๊ป และมูรินโญ่ โชคดีกว่า เพราะถ้าไม่มีคำว่าโค้ช” “มือเซียน”” และการกินบุญเก่ากับแชมป์ในอดีตคอยคุ้มกะลาหัวแล้ว การผลาญเงินแมนฯ ซิตี้ กว่า 160 ล้านปอนด์ และแมนฯ ยูไนเต็ด เกือบ 150 ล้านปอนด์ แล้วทีมเรือใบสีฟ้าจบฤดูกาลมือเปล่า ส่วนปีศาจแดงได้แค่ถ้วยน้ำจิ้มลีกคัพ อังกฤษ และยูฟ่า ยูโรป้าลีก ที่ทีมใหญ่หมางเมิน หรือแม้แต่ทีมระดับกลางก็จัดชุดผสมลงเตะ จนยูฟ่าต้องเอาเล่นศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกทางลัดมาล่อ

มันคงยากที่จะมีข้ออ้างให้ทั้งคู่มีงานทำในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม และโอลด์แทรฟฟอร์ดต่อไป

คล็อปป์เองก็เหมือนกันที่ตัวใหม่ ซาดิโอ มาเน่ นำหงส์แดงล่องลอยไปตามฝันกับการลุ้นแชมป์ลีกนับจากปี 1990 ตลอดครึ่งฤดูกาลแรก แม้จะโดนปลุกให้ตื่นมาเจอความจริงครึ่งฤดูกาลหลัง แต่ยังประคองตัวไปคัดแชมเปี้ยนส์ลีก

 

แต่ที่เฮงยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 ไม่พ้นเวนเกอร์ซึ่งคุมอาร์เซนอลปี 1996 และน่าจะถึงทางตันไปนานนม เนื่องจากหลังพาทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย ก็ไม่เคยได้แชมป์ลีกอีกเลยตลอด 13 ปีที่ผ่านมา แถมยังพลาดสิทธิเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกตั้งแต่ปี 1997-1998 ดีที่ผู้บริหารทีม “ปืนใหญ่” เห็นต่างกับแฟนบอล ก่อนได้แชมป์เอฟเอคัพ อังกฤษ ด้วยการโค่นเชลซีคู่แค้นมาช่วยชีวิตไว้อีกแรง

อย่างไรก็ตาม คงยากที่ดวงทั้ง 6 คนยัง “แข็ง” อยู่ หากไม่ได้แชมป์รายการสำคัญกว่าพวกบอลถ้วยในประเทศ หรือต้องทำผลงานใกล้เคียงระดับยอดเยี่ยมฤดูกาลนี้

คิดดูแล้วกันว่าเกิดคล็อปป์ไม่อาจพาลิเวอร์พูลมีลุ้นแชมป์ลีก และฟอร์มแย่เวทียุโรป, เวนเกอร์พลาดตั๋วแชมเปี้ยนส์ลีกกับอาร์เซนอลอีกปี, เด็กสเปอร์สของโปเช็ตติโน่ยังตกแค่รอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก และชวดแชมป์พรีเมียร์ลีกเหมือน 2 ปีก่อน, คอนเต้ปล่อยให้เรื่องคอสต้าบั่นทอนสปิริตทีม และเชลซีป้องกันแชมป์ลีกไม่ได้ กับลีลาไม่เตะตาในแชมเปี้ยนส์ลีก

หรือว่าเป๊ปและมูรินโญ่ซึ่งใช้เงินช้อปนักเตะ 2 ปีหลัง 370 ล้านปอนด์ และ 290 ล้านปอนด์ ยังชูถ้วยพรีเมียร์ลีกไม่สำเร็จ และไปไม่ถึงไหนศึกแชมเปี้ยนส์ลีก

บอกได้คำเดียวเลยว่า มี “เผาจริง” ยกก๊วนร้อยเปอร์เซ็นต์!