“สุริยะ” ชี้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมฟื้นชัดเจน 3.5% หนุนพัฒนา 6 ด้านสู่ศักยภาพใหม่

“สุริยะ” ชี้สัญญาณดี เศรษฐกิจอุตสาหกรรมฟื้นชัดเจน 3.5% หลายส่วนภาคโตต่อเนื่อง หนุน

วันที่ 31 มกราคม 2565 เมื่อเวลา 09.00 น.  นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายในงานสัมมนา สู่ศักยภาพใหม่ : Thailand 2022 พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ สู่ศักยภาพใหม่ : Thailand 2022 จัดโดยหนังสือพิมพ์มติชน ว่า ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาและความท้าทายใหม่ๆ มากมาย โดยเฉพาะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลากหลายสายพันธุ์ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยและการดํารงชีวิตของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งอัลฟ่า เบต้า แกมม่า เดลต้า จนมาถึงสายพันธุ์ล่าสุดคือ สายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งยังคงเป็นความเสี่ยงที่ประเทศไทยต้องเผชิญ แต่ขอให้มั่นใจว่าด้วยมาตรการด้านสาธารณสุขและมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของภาครัฐที่ได้ดําเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย รวมถึงประชาชนทุกคน เศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ฟื้นตัวและกลับมาเติบโตได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว

สุริยะ

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า จากการคาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจของหลายสํานักก็ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า ปี 2022 นี้ จะเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้น และจํานวนผู้ได้รับการ ฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับแรงส่งจากภาคการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผล ให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

โดยจากคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม โดยสํานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม พบว่า ในปี 2022 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) ยังคงขยายตัว 4-5% เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคอุตสาหกรรม หรือ จีดีพีภาคอุตสาหกรรมที่จะยังคงขยายตัว 2.5-3.5% สะท้อนให้เห็นถึง ทิศทางการฟื้นตัวและการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สุริยะ

โดยคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมได้รับประโยชน์และเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหารและอาหารแปรรูป อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิคส์และอุปกรณ์ อุตสาหกรรมคลังสินค้า ขนส่งสินค้า และโลจิสติกส์และที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมเครื่องจักรและเทคโนโลยี และ อุตสาหกรรมยาและเคมีภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น

สุริยะ ยังกล่าวตอนหนึ่ง ว่า ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคมของโลก เกิดการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากขึ้นกว่าในอดีต ดังนั้นภาคธุรกิจอุตสาหกรรม จําเป็นต้องเร่งปรับตัวเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงภายหลัง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และแสวงหาโอกาสจากการปรับไปสู่รูปแบบชีวิตวิถีใหม หรือนิวนอร์มอล

โดยในส่วนของภาครัฐ จะทําหน้าที่หลักในการสร้างปัจจัยแวดล้อมให้เอื้ออํานวยต่อการพัฒนา เพื่อสนับสนุนการปรับตัวของภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการดําเนินนโยบายเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่งเสริมการผลิตและการส่งออกสินค้า พร้มผลักดันศักยภาพที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นภายในประเทศ ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร และเริ่มมีบทบาทสําคัญทําให้เกิดกระแสการอนุรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม การพัฒนาที่มุ่งสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น

ทั้งนี้ สําหรับบริบทของการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม แนวนโยบายด้านการ พัฒนาอุตสาหกรรม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของ ปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก และเป็นเครื่องยนต์สําคัญในการขับเคลื่อน ศักยภาพประเทศ จะมุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างมูลค่าที่เติบโตบนฐานนวัตกรรม องค์ความรู้ เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และมีการพัฒนาที่ยั่งยืนตามโมเดล อุตสาหกรรมรายสาขาที่มีบทบาทสําคัญภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน และเป็น อุตสาหกรรมที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้ในอนาคต อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร และแปรรูปเกษตร อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบริการดิจิทัลและซอฟต์แวร์ เป็นต้น

นายสุริยะ กล่าวย้ำว่า นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะบูรณาการการทํางานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านประเด็นการพัฒนาสําคัญ 6 ด้าน ได้แก่ 1. การส่งเสริมเกษตรอุตสาหกรรม โดยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในภาค เกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม 2.การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ (S Curve)ภายใต้ มาตรการ หรือแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับหมุดหมาย การพัฒนาตามร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมชีวภาพ ยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์

3.การพัฒนาผู้ประกอบการและภาคการผลิตไปสู่ 4.0 โดยสร้างและ พัฒนาผู้ประกอบการอัจฉริยะ ส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชนให้มีผลิตภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์อย่างสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยีนวัตกรรมและดิจิทัล โดยดําเนินการเรื่อง Ease of Doing Business อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน 4.การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG 5.การจัดตั้งและส่งเสริมการลงทุนนิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่เขต เศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริมการลงทุนภาคอุตสาหกรรมที่ยึดโยงกับการพัฒนาใน ระดับพื้นที่

และ 6. การยกระดับการให้บริการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการที่สะดวกรวดเร็ว บูรณาการและเชื่อมโยงฐานข้อมูลกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องเพื่อจัดทําบิ๊กดาต้า เพิ่มทักษะ และประสิทธิภาพบุคลากรด้านดิจิทัล รวมทั้งการพัฒนาความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ