พลิกเกม ‘แม่ทัพป้อม’ หลังพ่ายศึกใต้ จับตา ‘บิ๊กตู่’ เดินเกมลับ ยึด พปชร. อุ่นเครื่องโผทหาร เมื่อ ‘3 ป.’ ขาลง/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

พลิกเกม ‘แม่ทัพป้อม’

หลังพ่ายศึกใต้

จับตา ‘บิ๊กตู่’ เดินเกมลับ

ยึด พปชร.

อุ่นเครื่องโผทหาร

เมื่อ ‘3 ป.’ ขาลง

 

หลังจากที่อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์มานาน คิดบวก มองบวก ได้รับรายงานแต่ข่าวดีๆ เรื่องดีๆ จนบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ 3 ป. หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อารมณ์ดี ยิ้มแย้มมาหลายเดือน

หลังจากพี่น้อง 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” จูบปาก เคลียร์ใจครั้งใหญ่ นับตั้งแต่บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ปลดฟ้าผ่าลูกรักบิ๊กป้อมทั้ง 2 อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้น ครม.

แต่ พล.อ.ประวิตรก็ต้องตื่นจากฝัน เมื่อพรรคพลังประชารัฐแพ้ศึกเลือกตั้งซ่อมทั้งที่ชุมพรและสงขลา ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ลงพื้นที่ ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียง แบบวันเว้นวันเลยทีเดียว

จนมีเสียงเล่าลือจากบ้านป่ารอยต่อฯ ว่า พล.อ.ประวิตรถึงกับนิ่งเงียบอยู่เป็นวัน ไม่มียิ้มแย้ม หัวเราะใดๆ แถมเป็นจังหวะที่คนครัวในบ้านติดโควิด จึงจำกัดคนเข้าบ้าน

ฉากทัศน์ของ พล.อ.ประวิตรที่วาดขึ้นจากข้อมูลที่ ร.อ.ธรรมนัสและทีมแกนนำในพื้นที่รายงาน ทำให้มองในเชิงบวกว่าจะชนะเลือกตั้งที่สงขลา ส่วนที่ชุมพรก็เผื่อใจไว้บ้าง

แต่เมื่อแพ้ลุ่ยทั้ง 2 สนาม นอกจากทำให้สูญเสียความมั่นใจในตัวเองแล้ว ยังสะเทือนต่อความเชื่อมั่นที่เคยมีต่อ ร.อ.ธรรมนัสที่เคยทำสำเร็จมาตลอดในการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมาด้วย

แม้จะมีเสียงแย้งว่า เพราะมอบหมายให้นายสุชาติ ชมกลิ่น และนายสันติ พร้อมพัฒน์ ดูแลเลือกตั้งซ่อมที่สงขลาและชุมพร ที่เคยถูกมองว่าเป็นการวางยากันเองใน พปชร.เพื่อให้ 2 คนเสียเครดิตก็ตาม

แต่ภาพที่ปรากฏคือ บทบาทของ ร.อ.ธรรมนัสลงพื้นที่และขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงตลอด เพราะถึงอย่างไรเลขาธิการพรรคก็ปล่อยมือไม่ได้

แต่เกมพลิกเมื่อพ่ายแพ้ หาใช่นายสุชาติและนายสันติที่เคยลุ้นเก้าอี้เลขาฯ พรรค เสียเครดิต แต่กระแสกลับถาโถมใส่ ร.อ.ธรรมนัสเองว่า แพ้เพราะคำพูดบนเวทีปราศรัย ที่ให้เลือกคนที่พร้อม คนมีตังค์เป็น ส.ส. เพราะมีอะไรช่วยชาวบ้านได้ พร้อมท่าตบกระเป๋ากางเกง

แน่นอนว่า ฝ่ายสนับสนุน ร.อ.ธรรมนัส มองว่าคำปราศรัยเป็นส่วนประกอบ แต่สาเหตุที่แพ้เพราะวิชามารในทางการเมือง ที่ทุกพรรคก็ใช้เหมือนกัน แต่ใครจะสัมฤทธิผลเท่านั้น เช่นที่ ร.อ.ธรรมนัสพูดถึงการโกงเลือกตั้ง หรือเอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์ โพสต์เหน็บพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการซื้อ

แต่เรื่องใหญ่คือ คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ย่ำแย่ลง จากผลการบริหารประเทศ แถมในช่วงข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ส่งผลต่อคะแนนนิยมของ พปชร.ในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ

รวมทั้งภาพลักษณ์ของพรรค พปชร.ที่ถูกแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ที่ขึ้นเวทีหาเสียง แฉความขัดแย้งใน 3 ป. โดยเฉพาะ ป.พี่ใหญ่ กับ ป.น้องเล็ก และขยี้ปมระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ ร.อ.ธรรมนัส และหากไม่มี 3 พลเอก พรรคนี้ก็คงแตก จนทำให้คำว่า พรรคเฉพาะกิจ ถูกพูดถึง เทียบกับพรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์

และส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ และอนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงขั้นที่ พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล ต้องตอบโต้ในการปราศรัยว่า ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ แต่จะเป็นสถาบันพรรคการเมือง

การยุทธ์เข้าตีเมืองใต้ หวังยึดสงขลาและชุมพรของ พล.อ.ประวิตรแม่ทัพใหญ่ ที่ส่ง ร.อ.ธรรมนัสเป็นทัพหลวง ไม่เพียงแต่พ่ายศึก แต่กลับบาดเจ็บย่อยยับ

ไม่ใช่แค่สะเทือนเก้าอี้เลขาธิการพรรคของ ร.อ.ธรรมนัส แต่สะท้านเก้าอี้หัวหน้าพรรค พปชร.ของ พล.อ.ประวิตรด้วย

จนกลายเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามในพรรคเดียวกัน ขยี้ปม และสร้างกระแสกดดันไปที่แม่ทัพใหญ่ และมือขวา

ต้องไม่ลืมว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์และนักการเมืองสายจันทร์โอชา พยายามที่จะยึดพรรค พปชร. และยังพยายามจะผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นหัวหน้าพรรคเอง แต่เจอแรงต้านจาก พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส ที่พยายามยึดพรรคอย่างเบ็ดเสร็จ

ถึงขั้นที่ พล.อ.ประวิตรต้องเอ่ยปากทวงสัญญาพี่น้อง ว่า เรื่องการบริหารประเทศ การเป็นนายกฯ ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าเรื่องพรรค พปชร. ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ พล.อ.ประวิตร ไม่ก้าวก่ายกัน

พล.อ.ประวิตรจึงดึงอดีตนายทหารน้องรักที่ทำงานกันมายาวนานที่เกษียณแล้ว มาช่วยงานพรรค นำโดยบิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่มาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค จนถูกมองว่า จะเป็นทายาททางการเมืองของ พล.อ.ประวิตร ตามมาด้วยบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม ที่ทำงานกับ พล.อ.ประวิตรมาตั้งแต่เป็นนายทหารหนุ่ม

พล.อ.ประยุทธ์พยายามเจาะเข้ามาเพื่อหวังแชร์อำนาจในพรรค พปชร.ด้วย แต่ไม่สำเร็จ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งมาเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร. ก็ไร้บทบาท

ดังนั้น จังหวะนี้ หลังแพ้ศึกเลือกตั้งซ่อมสงขลา ชุมพร และส่อเค้าว่าจะแพ้เลือกตั้งซ่อม กทม. เขตหลักสี่ด้วยนั้น จึงอาจเกิดศึกภายใน ชิงพรรคพลังประชารัฐกันอีกครั้ง

ไม่เพียงแค่ พล.อ.ประวิตรที่ตื่นจากฝันมาสู่โลกแห่งความจริง จนทำให้อารมณ์ขุ่นมัวเท่านั้น แต่ พล.อ.ประยุทธ์เองก็คิดหนักกับก้าวเดินนับจากนี้ เพราะการแพ้ศึกครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่ไม่มีอะไรแน่นอน หรือสูตรสำเร็จที่จะชี้ชะตาอนาคต

เพราะหากมันเป็นเพราะคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ลดวูบลง แม้แต่ในภาคใต้ ก็จะกลายเป็นเหตุผลให้ พล.อ.ประวิตรต้องหาคนที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่แทน หรือสำรองเป็นเบอร์ 2-3 ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์

อาฟเตอร์ช็อคที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดว่า พรรค พปชร.แพ้เพราะอะไร เพราะคำพูดของ ร.อ.ธรรมนัส หรือเพราะคะแนนนิยมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ และต่อพรรค พปชร.ลดลง พรรคตกต่ำจริงหรือไม่

จนนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่เป็นสายจันทร์โอชา และขั้วตรงข้ามกับ ร.อ.ธรรมนัส จึงสนับสนุนให้ทำโพลและกำหนดคำถามแบบชี้นำเลยว่า เพราะอะไร เพราะ ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ ที่ส่งผลให้รอยร้าวเดิมปริแตกขึ้นมาอีก ที่ถูกมองว่าเป็นแผนในการเปลี่ยนตัวเลขาฯ พรรค

ขณะเดียวกันกองเชียร์กองหนุน พล.อ.ประยุทธ์ และทีมไอโอก็พยายามขยี้ปมแพ้เพราะ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ใช่เพราะคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะในการหาเสียง ไม่ได้มีการชู พล.อ.ประยุทธ์เลย

และในจังหวะนี้ พล.อ.ประยุทธ์อาจจะเข้าสอดแทรกเข้ายึดพรรค พปชร.เองหรือไม่ โดยอ้างความล้มเหลวของ ร.อ.ธรรมนัส และ พล.อ.ประวิตรเอง

จึงส่อเค้าว่า รอยร้าวที่พยายามสมานเยียวยากันมาของพี่น้อง 3 ป. จะปริแตกอีกครั้ง พร้อมๆ กับข่าวความเคลื่อนไหวของสายจันทร์โอชา

ที่ถูกจับตามองคือ หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์มี “หมายงานสำคัญ” ที่ไปเพียงคนเดียว เมื่อค่ำ 18 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา จนเกิดกระแสข่าวต่างๆ ออกมาหลากหลาย

กระแสข่าวหนึ่งคือ ชื่อของนายกรัฐมนตรีคนใหม่คนหนึ่งอยู่แวดวงกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ที่เคยมีชื่อมาตลอดตั้งแต่ยุค คสช.แล้ว ถูกเอ่ยถึง

ส่วนอีกคนคือ มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เพิ่งนำทีมช้างศึกคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซุกิ คัพ ที่แม้เคยมีชื่อถูกทาบทามชิงผู้ว่าฯ กทม.ก็ตาม

ยิ่งหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์มีภารกิจพบบุคคลสำคัญ วันรุ่งขึ้น มาดามแป้ง นวลพรรณ ก็เข้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ เป็นการส่วนตัว

แม้จะมีรายงานว่า มาอวยพรปีใหม่ก็ตาม แต่มาดามแป้งก็เพิ่งนำทีมนักฟุตบอลเข้าพบนายกฯ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สามารถที่จะอวยพรปีใหม่นายกฯ ไปด้วยเลยได้

แม้จะเกิดกระแสข่าวการถูกทาบทามลงชิงผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคพลังประชารัฐมาหลายครั้งก็ตาม แต่ก็มีกระแสข่าวการมาเป็น รมต.เพื่ออุ่นเครื่อง ก่อนที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯหญิง ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ก่อนหน้านี้ มาดามแป้งเคยให้สัมภาษณ์ไม่ปิดประตูตัวเองในเรื่องอนาคตทางการเมืองของตนเอง

“แต่จะให้ตอบปฏิเสธไปเลยหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ คือแป้งเป็นคนที่ถ้าพูดไปแล้ว แต่เป็นโชคชะตามา คำพูดก็จะถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์ จึงขอพูดว่า ณ วันนี้ ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรไป”

พร้อมยอมรับว่า สนใจการเมือง เพราะอ่านหนังสือพิมพ์การเมืองทุกวัน ตอนเริ่มมาทำฟุตบอล ก็มีแต่คนนึกว่าจะลงการเมือง แต่ก็ไม่ได้ลงตอนปี 2562 ดังนั้น เรื่องของอนาคต มาดามแป้งจึงยังตอบไม่ได้ในวันนี้

ต้องไม่ลืมว่า มาดามแป้งไม่ใช่แค่นักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จ ฐานะทางสังคมเพียบพร้อม เป็นหญิงเก่ง แกร่ง สตรอง มีความเป็นผู้นำ ไม่ใช่แค่ผู้จัดการทีมฟุตบอล แต่เป็น ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กรของสยามไบโอไซแอนซ์

และยังเป็นภริยาของ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองราชเลขาธิการ เพื่อนรัก ตท.20 ของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. รองราชเลขาธิการ ที่เป็นน้องรักสายตรง พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีส่วนช่วยเหลือเป็น behind the sceen ให้นายกฯ มาตลอด

ดังนั้น จึงไม่ใช่แค่ฝ่าย พล.อ.ประวิตรจะมองหาตัวนายกฯ สำรองเท่านั้น แต่ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ก็เช่นกัน

ยิ่งเมื่อหมอดูบางสำนัก ทำนายทายทักถึงการมีนายกฯ หญิงอีกครั้ง ที่ส่วนใหญ่จะไปมองกันที่อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็กของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

กว่าจะถึงเลือกตั้ง คงมีชื่อแคนดิเดตนายกฯ เป็นกระแสออกมาอีกหลายต่อหลายคน รวมถึงตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง ที่ก็ดูจะยังไม่อยากถอยไปพักผ่อน หรือวางมือเลยแม้แต่น้อย แม้คะแนนนิยมจะลดฮวบฮาบ ยกเว้นมีสัญญาณให้บอกว่า “พอแล้ว”

ขณะที่ผลพวงจากสถานการณ์การเมือง ที่ทำให้อนาคตของพี่น้อง 3 ป.ไม่แน่นอน ก็ส่งผลต่อทิศทางของกองทัพไม่น้อย แม้กองทัพจะถูกมองว่าเป็นกองหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์ก็ตาม

พล.อ.ประยุทธ์กำลังถูกมองว่า พยายามดูแลเอาใจกองทัพ ในการอนุมัติการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ และกระชับระยะห่างกับ ผบ.เหล่าทัพอย่างเห็นได้ชัดแล้วก็ตาม

แต่ก็พบว่า ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ผบ.เหล่าทัพ ก็ไม่แนบแน่นเท่าที่ควร อาจเพราะรุ่นเตรียมทหารที่ห่างกัน และ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ก็เน้นความเป็นทหารอาชีพ ไม่แสดงออกถึงความใกล้ชิดนายกฯ แต่แสดงออกชัดเจนถึงการเป็นทหารพระราชา และการปกป้องสถาบัน

โดยเฉพาะบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.คอแดง และบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด คอแดง

สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลกลางปี ถูกจับตามองด้วย เพราะแต่ละเหล่าทัพเริ่มประชุมจัดทำโผกันแล้วนั้น ส่งผลให้เกิดกระแสข่าวต่างๆ

แม้ว่าโผกลางปี หรือโผเมษายน จะไม่มีการโยกย้ายในตำแหน่งหลักมากนักก็ตาม แต่ก็เป็นการอุ่นเครื่องโยกย้ายใหญ่ปลายปี ที่จะต้องมีเปลี่ยนปลัดกลาโหม ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ.

แต่ที่ถูกจับตามองและเกิดกระแสข่าวลือ ปลัดกลาโหมขัดตาทัพ มาคั่นก่อนบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดกลาโหม ที่เป็นรุ่นน้อง ตท.24 และเกษียณ 2568

โดยกันยายน 2565 นี้ บิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหม สายตรงนายกฯ จะเกษียณ

จึงเกิดกระแสข่าวใน ทบ.ว่า อาจจะมีการส่งนายทหารใน 5 เสือ ทบ.มาเป็นปลัดกลาโหม เพราะปลัดกลาโหมมาจาก 5 เสือ ทบ.มาหลายยุค แม้แต่ พล.อ.วรเกียรติก็มาจากเสธ.ทบ.

ใน 5 เสือ ทบ.ที่ยังไม่เกษียณ ก็มีบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ. ที่เกษียณกันยายน 2566 แต่คงยากที่จะส่ง ผบ.ทบ.ไปเป็นปลัดกลาโหม แม้จะเป็นแผนในการกระจายนายทหารคอแดงของ ฉก.ทม.รอ.904 ไปให้ครบทุกเหล่าทัพก็ตาม แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ถือเป็นคอแดงสายแข็ง แม้จะไม่ใช่สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ก็ตาม แต่ถูกมองว่าห่างเหินกันด้วยซ้ำ

ขณะที่บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ (ตท.23) ผช.ผบ.ทบ. ก็เป็นทหารคอแดง และเป็นตัวเต็ง ผบ.ทบ.คนต่อไป โดยมีอายุราชการถึงกันยายน 2567 แถมเป็นสายตรง พล.อ.ประยุทธ์

ส่วนบิ๊กยอง พล.อ.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผช.ผบ.ทบ. สายรบพิเศษ ก็เป็นเพื่อน ตท.24 ของ พล.อ.สนิธชนก จึงไม่น่าจะถูกส่งข้ามมาเสียบ

ไม่แค่นั้น ยังมีชื่อบิ๊กกวาง พล.อ.สัณทัศน์ นันทิภาคย์หิรัญ ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ที่เป็นรุ่นพี่ ตท.21 และเป็นน้องรัก พล.อ.ประยุทธ์ ที่เติบโตมาจาก ร.21 รอ.ด้วยกัน แต่เสียจังหวะไปโตที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บก.ทัพไทยอยู่หลายปี จนที่สุด นายกฯ ดึงมาเป็น ผอ.อผศ.ที่กลาโหม และจะเกษียณ 2566

แต่อย่างไรก็ตาม พล.อ.สนิธชนก แม้จะเป็นรุ่นน้อง ตท.24 แต่ก็เติบโตในกลาโหมมาหลายปี และถือเป็นสายตรงของ พล.อ.ประวิตร และก็เป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย โอกาสที่จะขึ้นปลัดกลาโหมนั่งยาว 3 ปีก็มีสูง เดินตามรอย พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ลูกรักบิ๊กป้อม ที่ก็นั่งยาว 3 ปีมาแล้ว สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง

คาดกันว่า พล.อ.ประยุทธ์จะพยายามเป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหม จนจัดโผโยกย้ายทหารในเดือนสิงหาคม-กันยายน 2565 และประชุมเอเปค พฤศจิกายน 2565 ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่

หรือหากยื้อไม่ไหว ก็ต้องรีบยุบสภาเมษายนนี้ หลังทำโผทหารแล้ว เพื่อจะได้กลับมาเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ อีกสมัย ให้ทันก่อนโยกย้ายทหาร ก็เป็นได้ เพราะไม่เช่นนั้น กองทัพในยุค ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ จะกลายเป็นรัฐอิสระ ทิ้งระยะห่างจากการเมืองมากขึ้นๆ

ดังนั้น โผนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องเร่งจัดทัพ จัดแถวทหารพร้อมรับเลือกตั้งไว้ก่อน เพราะใดๆ ก็ตาม คนที่ไว้วางใจได้สำคัญที่สุด ในยามขาลงเช่นนี้