ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 มกราคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | คลุกวงใน |
ผู้เขียน | พิศณุ นิลกลัด |
เผยแพร่ |
คลุกวงใน
พิศณุ นิลกลัด
Facebook : @Pitsanuofficial
เคล็ดและของขลังในวงการกีฬา
เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการทำโพลสำรวจโดย OnePoll สถาบันวิจัยด้านการตลาดที่มีชื่อเสียงของประเทศอังกฤษ
โพลนี้ได้รับการสนับสนุนจากทิพพิโค่ (Tipico Sportsbook) บริษัทรับพนันถูกกฎหมายของอเมริกา
เป็นการทำโพลสำรวจเกี่ยวกับความการถือเคล็ด การเชื่อโชคลางของคนอเมริกัน เวลาเชียร์กีฬา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นิยมทำกันในครอบครัวชาวอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลวันหยุด
เขาสำรวจความคิดเห็นของคนอเมริกัน 2,400 คน ที่ดูกีฬาทางทีวีหรือไปชมกีฬาที่สนามแข่งขันจริงเป็นประจำ
ได้ผลออกมาน่า สนใจดังนี้
75% บอกว่าตัวเองถือเคล็ดในวันที่มีการแข่งขัน การถือเคล็ดที่นิยมก็คือ…
50% สวมเสื้อนำโชค ในจำนวนนี้ 40% ไม่ซักเสื้อนำโชคตลอดฤดูกาล
42% นั่งเชียร์ตรงที่นั่งตำแหน่งนำโชค
63% เห็นว่าที่ทีมรักของตัวเองแพ้ เพราะตัวเองเป็นตัวซวย (bad luck)
38% เห็นว่าที่ทีมกีฬารักของตัวเองแพ้เพราะสมาชิกคนใดคนหนึ่งในบ้านเป็นตัวซวย
คนที่เห็นว่าสมาชิกในบ้านเป็นตัวซวยจำนวน 84% บอกว่าเคยขอให้สมาชิกในบ้านคนนั้นออกจากห้องที่กำลังเชียร์กีฬากันอยู่
74% เห็นว่าการดูกีฬากับแฟนทีมคู่อริทำให้การเชียร์กีฬาสนุกยิ่งขึ้น
67% ยอมรับว่าชอบล้อเลียนญาติพี่น้องที่เป็นแฟนทีมคู่อริ
74% บอกว่าการเดิมพันเวลาดูกีฬาทำให้การดูกีฬาสนุกตื่นเต้นขึ้น ไม่ว่าการเดิมพันจะมีเงิน หรือศักดิ์ศรีเข้ามาเกี่ยวข้อง
การเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีก็เช่น คนแพ้ต้องสวมเสื้อทีมคู่อริ หรือตัดผมทรงแปลกๆ หรือไม่ก็โกนหัวไปเลย
ปี 2014 มีการทำโพลสำรวจความคิดเห็นของแฟนกีฬาในอเมริกา จัดทำโดยสถาบันค้นคว้าศาสนา (Public Religion Research Institute) ว่าแฟนกีฬาในอเมริกาเชื่อหรือไม่ว่าพระเจ้าช่วยบันดาลให้ทีมกีฬาโปรดเป็นฝ่ายชนะ หรือเชื่อในเรื่องมนตร์ดำ ไสยศาสตร์ ที่ทำให้ทีมรักของตัวแพ้หรือไม่
ผลการทำโพลสำรวจได้ข้อมูลต่างๆ ที่น่าสนใจมาก
26% บอกว่าเคยสวดมนต์ขอให้พระเจ้าช่วยนำพาให้ทีมรักชนะการแข่งขัน
เรื่องนี้แฟนกีฬาอเมริกันฟุตบอล NFL จะสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้ามากกว่าแฟนกีฬา ประเภทอื่นๆ
22% เชื่อว่าพระเจ้ามีส่วนสำคัญในการบันดาลผลแพ้ชนะการแข่งขันกีฬา
25% เชื่อว่าทีมกีฬาสุดรักของตัวเองเคยโดนของ ถูกคุณไสย
48% ของแฟนกีฬาเห็นว่าพระเจ้าจะบันดาลให้นักกีฬาที่ยึดมั่นในศาสนามีสุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จในอาชีพนักกีฬา
21% บอกว่าในวันอาทิตย์หากจะต้องเลือกระหว่างการเข้าโบสถ์กับดูอเมริกันฟุตบอล NFL ขอเลือกดู NFL
ถามว่าทำไมแฟนกีฬาถึงต้องถือเคล็ดโน่นนี่ หรือสวดมนต์ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เวลาเชียร์ทีมโปรด
นักจิตวิทยาวิเคราะห์ว่าการถือเคล็ดเป็นการช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียดจากการเอาใจช่วยทีมโปรดให้ชนะ
เพราะคิดว่าการถือเคล็ดเป็นการช่วยทีมรักอีกทางหนึ่ง
สำหรับแฟนกีฬาตัวยง การนั่งเชียร์อยู่หน้าจอและถือเคล็ดหรือสวดมนต์ช่วยทีมทำให้รู้สึกว่าตัวเองควบคุมสถานการณ์การแข่งขันได้แม้จะไม่ได้ลงแข่งเอง
ช่วยให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทีม
แสดงความสนับสนุนทีมรักสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้
นักวิทยาศาสตร์พบว่าเครื่องรางช่วยให้ผู้ที่เชื่อในเครื่องรางของขลังประสบความสำเร็จ
จากการศึกษาของ ดร.ลีซาน ดามิสช์ (Dr. Lysann Damisch) นักจิตวิทยาแห่งยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ โคโลญจน์ (University of Cologne) ประเทศเยอรมนี ในปี 2010 พบว่าเครื่องรางของขลังมีส่วนช่วยทำให้ผู้ที่เชื่อประสบความสำเร็จ
ดร.ลีซานบอกว่า เธอเป็นคนชอบดูกีฬาและอ่านเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องเครื่องรางของขลัง ถือเคล็ด
ไม่ว่าจะเรื่องไทเกอร์ วูดส์ สวมเสื้อสีแดงในการแข่งวันสุดท้าย
ไมเคิล จอร์แดน สวมกางเกงสมัยเล่นให้ทีม University of North Carolina ไว้ใต้กางเกงทีมชิคาโก้ บูลส์ ตลอดการเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพให้กับบูลส์
ดังนั้น จอร์แดนต้องสวมกางเกงตัวนอกของทีมชิคาโก้ บูลส์ ยาวคลุมกางเกงทีม มหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโลไรนา ซึ่งก็ได้กลายเป็นแฟชั่นของนักบาสเกตบอลที่สวมกางเกงหลวมยาวเกือบคลุมเข่า จากแต่ก่อนที่เป็นกางเกงสั้นเหนือเข่า
ดร.ลีซานได้ทำการทดสอบกับอาสาสมัคร 28 คน ให้แต่ละคนนำเครื่องรางของขลัง หรือสิ่งนำโชคที่ตัวเองเชื่อติดตัวมา ซึ่งมีหลายอย่าง เช่น ตุ๊กตาหมี แหวนแต่งงาน หรือหินนำโชค
จากนั้นทางคณะนักจิตวิทยาก็ขอให้ทุกคนนำเครื่องรางหรือสิ่งนำโชคมาให้นักวิทยาศาสตร์เพื่อถ่ายรูป หลังจากถ่ายเสร็จ นักจิตวิทยาก็นำเครื่องรางคืนให้กับอาสาสมัคร แต่คืนให้แค่ครึ่งเดียวคือ 14 คน
ส่วนอีก 14 คน ทางนักวิทยาศาสตร์แกล้งบอกว่ากล้องถ่ายรูปมีปัญหาเดี๋ยวจะนำมาคืนให้ทีหลัง
จากนั้นก็ให้อาสาสมัคร 28 คน ทดสอบความทรงจำจับคู่ไพ่ทางคอมพิวเตอร์ 18 คู่
ผลออกมาว่าอาสาสมัครที่ได้เครื่องรางคืน ทำคะแนนได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เครื่องรางคืน
เหตุผลเพราะกลุ่มที่มีเครื่องรางติดตัวมีความมั่นใจมากกว่า และก่อนที่จะทำการทดสอบความทรงจำ อาสาสมัครกลุ่มนี้ต้องตั้งเป้าไว้ว่าตัวเองจะทำถูกเท่าไหร่
พบว่ากลุ่มที่มีเครื่องรางติตตัว ตั้งเป้าไว้สูงกว่า
นอกจากนี้ ยังได้ทำการทดสอบต่อ โดยให้อาสาสมัครพัตต์ลูกกอล์ฟลงหลุมจากระยะ 40 ฟุต
พบว่ากลุ่มที่นักวิทยาศาสตร์ยื่นลูกกอล์ฟให้แล้วบอกว่านี่เป็นลูกกอล์ฟนำโชคทำผลงานพัตต์ได้ดีกว่ากลุ่มที่นักจิตวิทยาไม่ได้บอกว่านี่เป็นลูกกอล์ฟนำโชค
ดร.ลีซาน ดามิสช์ สรุปการผลการทดสอบว่า เครื่องรางช่วยสร้างความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง ซึ่งส่งผลให้ทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น
เมื่อมีความมั่นใจ ก็ทำให้ตั้งใจทำสิ่งนั้นแบบมุ่งมั่นมากขึ้น จนกระทั่งประสบผลสำเร็จ
ดังนั้น ใครที่คิดว่าเครื่องรางของขลังเป็นเรื่องงมงายไร้สาระไม่มีประโยชน์ อาจต้องกลับมาคิดใหม่ครับ