ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 31 ธันวาคม 2564 - 6 มกราคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | โลกทรรศน์ |
ผู้เขียน | อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์ |
เผยแพร่ |
โลกทรรศน์
อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์
อาเซียน 2022
: อีเวนต์คึกคะนอง หรือปั่นป่วน
อาเซียนก้าวเข้าสู่ 2022 ด้วยเรื่องใหญ่ที่น่ายินดี ปีใหม่นี้ อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพการประชุม G 20 ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC กัมพูชาเป็นประธานอาเซียน ส่วนความตกลง Regional Cooperation on Economic Partnership-RCEP จะเริ่มดำเนินการ
เท่ากับว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นภูมิภาค เป็นเวทีและเป็นแพลตฟอร์มการประชุมสำคัญของโลกที่มีประเทศต่างๆ เข้าร่วมประชุมน่าจะทั่วทุกมุมโลก
เป็นเรื่องน่ายินดีที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นเวทีของการเจรจาเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและใช้เจรจาการเมืองของชาติต่างๆ ประเทศผู้จัดประชุมย่อมสร้างความประทับใจต่อผู้มาเยือน ผู้จัดย่อมได้รับเกียรติ
แต่หากเวทีการประชุมทำได้เพียงอีเวนต์ที่มีสีสัน ย่อมไม่ต่างจากโรงละคร โรงลิเก พาให้สนุกสนาน เพื่อลืมความจริงแห่งการแข่งขัน ผลประโยชน์ ความรัก/ความชัง อันเป็นความจริงแห่งการเมืองโลก
ผมมีข้อสังเกตที่ไม่ใช่ความกังวลและมองโลกร้ายเกินจริงต่ออาเซียน 2022
ความจริงพื้นฐานของภูมิภาค
แน่นอน การประชุม APEC เป็นการประชุมที่มีพัฒนาการที่ก้าวหน้าทีเดียว ชาติต่างๆ เห็นความสำคัญของการประชุมนี้ และมีประเทศที่เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจจากภูมิภาคสำคัญในเอเชียแปซิฟิก แต่ผลการประชุมเป็นแค่การปราศรัย
ตรงกันข้ามกับ RECP นับเป็นความตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่จะเรียกว่าน้องใหม่ก็ได้ เพราะจะมีการดำเนินการจริงๆ ปี 2022 นี่เอง ส่วนจำนวนประเทศที่เป็นพาร์ตเนอร์ก็มีไม่มาก
น่าสนใจว่า APEC ส่วน Comprehensive and Progressive Agreement Tran-Pacific partnership-CPTPP เป็นข้อตกลงเสรีทางการค้า (Free trade Area-FTA) ที่มีออสเตรเลียเป็นแกนนำ มีญี่ปุ่นและชาติต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสมาชิก ความตกลงทั้งสองนี้ ในความเป็นจริง ผลักดันและนำโดยชาติตะวันตกและค่ายที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ทั้ง APEC นำโดยสหรัฐอเมริกา ส่วน CPTPP นำโดยออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกาสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ลาออก แต่ต่อมาประธานาธิบดีโจ ไบเดน กลับเข้ามาเป็นสมาชิกอีกครั้ง ความตกลงทางการค้าเหล่านี้ จีนแทบไม่มีบทบาท ยิ่งจีนก็ไม่ได้เป็นสมาชิก
ดังนั้น จีนจะยิ่งผลักดันและเคลื่อนไหวอย่างสำคัญในปี 2022 โดยผลักดันผ่านความตกลงทางการค้าที่จีนก่อตั้งเองคือ RECP
ที่น่าสนใจมาก ยุทธศาสตร์ใหญ่ของจีนที่ไม่ได้เป็นแค่ความตกลงทางการค้าและการจัดประชุมด้านเศรษฐกิจคือ ข้อริเริ่ม หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative-BRI) ซึ่งจีนเป็นทั้งเจ้าของ (ผู้ก่อตั้ง) เจ้าของทุน (เงินทุน เทคโนโลกยีก่อสร้าง แรงงาน อื่นๆ) บริหารโครงการและรับประโยชน์โดยตรงจากยุทธศาสตร์นี้ด้วย
ดังนั้น ปี 2022 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเฉลิมฉลอง APEC และ CPTTP อย่างไรก็ตาม จีนก็จะเฝ้ามองอย่างตาไม่กะพริบว่า การเคลื่อนไหวของชาติตะวันตกและชาติเอเชียไปในทิศทางไหน แล้วจีนได้อะไรบ้าง
อาเซียนท่ามกลางการแข่งขัน
แน่นอน ไม่มีใครปฏิเสธการประชุมสำคัญในระดับโลกและภูมิภาคที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่มีอย่างน้อย 2 สิ่งที่เราควรตีประเด็นให้แตกก่อนคือ
ประการแรก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในทางเศรษฐกิจการเมืองโลกเป็นพื้นที่ทางการเมืองที่อุดมไปด้วยการแข่งขันระหว่างพลังภายนอกโดยเฉพาะ ชาติอภิมหาอำนาจคือ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่นและรัสเซีย ในเวลาเดียวกัน ยังมีความร่วมมือและแข่งขันไปพร้อมๆ กันของชาติต่างๆ ในภูมิภาค การร่วมมือและแข่งขันที่เกิดจากฐานประวัติศาสตร์ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ พลังอำนาจแห่งชาติทั้งทางเศรษฐกิจ การเมืองและการทหาร
อาจมองในแง่ดีได้ว่า การแข่งขันต่างๆ เป็นพลังขับเคลื่อนหรือ drive พลวัตของภูมิภาค ดังนั้น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จึงยังมีพลังที่ดึงดูดชาติต่างๆ ทั่วโลก มากกว่าภูมิภาคที่เริ่มเสื่อมถอยและหมดพลังกลายเป็นสิ่งตกค้างทางประวัติศาสตร์
ประการที่สอง อาเซียนเป็นแพลตฟอร์มทางการทูตที่สำคัญและมีพลังมาก ดังนั้น จึงควรพิจารณาถึงสาระและแก่นแท้ที่ขับเคลื่อนอาเซียนอยู่จริงๆ ด้วย แกนกลางที่น่าจะท้าทายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และบทบาทอาเซียนน่าจะมีอะไรบ้าง
ดังพอสรุปคือ
ประธานอาเซียนคนใหม่ กัมพูชา
อาจกล่าวได้ว่า ประธานอาเซียนมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสำคัญตามความสำคัญของอาเซียน ด้วยการริเริ่มการโน้มน้าวและกดดันของประธานอาเซียนมีผลต่อการตัดสินใจสำคัญของอาเซียน แล้วที่ผ่านมา อาเซียนกำลังเผชิญกับปัญหาการรัฐประหารเมียนมา ซึ่งกระทบต่อปัญหาภายในและต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างน่าสนใจ
กล่าวอย่างสรุป การรัฐประหารเมียนมาเมื่อกุมภาพันธ์ 2021 ก่อให้เกิดการต่อต้านจากหลากหลายฝ่ายภายในประเทศที่ต่อต้านการรัฐประหารของทหาร แล้วล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งที่นำโดยนางออง ซาน ซูจี ที่สำคัญนานาชาติต่างไม่ยอมรับและไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารของทหารเมียนมา นานาชาติต่างเรียกร้องให้ทหารเมียนมาคืนอำนาจให้กับรัฐบาลของออง ซาน ซูจี ปล่อยตัวนักโทษการเมืองและยุติการปราบปรามประชาชน ผู้ประท้วง
อาจมองในแง่ดีก็ได้ รัฐประหารเมียนมาพิสูจน์จุดยืนตรงกลาง (Centrality) ของอาเซียนครั้งสำคัญ เกือบทุกประเทศไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารเมียนมาและการปราบปรามประชาชน
ประธานอาเซียน บรูไน แสดงบทบาทกดดันรัฐบาลทหารเมียนมาไม่ให้เข้าร่วมประชุมอาเซียนครั้งต่างๆ เพราะรัฐบาลทหารเมียนมาปฏิเสธการปฏิบัติตามเงื่อนไข 5 ประการที่สัญญาจะปฏิบัติตามเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งจากรัฐประหารในเมียนมา
บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ร่วมกันกดดันรัฐบาลทหารเมียนมาไม่ให้เข้าร่วมประชุมอาเซียน
บรูไนในฐานะประธานอาเซียน ไม่เชิญพลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย หัวหน้าคณะรัฐประหารเมียนมาเข้าร่วมประชุมอาเซียน และการประชุมครบรอบ 30 ปีจีน-อาเซียน แม้บทบาทประธานอาเซียนเยี่ยงบรูไนและการสนับสนุนของสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์จะเป็นเรื่องใหม่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และถูกวิจารณ์ว่าสร้างความแตกแยกและไม่เป็นเอกภาพของอาเซียน แต่กลับเป็นการกระทำที่สะท้อนความเป็นจริงในอาเซียน เป็นการตัดสินใจลดปัญหาความขัดแย้งภายในอาเซียน
อาเซียนไม่ได้เป็นเสือกระดาษอย่างที่ถูกปรามาสจากหลายฝ่ายมานาน อาเซียนเห็นความสำคัญของประชาชน สิทธิมนุษยชน อีกทั้งยังวางบทบาทอาเซียนตามหลักการสากล ในทางการเมือง บทบาทนำของบรูไนช่วยให้อาเซียนรอดพ้นจากการบอยคอตจากนานาชาติเนื่องจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน
แต่กัมพูชากลับไม่ต่อต้านและกดดันรัฐบาลทหารเมียนมา
ที่สำคัญมากคือ ท่าทีของกัมพูชาสอดคล้องกับทางการจีนที่ไม่ได้กดดันรัฐบาลทหารเมียนมา เนื่องจากผลประโยชน์ของจีนในเมียนมาได้แก่ การค้า การลงทุนของจีนในเมียนมา
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เมียนมากลายเป็นสนามของสงครามตัวแทนของจีน เป็นสงครามการทูต เพื่อสกัดกั้นบทบาทและอิทธิพลของชาติตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประธานอาเซียนคนใหม่ กัมพูชา
กัมพูชาจะผลักดันญัตติจีนต่อเมียนมาและอาเซียน เหมือนกับที่กัมพูชาไม่ให้อาเซียนออกแถลงการณ์ร่วมอาเซียนเรื่องทะเลจีนใต้ เมื่อกัมพูชาเป็นประธานอาเซียนปี 2012 ปี 2012 เป็นยิ่งกว่าปีที่แปลกประหลาดของอาเซียน แต่ปี 2012 เป็นปีแห่งความอัปยศของอาเซียน
ญัตติจีนของประธานอาเซียนคนใหม่ เริ่มต้นล่วงหน้าแล้ว เมื่อว่าที่ประธานคนใหม่ประกาศว่า สมาชิกทุกประเทศจะต้องได้รับเชิญเข้าประชุมอาเซียน แล้วการทูตลึกแต่ไม่ลับก็เกิดขึ้นตลอดเวลาจากนั้น จีนเคลื่อนไหวเพื่อหนุนว่าที่ประธานอาเซียนคนใหม่ รองประธานาธิบดี รัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐเยือนภูมิภาคต่อเนื่อง
ญัตติจีนจะเริ่มต้นที่รัฐประหารเมียนมา ขยายไปสู่ปัญหาทะเลจีนใต้
นี่ไม่ใช่อีเวนต์ เป็นสงครามตัวแทนเลยครับ