จิตรกรในโลกเทา/การเมืองวัฒนธรรม เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ

การเมืองวัฒนธรรม

เกษียร เตชะพีระ

 

จิตรกรในโลกเทา

 

ปรากฏรายงานเมื่อกลางเดือนธันวาคมศกนี้ว่ามหาวิทยาลัยคอร์เนลพบนักศึกษาติดโควิด-19 ถึง 900 กว่าคน โดยที่หลายคนในจำนวนนั้นติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนด้วย ทั้งที่ฉีดวัคซีนป้องกันเต็มที่แล้ว ทำให้ต้องปิดการเรียนการสอน ระงับพิธีประสาทปริญญาบัตรและจัดสอบออนไลน์แทน (https://edition.cnn.com/2021/12/14/us/cornell-university-covid-cases/index.html)

ข่าวนี้ทำให้ผมหวนนึกถึงหน้าหนาวแรกที่ผมได้เจอหิมะหนแรกในชีวิตเมื่อไปเรียนต่อปริญญาโท-เอกที่นั่นปลายปี พ.ศ.2528

ช่วงสัปดาห์ปลายปี มหาวิทยาลัยและเมืองอิทากะจะเงียบสงัดมาก นักศึกษาอเมริกันส่วนใหญ่กลับบ้านไปฉลองคริสต์มาสกัน เหลือแต่นักศึกษาต่างชาติอย่างเราที่เฝ้าอพาร์ตเมนต์หนาวเหน็บอยู่

กลางดึกเงียบเหงาคืนหนึ่ง ความคิดถึงพรรคพวกเพื่อนฝูงที่เมืองไทย ผมได้เขียนกลอนปีใหม่ถึงพวกเขา ก่อนจะเข้าไปพิมพ์ที่มหาวิทยาลัยและส่งถึงพวกเขาทางไปรษณีย์วันรุ่งขึ้น (นั่นเป็นก่อนยุคอีเมลแพร่หลายนะครับ)

36 ปีผ่านไป ผมยังจำกลอนชิ้นนั้นได้ขึ้นใจ ขออนุญาตนำมาส่งต่อให้ท่านผู้อ่านรับปีใหม่ 2565 นี้

มหาวิทยาลัยคอร์เนล เมืองอิทากะ มลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กลางหิมะหน้าหนาว

จะว่าใกล้ใกล้แน่แค่จิ้มนิ้ว ยกหูหิ้วก็สื่อความได้ตามสาย

จะว่าไกลไกลโพ้นโคนรุ้งปลาย ข้ามสมุทรจุดหมายไม่เห็นเลย

บนแผ่นดินผืนใหม่โลกใบเก่า ชีวิตคนยังคงเฉาและเฉื่อยเฉย

คนยากไร้ก้มหน้าไม่กล้าเงย ใครสง่าผ่าเผยต้องมั่งมี

มีผู้คนคุ้ยของกองขยะ เสื้อผ้าขาดปุปะพลัดถิ่นที่

ขอเศษเงินเดินโซเป็นโยคี หน้าหนาวทีแข็งตายก็หลายคน

มีผู้คนรวยล้ำจนค้ำฟ้า กลับชาติมาใช้ใหม่ได้หลายหน

ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้าดอลลาร์ตน ซื้อเสียจนชีวิตนี้ไม่มีอะไร

ต้นไม้โกร๋นถนนขาวหนาวน้ำแข็ง โดนลมโกรกแรงแรงอาจเป็นไข้

ไม่ดื่มนมอมเนยเชยบรรลัย ขนมปังแผ่นใหญ่รสชืดชา

อ่านหนังสือเขียนบทความตามคำสั่ง ว่างดูหนังฟังเพลงโอเปร่า

เหงาก็ฝ่อห่อเหี่ยวเปลี่ยวอุรา หลับก็ฝันถึงแต่หน้าเพื่อนเพื่อนเรา

 

จะที่นั่นที่นี่ที่ไหนไหน โลกล้วนไม่สวยสดหดหู่เศร้า

ความเป็นจริงโลกนี้เป็นสีเทา เป็นสีเก่าแก่ที่มีมานาน

จิตรกรก่อนเราก็หลายรุ่น มุ่งวาดโลกสีละมุนละไมหวาน

ขึงผ้าใบห่มจินตนาการ ผสมสีใส่จานจุ่มพู่กัน

บรรจงวาดโลกที่ไม่มีโลก ไม่มีความโสโครกเขย่าขวัญ

ไม่มีคนอดอยากลำบากครัน ไม่มีการฆ่าฟันทำสงคราม

ไม่มีการกดขี่เหยียบยีย่ำ ไม่มีน้ำตาทุกข์ที่ท่วมหลาม

ไม่มีอำนาจใดให้ยอมตาม ไม่มีความมั่งคั่งบนหลังคน

ไม่มีคำตอบหนึ่งซึ่งต้องถูก ไม่มีศาสดาผูกขาดเหตุผล

ไม่มีการสอบเอ็นฯ ตามเกณฑ์ตน ไม่มีความอับจนทางปัญญา

และไม่มีไม่มีล้วนไม่มี อะไรที่เคยมีไม่เข้าท่า

และมั่งมีมากมายล้วนมีมา อะไรที่ฝันว่าอยากให้มี

 

ความเป็นจริงหยิ่งผยองครองโลกอยู่ ชี้นิ้วกราดตวาดขู่เจ้าของสี

ไอ้ความฝันจัญไรไม่เข้าที เหยียบขยี้ยีย่ำคว่ำผ้าใบ

หักพู่กันเขวี้ยงจานจนแหลกยับ เข้ารวบจับจิตรกรผู้อ่อนไหว

ขึงด้วยตรวนแส้ฟาดเจียนขาดใจ หยิบสีเทายื่นให้เจ้าจงทา

ทาที่หน้าทาตัวให้โชกชุ่ม ทาแผ่นดินให้เทาคลุมทั้งผืนหล้า

ทาความฝันดวงจินต์และวิญญา ทาจนกว่าเจ้าจะเห็นเป็นสีเทา

ทาจนหมดยิ้มละไมที่ในโลก จนเหลือแต่ความโศกที่ซึมเศร้า

จนลืมสิ้นสีอื่นใดไม่เหลือเงา จนกว่าเจ้าเห็นสีเทาเป็นธรรมดา

 

ในความจริงสีเทาอันเศร้าหมอง น้ำตาจิตรกรนองทั้งใบหน้า

สีเทาหยดเข้าปากสากลิ้นคา จิตรกรกัดชิวหาฆ่าตัวตาย

เขายอมตายกับความฝันอันผุดผ่อง ดีกว่าอยู่ในโลกหมองหมดความหมาย

สำหรับเขาเขาไม่ได้วอดวาย ซากสีเทาทั้งหลายไร้ชีวิต

ลมหายใจเทาเทาเปล่าคุณค่า ตายดีกว่าความฝันตายสนิท

นิทานนี้มีสาระน่าคิด ฝากมิ่งมิตรทั้งผองไตร่ตรองดู

 

ไม่เหมือนคำอวยพรตอนปีใหม่ เล่าเรื่องเลวบรรลัยไม่เข้าหู

ผิดกาลเทศะน่าจะรู้ ครับใช่ครับจริงอยู่เป็นอย่างนั้น

ต้องขอโทษโปรดอภัยให้ผมด้วย ที่เล่าเรื่องเฮงซวยขัดหูท่าน

งั้นขออวยพรใหม่ให้แล้วกัน จงยั่งยืนหมื่นพันมากอายุ

จงร่ำรวยแสนล้านบานตะไท ปัญญาคล่องสมองใสไม่กร่อนผุ

จงค้าขายเซ็งลี้ดีบรรลุ หลับอุตุสมมาตรปราศโรคภัย

แล้วถ้ามีเวลาว่างบ้างนิดหน่อย เขียนจดหมายใบน้อยน้อยไม่ต้องใหญ่

เล่าข่าวคราวถึงผมบ้างพอวางใจ เพื่อนยังฝันอยู่หรือไม่ในโลกเทา

เพื่อนยังฝันอยู่หรือไม่ในโลกเทา?