ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 24 - 30 ธันวาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | เครื่องเคียงข้างจอ |
ผู้เขียน | วัชระ แวววุฒินันท์ |
เผยแพร่ |
เครื่องเคียงข้างจอ
วัชระ แวววุฒินันท์
ที่สุดของปี 2564 (1)
ใกล้จะสิ้นปี 2564 แล้ว พอถึงยามนี้ สื่อหลายสำนักก็มักจะมีการสรุปเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา หรือมีโพลสำรวจบุคคลหรือเรื่องราวต่างๆ ให้คนในสังคมได้ทราบกัน
คอลัมน์เครื่องเคียงข้างจอ จึงขอร่วมวงไพบูลย์กับเขาด้วย โดยการสรุป “ที่สุดแห่งปี” ในมุมมองของผู้เขียนเอง โดยไม่ได้อิงหลักวิชาการ หรือแนวทางใดๆ คือ เป็นที่สุดตามใจฉันงั้นเถอะ
สำหรับ “ที่สุดแห่งปี 2564” นี้มี 10 เรื่องราวด้วยกัน ซึ่งจะขอแบ่งออกเป็น 2 ตอนนะครับ โดยในฉบับนี้จะเขียนถึงที่สุด 5 เรื่องก่อน แล้วอีก 5 ค่อยไปต่อในฉบับหน้า ต้องขอบอกก่อนว่าไม่ได้เรียงตามลำดับอันใดทั้งสิ้น เรียงตามใจฉันเช่นกันครับ
เอาล่ะ มาดูกันว่าจะมี “ที่สุด” ในเรื่องใดบ้าง
ที่สุดลำดับแรก คือ “แยกทางกันดังที่สุด” เป็นของบุคคลในวงการบันเทิง ที่ตกเป็นข่าวคราวการเลิกรากันเมื่อราว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นก็คือ “หนุ่มเวียร์ ศกลรัตน์ กับ สาวเบลล่า ราณี” นั่นเอง
เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าแฟนคลับของทั้งสองไม่น้อย เพราะภาพและข่าวที่ได้รับทราบกันคือ ทั้งสองเป็นคู่ที่น่ารักเหมาะสมกันดี มีซีนหวานชื่นออกสื่อให้เห็นเป็นระยะ แม้ในช่วงแรกๆ ของการคบหาเป็นแฟนกันจะออกแนว “กั๊ก” อยู่สักหน่อย
แต่พอเริ่มเปิดเผยก็เหมือนเปิดก๊อกน้ำ ด้วยมีภาพและข่าวคราวของทั้งคู่ออกมาให้แฟนๆ ยิ้มหวาน และให้กำลังใจอยู่เสมอๆ
“9 ปี” เป็นระยะเวลาของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่ไม่น้อยเลย จนหลายคนอดเสียดายแทนไม่ได้
ถึงกระนั้นเมื่อทั้งคู่ประกาศเรื่องเลิกรากัน แต่ก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน มีความเป็นพี่เป็นน้องกันอยู่ โดยไม่มีประเด็นที่สร้างความเสียหายให้กับทั้งคู่เลย เรียกว่า “จบแบบเอาอยู่”
ที่สมควรถูกจัดให้เป็น “แยกทางกันดังที่สุด” เพราะเรื่องนี้ถูกขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ และเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ที่มียอดผู้ที่สนใจสูงมาก ในวงกินข้าวของสาวๆ ออฟฟิศจะพูดกันถึงเรื่องนี้
และมีสื่อนำมาตีเจาะประเด็นในมุมต่างๆ อยู่หลายวันทีเดียว
ลําดับต่อไปคือ “อินเตอร์ที่สุด” ต้องขอปรบมือให้กับ “น้องลิซ่า” หรือลลิษา มโนบาล แห่งวงเกิร์ล กรุ๊ป แบล็กพิงค์ นั่นเอง
เดิมที ลิซ่าก็โด่งดังอยู่แล้ว จากผลงานในการร้องเพลง และความสวยงามในการเต้น บวกกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่นชวนมอง จึงทำให้มีแฟนคลับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติติดตามจำนวนหลายล้านเลย สร้างความภาคภูมิใจให้กับพี่น้องคนไทยที่เด็กสาวเลือดไทยแท้ๆ สามารถสร้างตัวเองขึ้นมาในต่างแดนจนมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับโลกทีเดียว
ตอกย้ำของตำแหน่งนี้ เมื่อมีการออกผลงานเดี่ยวของเธอเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทันทีที่มิวสิกวิดีโอเพลง “La Lisa” ของเธอถูกปล่อยออกมา ก็ถูกจดบันทึกลงใน Guinness World Records ในฐานะศิลปินเดี่ยวที่ทำยอดวิวทางยูทูบสูงที่สุดถึง 73.6 ล้านครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมงแรกเท่านั้น
และจากมิวสิกวิดีโอที่ว่า ได้สร้างกระแสอย่างต่อเนื่องให้กับสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรัดเกล้าที่เธอสวม หรือสไบทองที่เธอใส่ ที่กลายเป็นสินค้าขายดีของสำเพ็งในช่วงนั้นจนของขาดตลาด หรือเกิดการเลียนแบบในติ๊กต็อกจากแฟนคลับและคนมีชื่อเสียงหลายคนทีเดียว
บทสัมภาษณ์ของเธอในรายการวู้ดดี้ โชว์ ก็สร้างกระแสการกิน “ลูกชิ้นยืนกิน” ในตลาดที่ จ.บุรีรัมย์ บ้านเกิดของเธอ จนต้องต่อแถวซื้อกัน สร้างรายได้ให้กับแม่ค้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่เท่านั้น ผู้ใหญ่หลายคนในบ้านเมืองก็โหนกระแสของเธอในมุมต่างๆ เช่น เรื่องการนำศิลปวัฒนธรรมของไทยไปเผยแพร่ในมิวสิกวิดีโอที่มีทั้งมุมชื่นชมว่าเป็น Soft Power และมุมติติง ว่าถูกต้องและสมควรเพียงใด รวมทั้งมีอาการหน้าแตกเมื่อมีการประกาศล่วงหน้าว่าจะนำเธอมาขึ้นเวทีในงานเคาต์ดาวน์สิ้นปีที่ภูเก็ต ซึ่งเอาเข้าจริงๆ เธอก็ไม่สะดวกที่จะรับงานเพราะคิวแน่นเอี๊ยด
ความดังของเธอต่อเนื่องติดๆ กันกับการได้ร่วมร้องเพลงกับศิลปินดังระดับโลกจากฝั่งยุโรป ละติน และอเมริกา ภายใต้รหัสลับ S-O-L-M นั่นคือ S คือ DJ Snake ดีเจ และโปรดิวเซอร์ชาวฝรั่งเศส, O คือ Ozuna ศิลปินชาวละติน, L ก็คือ Lisa ส่วน M ก็คือ Megan Thee Stallion ศิลปินหญิงผิวสีชาวอเมริกัน ก็ทำให้คนทั่วโลกชื่นชมและยอมรับในตัวเธออย่างมาก
จนแบรนด์สินค้าระดับโลกได้นำเธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และพรีเซ็นเตอร์สินค้า ไม่ต่ำว่า 15 แบรนด์ จาก 10 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งของไทยด้วย
ด้วยเหตุนี้เธอจึงถูกจัดให้เป็น “อินเตอร์ที่สุด” ของปีนี้ไปด้วยประการฉะนี้
ลําดับต่อไปยังแวะเวียนอยู่กับ “ผู้หญิง” และเป็นเรื่องของความสวยความงามระดับอินเตอร์เช่นกัน นั่นคือ “แหวกขนบที่สุด” แห่งปีนี้
ตำแหน่งนี้มอบให้กับ “#RealSizeBeauty” ของน้อง “แอนชิลี สก๊อต เคมมิส” สาวลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย เจ้าของตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2021 ที่ได้สร้างประเด็นของความงามใหม่ขึ้นมาด้วยกระแส “#RealSize Beauty” งามแบบตัวของตัวเอง
“แอนอยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาภูมิใจในความแตกต่างและตัวตนที่ไม่เหมือนใคร เพราะรูปร่างที่แท้จริงของเรามีความสวยในแบบของใครของมัน”
นั่นเป็นคำพูดเด็ดของเธอในช่วงของการแนะนำตัวรอบออดิชั่น ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เพื่อบ่งบอกถึงความเชื่อมั่นในรูปร่างที่อวบใหญ่ของเธอที่เกินมาตรฐานความงามของสังคม และนั่นทำให้เธอได้สวมมงกุฎเป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดเวทีโลก ซึ่งจากประเด็นนี้ได้สร้างกระแสขึ้นอย่างมากมายในวงการนางงามของไทย มีทั้งคนชื่นชมและคนกังขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความตั้งใจของเธอลดน้อยลงเลย
แม้ในเวทีมิสยูนิเวิร์ส แอนชิลีไม่สามารถพาความเชื่อมั่นใน “#RealSizeBeauty” ผ่านเข้ารอบ 16 คนได้ เพราะมาตรฐานความงามของเวทีนี้ยังคงให้ความสำคัญกับรูปร่างที่สวยงามสมส่วนเหมือนที่เป็นมา แต่ก็มีความเห็นจากผู้หญิงที่มีชื่อเสียง และเพื่อนนางงามหลายคนที่ชื่นชมในความคิดนี้ของเธอ ที่ชี้ให้เห็นว่า โลกสวยงามได้ในความงามที่แตกต่างกัน และเราควรภูมิใจในความเป็นเรา
แอนชิลีกับแคมเปญ “#RealSizeBeauty” ของเธอ จึงเหมาะอย่างยิ่งกับตำแหน่ง “แหวกขนบที่สุด” ของปีนี้
จากเรื่องสวยๆ งามๆ ที่สุดลำดับต่อไปตกเป็นของวงการกีฬาบ้าง กับตำแหน่ง “ยอดฝีมือที่สุด” โดยตกกับนักกีฬาของกีฬาแบดมินตัน คือ “บาส-เดชาพล พัววรานุเคราะห์” กับ “ปอป้อ-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย” นักกีฬาแบดมินตันคู่ผสม ที่ก้าวขึ้นมือหนึ่งของโลกไปแล้วเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ต้องยอมรับว่าปีนี้เป็นปีทองฝังเพชรของบาสและปอป้อจริงๆ โดยสามารถเก็บชัยชนะจากการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ในปี 2564 นี้ ได้ถึง 8 รายการ ทั้งคู่ประเดิมสร้างปรากฏการณ์ที่น่ายกย่องจากการคว้าแชมป์ 3 รายการติด จากการแข่งขันรายการใหญ่ที่จัดขึ้นในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2564 จากนั้นก็คว้าชัยชนะต่อจากการแข่งขันในประเทศเยอรมนีเป็นรายการที่ 4 และยังมาคว้าแชมป์ 3 รายการติดได้อีกจากการแข่งขันที่จัดขึ้นในประเทศอินโดนีเซียในช่วงปลายที่ผ่านมา
ส่งท้ายด้วยการที่ทั้งคู่จับคู่กันในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2021 ที่ประเทศสเปน ซึ่งผลการแข่งขันก็ออกมาว่าบาสและปอป้อเอาชนะคู่ญี่ปุ่นได้ คว้าแชมป์ส่งท้ายปีมาได้อย่างสวยงามยิ่ง
บาสและปอป้อเริ่มจับคู่กันเมื่อปี 2558 โดยเริ่มจากอันดับ 345 ของโลกก่อนจะค่อยๆ ขยับอันดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเพียง 6 ปี ทั้งคู่ก็สามารถขึ้นถึงอันดับ 1 ของโลกได้จากการประกาศของสหพันธ์แบดมินตันโลกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564
โดยเฉพาะปีนี้ที่ทั้งคู่สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตามที่กล่าวไปแล้ว ตำแหน่ง “ยอดฝีมือที่สุด” ของปีนี้ จึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับนักแบดมินตันขวัญใจชาวไทยของทั้งคู่
สุดท้ายของฉบับนี้ คือตำแหน่ง “ฮือฮาผ้าเหลืองที่สุด” ตกเป็นของ “พระมหาสมปอง และ พระมหาไพรวัลย์” สองพระนักเทศน์ชื่อดัง ที่ตกเป็นข่าวดังในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมีการพูดถึงความเหมาะสมของการเทศน์ไลฟ์สดของพระมหาทั้งสองรูป
ต้องยอมรับถึงกระแสความสำเร็จของรายการทอล์กโชว์สดทางเฟซบุ๊กและยูทูบของทั้งสองพระ ที่สามารถดึงดูดความสนใจของคนดูพร้อมกันกว่า 2 แสนคนทางเฟซบุ๊กด้วยความมีอารมณ์ขัน ฟังสนุกสนาน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกทั้งเสียงชื่นชมและวิจารณ์ในเวลาเดียวกันว่า “ทำได้” หรือ “ไม่ได้” “เหมาะสม” หรือ “ไม่เหมาะสม”
รวมทั้งได้สร้างคำย่อ “พส.” หรือพระสงฆ์ ให้โด่งดังในโลกโซเชียลไปพรรคใหญ่ จนมีสื่อนำมาเล่นล้อกับตัวย่อนี้ประกอบการนำเสนอเรื่องต่างๆ อยู่หลายวัน
การวิพากษ์วิจารณ์นี้ทำให้ทั้งสองรูปเดินสายชี้แจงในรายการ และกับสื่อต่างๆ อยู่หลายวัน และถูกนิมนต์ให้ไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ของสภาผู้แทนราษฎร โดยมีบทสรุปว่าสามารถทำต่อได้โดยให้เพิ่มเนื้อหาสาระในรายการไลฟ์สดให้มากกว่าเดิม
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนิมนต์ให้ พส.ทั้งสองรูปนี้ รับตำแหน่ง “ฮือฮาผ้าเหลืองที่สุด” ของปี 2564 นี้ไปครองโดยไม่ต้องชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการใดๆ ให้เมื่อยตุ้ม
ครบ 5 ที่สุดของฉบับนี้แล้วครับ
ฉบับหน้ามาดูกันว่าจะมีอะไรเป็น “ที่สุด” กับ 5 เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนี้กัน
To be Continue โปรดติดตามตอนต่อไป