เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ล้วนยืนยันในความเป็นพรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย
จึงมิได้หมายความว่า “ยี่ห้อ” พรรคการเมืองประชาธิปไตยจะผูกขาดเป็นของพรรคเพื่อไทย หรือพรรคก้าวไกล
หลายคนอาจจะมองว่าการอ้างตัวว่าเป็นพรรคการเมืองในปีกประชาธิปไตยจากพรรคพลังประชารัฐ จากพรรคภูมิใจไทย หรือจาก พรรคชาติไทยพัฒนาอาจมีความน่าเชื่อถือไม่มากนัก
ตรงกันข้าม การอ้างของพรรคประชาธิปัตย์มีน้ำหนักและความน่าเชื่อถือในทางประวัติศาสตร์รองรับเป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะเมื่อมองไปยัง นายชวน หลีกภัย ไม่ว่าจะเป็น นายบัญญัติ บรรทัดฐาน
เพราะนับแต่ก่อตั้งขึ้นมาในเดือนเมษายน 2489 จุดเด่นของ พรรคประชาธิปัตย์คือการต่อต้าน จอมพล ป.พิบูลสงคราม การต่อ
ต้าน จอมพลถนอม กิตติขจร
กระนั้น การจะมองพรรคการเมืองหนึ่งจะมองแต่จากแถลง การณ์และคำประกาศย่อมไม่ถูกต้อง ครบถ้วนโดยสมบูรณ์
การแปรเปลี่ยนของพรรคประชาธิปัตย์มีตัวอย่างให้ทดสอบได้ไม่ยากเท่าใดนัก ต้องมองจากสถานการณ์ก่อนการเลือกตั้งและหลัง การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562
ก่อนการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นำพรรคต่อต้านการ สืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หลังการเลือกตั้งเมื่อตำแหน่งหัวหน้าพรรคตกอยู่ในมือของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เขาได้นำพาพรรคเข้าไปร่วมขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเดือนมิถุนายน 2562
นี่คือเส้นแบ่งอันทรงความหมายยิ่ง ไม่ว่าจะมองไปยังพรรคประ ชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมองไปยังพรรคการเมืองใดก็ตาม
ยิ่งสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ยิ่งจะกลายเป็น”คำถาม”ใหญ่
การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าในอนาคตอันใกล้ ยิ่งจะเสนอคำถามอันแหลมคมอย่างเป็นพิเศษสำหรับแต่ละพรรคการเมืองที่ลงสนามในการต่อสู้
คำว่า”ประชาธิปไตย”อาจมิใช่”บรรทัดฐาน”เดียวอีกแล้ว
ตรงกันข้าม ยังเสนอสร้อยเสริมเติมอีกว่าเป็นประชาธิปไตยวิปริต เป็นประชาธิปไตยล้าหลัง หรือเป็นประชาธิปไตยก้าวหน้า
เป็นคำถามต่อพรรคพลังประชารัฐ ต่อพรรคประชาธิปัตย์