3 ข้อดีของการสร้างแบรนด์ด้วยการเลือกบริษัทใช้ผู้รับลงโฆษณา Google

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในตอนนี้ช่องทางทางการตลาดเชิงดิจิทัล หรือ Digital Marketing คือเคล็ดลับของการขยายชื่อเสียงของแบรนด์และธุรกิจให้กลายเป็นที่รู้จักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์นั้นก็ประกอบไปด้วยเครื่องมือและตัวช่วยที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นพัฒนาอันดับการค้นหาบนหน้าเว็บไซต์ด้วยการทำ Search Engine Optimization หรือ SEO การซื้อสื่อโฆษณาบน Social Media ต่างๆ ตลอดไปจนถึงการซื้อสื่อโฆษณาจากแพลตฟอร์มที่ทรงอิทธิพลสูงสุดอย่างเว็บไซต์ Google แต่ในบทความนี้จะพาผู้อ่านไปโฟกัสที่การซื้อสื่อโฆษณาผ่านแพลตฟอร์ม Google กับการเลือกไว้วางใจให้บริษัทผู้เชี่ยวชาญที่รับลงโฆษณา Google มีข้อดีอะไรบ้าง ตามมาหาคำตอบได้จากบทความนี้เลย

 

โฟกัสที่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

สำหรับข้อดีอันดับแรกของการเลือกไว้วางใจให้บริษัทผู้เชี่ยวชาญรับลงโฆษณา Google ได้เข้ามาดูแลและโปรโมทธุรกิจคุณผ่านแพลตฟอร์ม Google นั่นก็คือหลังจากที่ตัวผู้เชี่ยวชาญเองรับทราบเป้าหมาย ทิศทางและกลุ่มเป้าหมายที่ลูกค้าต้องการจะโฟกัสแล้ว ในลำดับถัดมาสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญจะวางแผนและดูแลกลยุทธ์ทางการตลาดให้กับแบรนด์คุณนั้นจะเป็นอะไรที่เน้นย้ำและโฟกัสไปเพียงแค่กลุ่มเป้าหมายนั้นๆ ของลูกค้าโดยเฉพาะ ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานหน้าเว็บไซต์ได้ค้นหาและเจอแต่สิ่งที่ตนเองสนใจ พัฒนาอันดับขั้นจากผู้ค้นหาข้อมูลผ่านหน้าเว็บไซต์แบบธรรมดาๆ ให้กลายมาเป็นลูกค้าในอนาคตได้

 

ควบคุมงบประมาณในการลงทุนได้ตามที่ต้องการ

ขึ้นชื่อว่าเป็นการเลือกซื้อสื่อโฆษณาจากแพลตฟอร์ม Google แล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นข้อดีของการเลือกว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญที่รับลงโฆษณา Google ก็คือตัวลูกค้าและผู้วางแผนเองสามารถปรึกษาหารือกันเพื่อควบคุมงบประมาณในการลงทุนเพื่อให้เป็นไปตามผลประกอบการที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณการลงทุนที่ใช้เพื่อซื้อสื่อโฆษณาในแต่ละวัน งบประมาณภาพรวมทั้งหมดที่จะใช้ในโปรเจกต์นี้ เป็นการบังคับผู้วางแผนไปโดยกลายๆ ว่างบประมาณที่ใช้นั้นจะต้องไม่บานปลายไปมากกว่านี้

 

ควบคุมระยะเวลาที่ใช้ในการลงสื่อโฆษณา

เมื่อแบรนด์หรือเจ้าของธุรกิจตัดสินใจว่าจ้างบริษัทผู้รับลงโฆษณา Google นอกจากจะแจ้งความประสงค์เรื่องงบประมาณที่ไม่ต้องการให้บานปลายแล้ว อีกหนึ่งความประสงค์ที่สามารถแจ้งบริษัทผู้รับลงโฆษณา Google ได้นั่นก็คือเรื่องของการกำหนดระยะเวลาที่ใช้ในการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Google ทั้งนี้เจ้าของแบรนด์และผู้วางแผนการทำโฆษณาทางการตลาดก็สามารถปรึกษาหารือกันได้อีกเช่นกันว่ากลุ่มเป้าหมายของแบรนด์นี้มักจะใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลต่างๆ บนหน้าอินเทอร์เน็ตวันละประมาณกี่ชั่วโมง ส่วนใหญ่เป็นช่วงเวลาไหน เพื่อเป็นการกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการปล่อยโฆษณาให้ไปปรากฏสู่สายตากลุ่มเป้าหมาย เป็นการสร้างความรับรู้ (Awareness) ตลอดไปจนถึงเมื่อโฆษณาปรากฏไปยังสายตาของกลุ่มเป้าหมายที่ถูกคน โอกาสในการพัฒนาจากลำดับขั้นของการรับรู้ (Awareness) ให้กลายเป็นลำดับขั้นของการตัดสินใจซื้อ (Decision Making) ก็คงเป็นไปได้ไม่ยากแล้วล่ะ