คำตอบของคำถาม เหตุผลในการก้าวต่อของภณ ณวัสน์/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

คำตอบของคำถาม

เหตุผลในการก้าวต่อของภณ ณวัสน์

 

“ยากเลยครับ” ภณ-ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์ โอดเบาๆ ก่อนเล่าเหตุของการโอดว่าเป็นเพราะที่ผ่านมากองถ่ายต้องหยุดทำงานแบบ ‘นานมาก’ เนื่องจากโควิด-19 ระบาด และพอได้เริ่มกลับมาถ่ายใหม่ อะไรๆ ก็ลืมไปเยอะ

“แคแร็กเตอร์เป็นยังไงจำไม่ได้แล้ว” ยกตัวอย่างเล่าพลางหัวเราะ

“ซีนนี้ถ่ายไปแล้ว เล่นอารมณ์ประมาณไหน ก็ต้องมาทำการบ้านใหม่หมด เหมือนเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่”

แต่ถึงจะโอดไป ยกตัวอย่างไป เอาเข้าจริงเขาก็บอกไม่เป็นไร ดีเสียอีกที่ได้ทำ เพราะนี่คืองานที่รัก

ก่อนหน้าจะเข้าวงการเมื่อราว 5-6 ปีก่อน ภณบอกว่าเขา “เฉยมาก” กับอาชีพนี้

“ไม่ได้แบบอยากเป็น”

“เพราะอย่างที่ทุกคนน่าจะทราบคือแม่ผม (ชณุตพร วิศิษฏโสภณ) เป็นดาราอยู่แล้ว”

แต่เมื่อตัดสินใจมาลอง ก็ขอทำให้เต็มที่

“เขาให้ทำอะไรก็ทำ ทำไปเรื่อยๆ จนทุกวันนี้มีความสุข รู้สึกรัก”

“ซึ่งก็งงเหมือนกัน” เล่าพลางหัวเราะ

การเป็นคนในอาชีพนี้ ภณบอกว่าแม้จะสุข และรู้สึกสนุกที่ได้สวมบทบาทเป็นตัวละครนั่น โน่น นี่ แต่ขณะเดียวกัน “ก็ต้องมีความระมัดระวังหลายอย่าง”

“ดาราก็เหมือนต้นแบบให้กับใครหลายๆ คน เพราะอยู่ในสปอตไลต์ ทุกคนจับจ้องหมด อะไรที่ไม่ดีจะไปไว อะไรที่ดีๆ เสมอตัว เราจึงต้องคีพความดีไว้ตลอด”

แต่ถึงจะ ‘คีพ’ แค่ไหน สิ่งหนึ่งซึ่งเขาขอประกาศและจะยึดมั่นปฏิบัติคือ ต้องไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง

“ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม ก่อนเข้าวงการเป็นยังไง ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตแบบนั้นเลย แค่ระมัดระวังบางอย่างเพิ่มเท่านั้น”

 

ภณในวัย 25 ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้าจะได้มาสัมผัสงานจริง เขาเคยมองว่าเป็นนักแสดงก็น่าจะสบายๆ “ไปกองถ่าย แล้วกลับบ้านชิลๆ”

นึกถึงความไม่รู้ในตอนนั้น แล้วเขาก็หัวเราะ ขำตัวเอง ก่อนบอกต่อ “แต่อยู่มา 5 ปีกว่า ก็รู้แล้วว่าทำงานละครไม่ใช่เรื่องง่าย มันนาน แล้วต้องใช้ความอดทน ความพยายาม ตั้งใจมากๆ ในการที่จะทำผลงานออกไป”

“แล้วต้องทำงานเป็นทีม เราต้องอย่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสีย ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทำให้คนอื่นเดือดร้อนน้อยที่สุด”

“เป็นนักแสดง ถ้าคุณจับบทไม่ได้ จบละ ไม่ได้ทำการบ้านมา จบละ เพราะอย่างอื่นเขาทำให้หมด เสื้อผ้า หน้าผม อาหาร คุณแค่รับผิดชอบเรื่องบท แล้วก็ตรงต่อเวลา”

 

ภณซึ่งเป็นหนึ่งในพระเอกขวัญใจผู้ชมบอกอีกว่า นึกๆ แล้วเขาก็รู้สึกขอบคุณตัวเองที่ในช่วงเริ่มต้นมีความอดทน ไม่ละความพยายาม จนสามารถก้าวผ่านความยากลำบาก มาเจอกับความสำเร็จอย่างที่เป็นอยู่

ภณซึ่งมีผลงานละครมาแล้วหลายเรื่อง อาทิ ‘เพลิงพรางเทียน’, ‘ทุ่งเสน่หา’, ‘ฟากฟ้าคีรีดาว’, ‘พราวมุก’ ฯลฯ บอกอีกว่า “ก่อนที่ผมจะมีผลงานสร้างชื่อ ผมต้องผ่านการทำการบ้านหนัก เหนื่อย นอนน้อย เครียดมาก เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงก่อนจบมหาวิทยาลัย ต้องทำธีสิสไปพร้อมๆ กับมีงานละครดราม่าหนักมากๆ ซึ่งถ้าตอนนั้นเราเลือกดร็อปเรียน เกียรตินิยมก็จะไม่ได้ เพราะว่าไม่จบตามเกณฑ์” ภณซึ่งเรียนจบปริญญาตรี โดยคว้าเกียรตินิยมอันดับ 2 จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมดนตรีและสื่อประสม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเล่า

แล้วว่า “และถ้าสมมุติเราเลือกจะเรียน โอกาสที่น้อยคนมากๆ จะได้จากตรงนี้ก็อาจหายไป ผมเลยต้องคว้าไว้ทั้ง 2 อย่าง ต้องทำให้ดีทั้ง 2 อย่างด้วย ก็เลยเหนื่อย ณ ตอนนั้น แต่ก็ดีที่ผ่านได้”

 

ทั้งนี้ คนที่ชอบวางแผนชีวิตมาแต่ไหนแต่ไรยังเล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้ในช่วงวัย 17-18 ปี เขาเคยนึกภาพตัวเองตอนอายุ 25 ว่าน่าจะมีชีวิตแบบไหน ซึ่งบอกได้เลย เมื่อเทียบความเป็นจริงกับสิ่งที่คิดไว้ “จุดนี้เกินความคาดหมายไปมาก”

“วางไว้ว่าคงทำงานออฟฟิศ เก็บเงินไป แต่จริงๆ กลับกลายเป็นที่รู้จัก เป็นนักแสดง ซึ่งไม่ได้เตรียมไว้ ก็ต้องรับมือให้ดี ยิ่ง 25 เป็นเบญจเพส ซึ่งผมมีความเชื่อ ที่บ้านก็เชื่อ ก็จะใช้ชีวิตแบบไม่ประมาท เซฟอะไรได้ก็เซฟ”

อย่างไรก็ตาม ชีวิตน่ะนะ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน อายุเท่าใด ก็คงมีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีผสมกัน-เขาว่า

“ซึ่งสำหรับผม เวลาที่ดี เวลามีความสุขมาก ผมไม่อยากหลงไปกับการมีความสุขนั้น เพราะเคยมีประสบการณ์สุขมากๆ แล้วหลง รู้สึกว่าชีวิตแฮปปี้ แต่พอทุกข์ ก็ทุกข์สุดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็จะเอาธรรมะมาช่วย เดินทางสายกลาง รู้ว่ามีความสุข เดี๋ยวก็มีทุกข์เข้ามา” ภณซึ่งซึมซับเรื่องธรรมะมาตั้งแต่เด็ก เคยบวชเณรตอน 9 ขวบ อีกทั้งยังตามพ่อกับแม่และยายไปวัดในเทศกาลสำคัญๆ และในวันพระใหญ่ รวมไปถึงได้หัดสวดมนต์ ท่องชินบัญชร ตามคำแนะนำของยายตั้งแต่ตอนอายุน้อยๆ เล่า

“คุณยายให้ท่องตั้งแต่เด็ก และผมรู้ว่าเป็นบทที่ดีมากๆ ทุกวันนี้เวลาขับรถมากองถ่ายผมก็จะสวด ใช้เวลาแค่ 10 นาที ก็เหมือนเป็นการวอร์มเสียงในตัว และเหมือนได้เอาธรรมะเป็นตัวนำพาให้เริ่มวันใหม่ที่ดี”

นอกจากเรื่องสวดมนต์ นั่งสมาธิ เขายังจัดสรรเงินที่ได้จากการทำงานไปทำบุญทุกเดือน

“แล้วก่อนละครออกอากาศผมก็ไปขัดระฆัง คือผมเคยไปถวายระฆังซึ่งเจ้าอาวาสจะเดินตีทุกเช้า ระฆังจะสลักชื่อผมไว้ ผมก็ไปขัดให้ชื่อมันใสๆ และเหมือนเป็นการกังวานไปทุกเช้า”

“มีคนเคยถามผมนะ ว่าอะไรที่ทำให้ผมเดินต่อไปเรื่อยๆ ในเส้นทางนี้ คำตอบคือความสุขเป็นแกนหลัก ที่เหลือคือระเบียบวินัย ความอดทน ตรงต่อเวลาที่เป็นตัวหุ้ม”

“แต่ความสุขคือแกนหลักจริงๆ ที่ทำให้ผมยังเดินต่อไปข้างหน้า”