เสียงจาก “น้องชาย” อดีตที่ดินพังงา “ดีเอสไอ-ตร.” ต้องไขความจริง เหตุ “พี่ชาย” ตาย-อย่าป้องคนผิด

ภายหลังศาลอาญามีคำสั่งสาเหตุการตายของ นายธวัชชัย อนุกูล อดีตเจ้าหน้าที่ที่ดินพังงา ผู้ต้องหาออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ที่เสียชีวิตในห้องควบคุมผู้ต้องหากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559

“จึงมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือ นายธวัชชัย อนุกูล ตายที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2559 เวลา 04.43 น. เหตุและพฤติการณ์ที่ตาย สืบเนื่องมาจากถูกของแข็งไม่มีคมกระแทกตับแตก เลือดออกในช่องท้อง ร่วมกันกับการขาดอากาศหายใจจากการผูกคอทำให้ตาย โดยยังไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำ โดยระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติตามหน้าที่”

คำสั่งสำนวนชันสูตรของศาลเท่ากับไขความจริงมาได้ครึ่งทาง!!

คดีนี้เริ่มมาจาก เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ดีเอสไอจับกุมนายธวัชชัย ผู้ต้องหาออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทับซ้อนอุทยานแห่งชาติกว่าพันแปลง ตามหมายจับศาลอาญาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ป.อาญา มาตรา 157

และนำตัวนายธวัชชัยมาควบคุมภายในห้องควบคุมดีเอสไอ ทราบมาว่าเป็นห้องควบคุมที่ช่องเป็นกระจกใส เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมสามารถมองเห็นเข้าไปในภายห้องผู้ต้องหาได้

อีกทั้งระบบป้องกันในการเข้าออกประตูเป็นระบบสแกนม่านตา มีเจ้าหน้าที่เฝ้าหน้าประตูและเดินตรวจเป็นช่วงเวลาอย่างสม่ำเสมอ

อีกทั้งยังมีวงจรปิดคอยจับภาพอยู่ตลอดเวลา

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เคยอธิบายถึงระบบรักษาความปลอดภัย ในวันที่ 10 กันยายน 2559 ที่ผ่านมาว่า กล้องวงจรปิดทั้งอาคารรวม 49 ตัว ยังใช้งานได้ปกติ สามารถบันทึกภาพบุคคลเข้าออกอาคารดีเอสไอได้ พร้อมแสดงภาพให้เห็นตั้งแต่รถพยาบาลมาจอดหน้าตึกดีเอสไอ มีบุรุษพยาบาล 2 นาย นำเตียงเข็นผู้ป่วยมารับผู้ป่วย และรถพยาบาลเคลื่อนออกจากดีเอสไอ

และยังมีภาพนิ่งแสดงเหตุการณ์ขณะที่ รปภ. เข้าไปปฐมพยาบาลปั๊มหัวใจช่วยชีวิตผู้ต้องหา ก่อนทีมแพทย์จะมาถึงดีเอสไอ ภาพขณะเคลื่อนย้ายผู้ต้องหาไปกู้ชีวิตต่อที่โรงพยาบาล

ส่วนห้องที่เกิดเหตุ 6008 ภายในห้องควบคุมตัวนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด จะมีกล้องวงจรปิดติดตั้งพื้นที่ส่วนทางเดินกลาง ในตัวอาคาร และพื้นที่ส่วนปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ จะอนุญาตเฉพาะเจ้าหน้าที่ ผู้เข้าออกต้องแตะบัตรแสดงตัว

เมื่อ รปภ. ผู้พบเหตุ “ธวัชชัย” นั่งอยู่ริมประตู เรียกชื่อแล้วไม่ขานรับ ถือเป็นเหตุผิดปกติ รปภ. จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบเพื่อนำกุญแจนิรภัยมาไขเปิดประตู จนพบว่าธวัชชัยใช้ถุงเท้าแขวนคออยู่กับบานพับประตู

ดูจะสอดคล้องกับพยานปาก นายชยพล หวานชะเอม, พ.ต.ท.ไพโรจน์ เล้ารัตนานุรักษ์ และ นายสมมาส นาควงษ์ ซึ่งเป็นผู้ควบคุมตัวผู้ต้องหาระหว่างถูกคุมขัง จนเวลาประมาณ 01.00 น. ที่เบิกความในสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพว่า พบผู้ตายนั่งหมดสติอยู่ในห้องควบคุม มีถุงเท้ารัดบริเวณคอและบานพับประตู จึงดำเนินการช่วยเหลือ และมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะมารับตัวทำการกู้ชีพ

อย่างไรก็ดี เมื่อมีการไต่สวนชันสูตรออกมา พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายตามที่มีการกล่าวอ้างจากฝ่ายดีเอสไอ

โดย นพ.พรชัย สุธีรคุณ เป็นผู้ตรวจชันสูตรพลิกศพ เบิกความในสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ประกอบผลการตรวจพิสูจน์ว่า พบบาดแผลช้ำที่ท้อง 3 แห่ง โดยบาดแผลดังกล่าวเกิดก่อนจะถึงแก่ความตาย จากของแข็งไม่มีคมกระแทก มีผลทำให้เจ็บจุกเป็นอย่างมากและพบว่ามีตับฉีกขาดมาก และมีเลือดออกในช่องท้องประมาณ 1,000 ซีซี

พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ

กล่องกระดูกเสียงหักทั้งสองข้าง เกิดจากการกดรัดบริเวณคอ น่าจะเกิดจากมีวัตถุรัดคอผู้ตายในระยะเวลาเพียงเล็กน้อย ซึ่งถุงเท้าของกลางไม่น่าสามารถทำให้เกิดรอยรัดดังกล่าวได้ ประกอบอาการตับแตกอย่างรุนแรงเกิดขึ้นก่อนเวลา 01.00 น. สามารถสันนิษฐานได้ว่าผู้ตายน่าจะไม่มีแรงกระทำอย่างอื่นต่อไปได้

ตรงนี้ ศาลมองว่าพยานผู้ตรวจพิสูจน์ดังกล่าวเป็นพยานคนกลาง ไม่มีส่วนได้เสียในคดี และเบิกความในสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ตามหลักวิชาการ มีน้ำหนักรับฟังประกอบ จึงมีคำสั่งว่า สาเหตุการตายเกิดจากของแข็งไม่มีคมกระแทก ตับแตก เลือดออกในช่องท้อง ร่วมกับการขาดอากาศหายใจจากการผูกคอทำให้ตาย

“ไม่ใช่การเอาถุงเท้าตัวเองแขวนคอตามที่เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษอ้างและให้การมาก่อนหน้านี้”

โดยหลังจากนี้ ตามขั้นตอนแล้ว ศาลอาญาจะต้องส่งคำสั่งพร้อมสำนวนไต่สวนการตายกลับมายังพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 เพื่อจัดส่งไปยังพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ต่อไปว่าการตายของนายธวัชชัย ซึ่งถึงแก่ความตายระหว่างถูกควบคุมนั้นเกิดจากการกระทำความผิดอาญาของใครหรือไม่

ขณะที่ นายชัยณรงค์ อนุกูล น้องชายนายธวัชชัย กล่าวภายหลังศาลมีคำสั่งว่า ยังเป็นห่วงรูปคดีรวมถึงการติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ เพราะที่ผ่านมา ทางดีเอสไอและกระทรวงยุติธรรม ไม่เคยติดต่อสอบถามข้อมูลเข้ามา รวมถึงยังไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อได้ร้องขอไป และสุดท้ายแล้วผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจบ่งชี้ชัดเจน รวมกับคำสั่งศาลว่าการเสียชีวิตของนายธวัชชัย เกิดจากการถูกผู้อื่นทำให้ตาย

จากนี้นอกจากจะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ที่จะต้องสืบสวนสอบสวนว่าใครเป็นผู้ทำให้นายธวัชชัยถึงแก่ความตายในห้องคุมขังของดีเอสไอ ทั้งที่มีระบบรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่อย่างแน่นหนาแล้ว

ทางดีเอสไอเองควรที่จะเปิดโอกาสและอำนวยความสะดวกในการเข้าตรวจสอบหาพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง อย่างเต็มที่ โดยไม่ปกป้องผู้กระทำผิด เพื่อตอบคำถามสังคมถึงสาเหตุการตายได้อย่างแท้จริง และเรียกความเชื่อมั่นในฐานะหนึ่งในองค์กรกระบวนการยุติธรรม

เพราะการกู้ภาพลักษณ์ของดีเอสไอที่ดีที่สุด ไม่ใช่การปกปิดความจริง แต่เป็นการทำทุกอย่างให้ได้ความจริง ที่สังคมไม่มีข้อกังขาอีกต่อไป!!