การเมืองญี่ปุ่น…ชัยชนะของพรรครัฐบาล/บทความพิเศษ สุภา ปัทมานันท์

บทความพิเศษ

สุภา ปัทมานันท์

 

การเมืองญี่ปุ่น…ชัยชนะของพรรครัฐบาล

 

นาย ฟูมิโอะ คิชิดะ(岸田文雄)นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม หลังจากเข้ารับตำแหน่งเพียง 10 วัน และได้จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วไป(衆議院選挙) เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา

ผลการเลือกตั้งไม่ผิดจากที่คาดหมายกัน การเลือกตั้งแบบแบ่งเขต(小選挙区)289 ที่นั่ง และแบบเลือกพรรค(比例代表)176 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้น 465 ที่นั่ง พรรคแอลดีพี(自民党)ของรัฐบาลได้รวม 261 ที่นั่ง เมื่อรวมกับพรรคเล็กร่วมรัฐบาล คือ พรรคโคเม(公明党)อีก 32 ที่นั่ง รวม 293 ที่นั่ง มีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง (233 เสียง) อย่างปลอดภัยไร้ความกังวลใดๆ

มีข้อน่าสังเกตคือ ผู้สมัครของพรรคแอลดีพี ได้รับการเลือกแบบแบ่งเขตในเกือบทุกจังหวัด และมี 12 จังหวัดที่ ผู้สมัครของพรรคได้ชัยชนะยกทั้งจังหวัดทีเดียว รวม 36 ที่นั่ง

ในทางกลับกัน มี 2 จังหวัด ที่พรรคแอลดีพี ไม่อาจล้มเจ้าถิ่นได้แม้แต่ที่นั่งเดียวเลย คือ โอซากา (19 ที่นั่ง) เป็นของพรรคฝ่ายค้านเจ้าถิ่น อิชิน(日本維新の会)15 ที่นั่ง พรรคโคเม (พรรคเล็กร่วมรัฐบาล) 4 ที่นั่ง และจังหวัดซางะ บนเกาะคิวชู ทางตอนใต้ (2 ที่นั่ง) เป็นของพรรคแกนนำฝ่ายค้าน คือ พรรครัฐธรรมนูญเพื่อประชาธิปไตย(立憲民主党)

การเลือกตั้งครั้งนี้ นาย คิชิดะ ได้รับชัยชนะในจังหวัด ฮิโรชิมา บ้านเกิดของตัวเอง ส่วน นาย สุงะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้า ก็ได้รับการเลือกในจังหวัดคานากาวา ฐานเสียงของตัวเองเช่นกัน แกนนำในพรรค และผู้ที่มีตำแหน่งสำคัญต่างๆในพรรคต่างก็ได้รับชัยชนะในจังหวัดของตัวเอง

แต่…มีเรื่องน่าตกใจเป็นข่าวพาดหัวจนได้ เมื่อเลขาธิการพรรคแอลดีพี คนปัจจุบัน นาย อาคิระ อามาริ(甘利明)ผู้คร่ำหวอดในสนามการเมืองมาอย่างโชกโชน ต้องพ่ายแพ้การเลือกตั้งในจังหวัดคานากาวา เขต 13 ให้แก่พรรคฝ่ายค้าน ตอนที่เขาเป็นเลขาธิการพรรค สมัยนาย อาเบะ เป็นหัวหน้าพรรค มีเสียงวิจารณ์ และคลางแคลงใจของสังคมที่นาย อามาริ ยังไม่อาจเคลียร์ให้ชัดเจนจนเดี๋ยวนี้ว่า เขาได้รับเงินก้อนโตจากการบรรยายพิเศษโดยไม่ได้ลงบัญชีรายรับ-จ่าย ของพรรคหรือไม่ ซึ่งเป็นการขัดต่อกฎหมายการรับเงินของนักการเมือง

เมื่อทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ นาย อามาริ จำต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคแอลดีพี หลังจากรับตำแหน่งมาได้เพียง 35 วัน

ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคต่อมา คือ นาย โทชิมิทสึ โมเทงิ(茂木敏充)วัย 66 ปี ผู้แทนราษฎร 10 สมัย จากจังหวัดโทชิงิ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศหลายสมัย

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้ว่าพรรคแอลดีพี จะได้ที่นั่งน้อยกว่าครั้งที่แล้ว 12 ที่นั่ง แต่ก็สร้างความมั่นใจให้แก่นายคิชิดะ อย่างมาก แสดงว่าประชาชนยังสนับสนุนพรรครัฐบาลไม่เปลี่ยนแปลง และนายคิชิดะ สามารถนำชัยชนะมาให้พรรค ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งจนได้ ตามที่เคยประกาศไว้เมื่อได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคแอลดีคนใหม่ เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา

พรรคแอลดีพี สามารถครองใจคนชนบททั่วประเทศได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวัดห่างไกลทางภาคเหนือ จังหวัดทางแถบทะเลญี่ปุ่นที่อากาศหนาวเย็น เป็นต้น อีกหลายจังหวัดที่ชนะยกจังหวัด เพราะเมื่อเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ได้ทุ่มเทงบประมาณสร้างสาธารณูปโภคทุกชนิด ให้ความสะดวกสบายแก่ประชาชน น้ำถึง… ไฟถึง… อีกทั้งถนนและทางหลวงเพื่อการเชื่อมต่อกับส่วนกลาง แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ การคมนาคม การสาธารณสุข ไม่ได้ด้อยกว่าในเมืองใหญ่เลย ดูแลชีวิตคนชนบทอย่างดี

ฟังแล้ว…ช่างตรงข้ามกับชนบทของประเทศ…เสียนี่กระไร

วันที่ 10 พฤศจิกายน มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เป็นที่แน่นอนไม่ผิดความคาดหมายว่า นาย ฟุมิโมะ คิชิดะ หัวหน้าพรรคแอลดีพี จะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สมัยที่ 2 ต่อจากสมัยแรกที่อยู่ในตำแหน่งเพียง 10 วัน นายกรัฐมนตรีคนใหม่…แต่หน้าเดิม…

นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ คงไม่ต่างจากที่นาย คิชิดะ ได้แถลงไว้ต่อสภาผู้แทนฯ เมื่อครั้งที่แล้ว กล่าวคือ ต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด- 19 อย่างเร็วที่สุด จ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด- 19 เงินช่วยครอบครัวที่มีบุตร และผู้ยากไร้อีกมากมาย จัดทำงบประมาณสำหรับปี 2022 ให้ทันภายในปีนี้ ใช้นโยบายทุนนิยมใหม่ (新しい資本主義) ส่วนด้านการเมืองต้องเตรียมจัดการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในกลางปีหน้า

ด้านการต่างประเทศ นาย คิชิดะ ได้เข้าร่วมการประชุม COP 26 การลดโลกร้อน ร่วมกับผู้นำต่างๆหลายประเทศที่สก็อตแลนด์ และได้พบกับนาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก แสดงเจตนาที่จะมีการหารือและให้ความร่วมมือกันต่อไป

การเลือกตั้งครั้งนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า ประชาชนชาวญี่ปุ่นมอบความไว้วางใจให้ นาย คิชิดะ เป็นผู้นำ พาให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤติทางเศรษฐกิจและการสาธารณสุขไปให้ได้

เป็นชัยชนะของพรรครัฐบาล

พรรครัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเริ่มต้นทำงานให้ประชาชนอีกครั้ง…

ส่วนเรา… มัวแต่ปลูกผักชี…