2 ป.ร้าวลึก กองทัพร้อน ม.112 แยกวง บ้านป่ารอยต่อฯ-บ้านนรสิงห์ ส่องเซฟเฮาส์ ‘บิ๊กตู่’ ศึกชิง พปชร.-กทม. จับตา ‘แม่ทัพโต’ แรงเงียบ/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

2 ป.ร้าวลึก

กองทัพร้อน ม.112

แยกวง บ้านป่ารอยต่อฯ-บ้านนรสิงห์

ส่องเซฟเฮาส์ ‘บิ๊กตู่’

ศึกชิง พปชร.-กทม.

จับตา ‘แม่ทัพโต’ แรงเงียบ

 

การเมืองยิ่งร้อนขึ้น เมื่อพรรคเพื่อไทย ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์พรรค เปลี่ยนโลโก้มาใช้สีแดง เปลี่ยนหัวหน้าพรรคใหม่ และดึงอุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวอดีตนายกฯ ทักษิณ ชืนวัตร มาเป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย เสนอแก้ไข ม.112 และ ม.116

แม้จะถูกมองว่า เป็นแผนหาเสียง เอาใจคนรุ่นใหม่ ฝ่ายสนับสนุนม็อบก็ตาม แต่ก็ทำให้การเมืองแตกแยก แบ่งข้างหนักขึ้น

แน่นอนว่า ฝ่ายรัฐบาล และกองทัพ ถูกจับตามองว่าจะรับมืออย่างไร

บิ๊กป้อม พล.อ.วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รีบออกมาประกาศว่า ไม่เอาด้วยกับพรรคเพื่อไทย พรรคร่วมรัฐบาลจะไม่แก้ไข ม.112 แต่จะรับฟังความเห็นประชาชน

ขณะที่กองทัพที่ประกาศพิทักษ์ รักษา ปกป้อง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ย่อมไม่เห็นด้วย โดยจะเห็นการขยับของนายทหารสายรอยัลลิสต์

ก่อนหน้านี้ บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด คอแดง นำ ผบ.เหล่าทัพยืนแผงแถลงย้ำหน้าที่ทหารในการปราบกบฏ และจลาจล ที่ส่งสัญญาณไปถึงพวกคิดละเมิด ล้มล้างสถาบัน ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

สำทับด้วยการสั่งให้แต่งเพลงเทิดทูนสถาบัน แนวเพลงปลุกใจแบบทหาร ทั้งเพลงขัตติยราชแห่งชาติไทย และเพลงวีรกษัตริย์ชาตินักรบ และเพลงสร้างภาพลักษณ์กองทัพ อย่างเพลงกองทัพไทย หัวใจเพื่อประชาชน

โดยเฉพาะบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ที่เป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) หัวหน้าทีมทหารคอแดง ที่มีม็อตโต้ “พิทักษ์ราชัน ปกป้องประชา รักษาแผ่นดิน” แสดงออกชัดเจนจากทวิตเตอร์ส่วนตัว ที่มีคนติดตามกว่า 3 หมื่นคน ที่คาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นทหาร

แม้ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเน้นการรีทวีตข้อความเป็นส่วนใหญ่ มากกว่าโพสต์เอง แต่ก็พบว่า นอกจากรีทวีตพระราชกรณียกิจ และกิจกรรมของหน่วยทหารต่างๆ แล้ว ก็จะรีทวีต แชร์ข้อความที่ต่อต้านการชุมนุม ม็อบกลุ่มต่างๆ และคลิปเบื้องหลังม็อบ

โดยเฉพาะการแชร์ข้อความที่ว่า “ถ้ามึงไม่ชั่ว ก็ไม่ต้องกลัว 112” ที่เป็นการสะท้อนจุดยืนในการปกป้องสถาบัน และทัศนคติต่อฝ่ายตรงข้าม

ส่งผลให้การเมืองถูกมองไปถึงอนาคตว่า หากพรรคเพื่อไทยที่ต้องการแก้ ม.112 และ ม.116 ชนะเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อนั้นจะเกิดความวุ่นวายตามมา ทั้งม็อบจัดตั้ง ที่อาจจะนำไปสู่การรัฐประหารอีกครั้ง แต่ก็อาจจะเป็นรัฐประหารนองเลือด เพราะจะผสมโรงกับการล้างความคิดล้มเจ้าไปด้วย

จึงทำให้ทั้ง พล.อ.เฉลิมพล และโดยเฉพาะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่เป็นทหารคอแดง ที่แม้จะไม่สนิทสนมแนบแน่นกันมากนัก ก็อาจจะต้องผนึกกำลังกันสู้ศึกเพื่อปกป้องสถาบันในรูปแบบต่างๆ โดยมีการรัฐประหารเป็นทางเลือกสุดท้าย?!?

จากนายทักษิณที่ถูกรัฐประหาร จนต้องไปอยู่ต่างประเทศ แต่ยังสู้ ส่งยิ่งลักษณ์ ชืนวัตร น้องสาวมาสู้เลือกตั้ง มาเป็นนายกฯ หญิงคนแรก แต่ก็ยังโดนรัฐประหาร จนต้องหนีไปอยู่กับพี่ชาย คราวนี้ส่งอุ๊งอิ๊ง ลูกสาวคนเล็กมาสู้แทน ประกาศจะพานายทักษิณกลับบ้าน และการแก้ ม.112 จึงย่อมเสี่ยงต่อการถูกรัฐประหาร และอาจต้องไปอยู่ต่างประเทศอีกคนหรือไม่

เพราะฝ่ายรอยัลลิสต์ก็ต้องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้ชนะเลือกตั้ง กลับมาเป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ อีกสมัย เพื่อปกป้อง ม.112 ปกป้องสถาบัน และเพื่อที่จะไม่ต้อง ใช้การรัฐประหารแก้ปัญหา

หากมองไปในปี 2565-2566 ที่คาดว่าจะมีการเลือกตั้ง และหากมีความวุ่นวายทางการเมือง ตอนนั้นยังมี พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์อยู่ เพราะจะเกษียณกันยายน 2566

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ซึ่งเป็นคนคุมกำลังหลักของกองทัพ จะต้องถูกจับตามอง แถมทั้งก่อนหน้านี้เพิ่งโยกย้ายจัดทัพนายทหารระดับผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพัน ครั้งใหญ่ไป

แม้จะมีเหตุผลของการรองรับการทำหน้าที่ใน ฉก.ทม.รอ.904 ในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พัน

แต่ก็มีการเปลี่ยนผู้บังคับกองพันจำนวนมาก และมี นายทหารสายตรง ผบ.ทบ. และแม่ทัพ มาคุมกำลังแทนจำนวนไม่น้อย

เมื่อหันมามองกองทัพ ก็ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน ในเชิงความรู้สึก มีการแบ่งทหารคอแดง กับทหารคอเขียว เพราะถูกมองว่าทหารคอแดงเท่านั้นจะได้ขึ้นตำแหน่งสำคัญ โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 1 หรือแม้แต่ ผบ.ทหารสูงสุด

แถมทั้งสถานการณ์ทางการเมือง รวมทั้งรอยร้าว ของ 3 ป. ที่แบ่งข้างเป็นขั้ว พล.อ.ประวิตร กับขั้ว พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ส่งผลถึงน้องๆ ทหารในกองทัพไปด้วย

จากที่เป็นน้องรักของ 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” ก็ต้องกลายมาแยกเป็นสาย “วงษ์สุวรรณ” กับสาย “จันทร์โอชา” สายทหารเสือราชินี กับสายบูรพาพยัคฆ์

แต่ด้วยเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็น รมว.กลาโหม คุมกองทัพ มีอำนาจในการจัดโผทหาร จึงทำให้สายจันทร์โอชาจะได้นั่งตำแหน่งสำคัญ

โดยเฉพาะบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 น้องรักสายทหารเสือฯ ร.21 รอ. ขึ้น 5 เสือ ทบ.เป็นพลเอก ผช.ผบ.ทบ. จ่อขึ้น ผบ.ทบ.คนต่อไป

บิ๊กติ่ง พล.อ.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ น้องรักสายทหารเสือฯ ร.21 รอ.อีกคน ที่ขยับจากรองเสธ.ทบ. เป็นเสธ.ทบ. ได้ควบเลขาธิการ กอ.รมน.

บิ๊กกวาง พล.อ.สัณทัศน์ นนทิภาคย์หิรัญ น้องรักสายทหารเสือฯ ร.21 รอ. ก็ข้ามไปเป็น ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) หลังจากที่เป็นนายทหารสายบิ๊กป้อมต่อเนื่องมาหลายคน

บิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหม ที่ก็เป็นนายทหารปืนใหญ่ ที่ทำงานใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ ตั้งแต่อยู่ ร.21 รอ.

ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์หากชนะเลือกตั้ง ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย ก็จะได้ไม่ต้องระวังหลังว่า กองทัพจะยึดอำนาจ ล้มล้างตนเองในอนาคต

ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงเคลียร์ทางให้ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ. เข้าไลน์ชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. โดยเวลานี้ยังไร้คู่แข่ง เพราะบิ๊กอ๊อบ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ก็ถูกสกัดไม่ให้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ด้วยม่านประเพณี ไม่จบจากโรงเรียนนายร้อย จปร. แต่ต้องมาเป็นหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำผู้บังคับบัญชาอยู่หน้าห้อง พล.อ.ณรงค์พันธ์ หลุดไลน์สู่เก้าอี้ ผบ.ทบ.

และคาดว่าโผโยกย้ายปลายปีหน้า จะข้ามไปอยู่ บก.ทัพไทย ในตำแหน่งเสธ.ทหาร เพื่อชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด ต่อจาก พล.อ.เฉลิมพล ที่ก็วางตัวน้องรักทหารม้า บิ๊กบุ๋ม พล.อ.สุวิทย์ เกตุศรี ให้ขึ้นพลเอก ผอ.ศปร.ไว้เป็นทายาท แต่ในที่สุด อาจต้องถอยให้ พล.อ.ทรงวิทย์

ดังนั้น ที่ ทบ.เวลานี้ พล.อ.เจริญชัยยังเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทบ. ที่ พล.อ.ประยุทธ์คาดหวัง เพราะเป็นน้องรักทหารเสือฯ อดีต ผบ.ร.21 รอ. ที่ผ่านด่านมาถึงจุดนี้

 

แต่ต้องไม่ลืมว่า ในการโยกย้ายปลายปี 2565 แม่ทัพโต พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 จะต้องขยับขึ้น 5 เสือ ทบ.ตามไลน์ และกลายเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ.อีกคน ที่ไม่อาจมองข้าม

แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.23 ของ พล.อ.เจริญชัยก็ตาม แต่ พล.ท.สุขสรรค์ที่มาแบบเงียบๆ ก็ถือว่าเป็นระดับแกนนำในสายบูรพาพยัคฆ์ และรู้กันดีว่า เป็นน้องรักของบิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช อดีต ผบ.ทบ. น้องเลิฟสายตรง พล.อ.ประวิตร

ที่สำคัญคือ ทำหน้าที่เสธ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย จึงถือเป็นบูรพาพยัคฆ์คอแดง ที่มีบทบาทสำคัญ แถมมีอายุราชการ 2567 พร้อม พล.อ.เจริญชัยด้วย

แต่กองหนุนของ พล.อ.เจริญชัยแข็งแกร่งกว่า เพราะมีทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. จึงมีโอกาสที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ ในตุลาคม 2566

แต่อะไรก็ไม่แน่นอนสำหรับการเมืองและกองทัพ พล.ท.สุขสรรค์จึงอยู่ในไฟโฟกัส เพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็สนับสนุน และเป็นที่รู้ดีว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์กับ พล.อ.เจริญชัยก็ไม่ค่อยสนิทสนมกันเท่าใดนัก แถมทั้งก่อนหน้านี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็สนับสนุน พล.อ.ทรงวิทย์ให้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แต่ติดม่านประเพณี จปร.

จนเกิดกระแสข่าวใน ทบ.ให้จับตามองว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ต่อ และมีความแข็งแกร่งขึ้น พล.อ.เจริญชัยก็จะมีบารมีเพิ่มขึ้นในฐานะตัวเต็งเป็น ผบ.ทบ. ที่หายใจรดต้นคอ พล.อ.ณรงค์พันธ์อยู่ทุกวัน แม้ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเกษียณกันยายน 2566 พร้อม พล.อ.เฉลิมพล แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอน

 

ขณะที่สายตรงบิ๊กป้อม อย่างบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ก็ได้ขึ้นรองปลัดกลาโหม ครองอัตราพลเอกพิเศษ สร้างอาวุโส จ่อเป็นปลัดกลาโหม ตุลาคม 2565 แถมจะนั่งยาว 3 ปี เหมือน พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ น้องรักบิ๊กป้อม ปลัดกลาโหมคนก่อน

แต่ก็เริ่มมีกระแสข่าวว่า จะมีนายทหารรุ่นพี่สายตรงบิ๊กตู่มาคั่นเป็นปลัดกลาโหมก่อน 1 ปี แล้ว พล.อ.สนิธชนก ตท.24 ค่อยขึ้น แต่ทว่า พล.อ.สนิธชนก ถือว่าครองอาวุโสไว้ก่อนแล้ว

ที่ต้องรอลุ้นโยกย้ายปลายปีหน้า ที่ต้องรอดูว่า ตอนนั้นนายกฯ และ รมว.กลาโหมยังชื่อ พล.อ.ประยุทธ์อยู่หรือไม่ และดูว่า รอยร้าวระหว่างพี่ป้อมกับน้องตู่ จะถูกสมาน หรือว่าจะแตกหัก ย่อมมีผลต่อกองทัพ ที่ถูกมองว่าเป็นฐานอำนาจของ 3 ป. ที่จะต้องแบ่งกันเป็น สายตึกไทยคู่ฟ้า บ้านนรสิงห์ และบ้านป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร

และหากยังไม่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องพยายามยื้อจัดโผทหารในเดือนสิงหาคม-กันยายน ให้เสร็จก่อน

 

ที่น่าจับตาอีกประการหนึ่งคือ แม้จะเจอกลยุทธ์ เอาคนเจเนอเรชั่นใหม่ และเจนวายอย่างอุ๊งอิ๊งมาเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ เพื่อบีบ Babyboomer อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ให้ถอย แต่กระแสปกป้องสถาบัน จากการแก้ ม.112 กลับเสริมให้ พล.อ.ประยุทธ์มีเหตุผลในการอยู่ต่อ สู้ต่อ

จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องตัดสินใจปรับเปลี่ยนตัวเอง ทั้งการกระชับระยะห่างกับนักการเมือง ด้วยการลงพื้นที่ และมี ส.ส.ไปต้อนรับ หรือการตั้งขั้วจันทร์โอชาใน ครม. ที่มีการเปิดหน้าเมื่อครั้ง 6 รมต. รวมทั้งกลุ่มสามมิตร เดินเกมเขี่ย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พ้นเก้าอี้เลขาฯ พรรคมาแล้ว แม้จะไม่สำเร็จ

ที่ครั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์ปรับตัวถึงขั้นเปิดบ้านพักพูดคุยกับนักการเมือง โดยให้ 6 รมต.มาหารือปม ร.อ.ธรรมนัส เพื่อกดดัน พล.อ.ประวิตรให้ปรับโครงสร้างพรรค

ทว่า ก็ยังไม่ถึงขั้นใช้บ้านพักส่วนตัว หลังที่ใช้ชีวิต กินอยู่หลับนอน หลังที่ อ.น้อง นราพร จันทร์โอชา ภริยา และลูกสาวฝาแฝดพำนักอยู่ เพราะถือเป็นพื้นที่ส่วนตัว

แต่มีรายงานว่า ใช้บ้านพักหลังเก่าที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยอยู่ตอนเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จนเป็น ผบ.ทบ.แรกๆ ในซอย “มหาดเล็กฯ 1” ภายในพื้นที่บ้านพัก ร.1 รอ. ก่อนที่จะสร้างบ้านหลังใหม่ที่พำนักจนปัจจุบันนี้ โดยบ้านหลังเดิมนี้ไปปรับปรุงใหม่ ให้นายทหารเสือฯ ทีม รปภ.พำนักอยู่ เป็นที่พบปะพูดคุย โดยที่บ้านหลังนี้อยู่เยื้องกับบ้านของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ.ด้วยนั่นเอง

กลายเป็นเซฟเฮาส์สำรองของ พล.อ.ประยุทธ์เมื่อต้องมีนัดกับแขกคนสำคัญ เพราะบางครั้งเป็นนัดหมายส่วนตัวของนายกฯ คงจะไม่สามารถไปใช้สถานที่ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตรได้ เพราะต้องเป็นความลับส่วนตัวของนายกฯ

เพราะระหว่างพี่น้อง 2 ป. ป้อม-ประยุทธ์ รอยร้าวจะยิ่งลึกลงๆ จากเกมการเมือง ที่แยกกันเดิน จนทำให้เกิดความหวาดระแวงกันเองว่า พล.อ.ประวิตรไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ เพราะเตรียมนายกฯ สำรองไว้

อีกทั้งในการประชุม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่ พล.อ.ประวิตรให้ ส.ส. 114 คนเขียนความในใจใส่กระดาษ เอ4 โดยไม่ต้องลงชื่อ โดยจำนวน 113 คน สนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรคต่อ และ 1 คนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อดับฝัน พล.อ.ประยุทธ์ที่มีกองเชียร์ให้มายึดพรรค พปชร.

และ ส.ส. 60 คนสนับสนุน ร.อ.ธรรมนัส และที่เหลือให้ความเคารพรัก พล.อ.ประวิตร ให้ยึดตามที่หัวหน้าพรรคตัดสินใจ

แต่ไฮไลต์ที่มีการปูดข่าวจากพรรค พปชร. ว่า ในการแสดงความคิดเห็นในกระดาษ เอ4 นี้ มีส่วนใหญ่เขียนวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ในเรื่องการสนับสนุน ส.ส. และระยะห่างกับ ส.ส.มากเกินไป และบางส่วนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์พัก เพราะเป็นมานาน คะแนนนิยมลดลง แล้วมาช่วย พล.อ.ประวิตรอยู่เบื้องหลัง

มีการมองว่า นี่อาจจะกลายเป็นข้ออ้างของฝ่าย พล.อ.ประวิตรและ ร.อ.ธรรมนัสในการหาตัวนายกฯ คนใหม่มาสู้กับพรรคเพื่อไทยที่ปรับกลยุทธ์

“เมื่อถึงเวลา จะเห็นคนที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่” ขุมข่าวระบุ

 

ประเด็นนี้จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับ พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัสยิ่งมากขึ้น ในขณะที่กองเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ดึง ส.ส.พปชร. แยกวง ย้ายไปอยู่พรรคใหม่ ดัน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่นั่นย่อมหมายถึงการแตกหักของ 3 ป.แบบสะบั้น

โดยเฉพาะหลังจากที่ พล.อ.ประวิตรถือหาง ร.อ.ธรรมนัสให้นั่งเลขาธิการพรรคต่อไป แม้ 6 รมต.เคลื่อนไหวต่อต้าน

แถมตามมาด้วยปัญหาความขัดแย้งในการส่งผู้ว่าฯ กทม. จนทำให้บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ประกาศถอนตัวไม่ลงสมัคร จนมีการปลุกกระแสว่า เพราะขัดแย้งกับ พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส

เพราะการที่คนใกล้ตัว ร.อ.ธรรมนัสที่ไปช่วยงาน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง จนฝ่าย ร.อ.ธรรมนัสชี้แจงว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่ พปชร.จะสนับสนุน เพราะพรรคไม่ส่งใครลงสมัครผู้ว่าฯ

ร.อ.ธรรมนัสสยบข่าวด้วยการยืนยันว่า กับ พล.ต.อ.จักรทิพย์นั้น นับถือเป็นพี่ เรียกพี่แป๊ะ เปรียบเป็นคอหอยกับลูกกระเดือก พี่แป๊ะเหมือนคนในครอบครัวผม ดูแลผมมาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่จบโรงเรียนนายร้อยมา พี่แป๊ะก็ดูแล ผลักดันให้ผมมาจนถึงทุกวันนี้ คุยกันทุกวัน

ทั้งนี้ มีรายงานว่า การที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ถอนตัวเพราะ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันที่จะลงสมัคร เพราะฐานเสียงเดียวกัน ถ้าสู้กันก็จะตัดคะแนนกันเอง พล.ต.อ.จักรทิพย์ก็ไม่อยากจะต้องแข่งกับรุ่นพี่ ที่ก็เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาด้วย อีกทั้งผลโพลก็ยังเป็นรองนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์

อีกทั้งแนวทางของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ไม่ตรงกับแนวทางของพรรค พปชร. ที่ต้องการให้ ส.ก.ลงในนามอิสระ แต่ พล.อ.ประวิตรต้องการให้ลงในนามพรรค พล.ต.อ.จักรทิพย์จึงไม่อยากขัดแย้งกับ พล.อ.ประวิตร

อีกทั้งเป็นที่รู้กันว่า พล.อ.ประยุทธ์หนุน พล.ต.อ.อัศวินให้ลงสมัคร เพราะมีความได้เปรียบเพราะเป็นผู้ว่าฯ อยู่

ยิ่งตอนนี้ ต่างฝ่ายต่างขีดวง อาณาจักรของตนเอง เพราะมีการย้ำข้อตกลงที่ว่า ถ้าเป็นเรื่องรัฐบาล เป็นอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าเรื่องพรรค เป็นอำนาจของพี่ใหญ่อย่าง พล.อ.ประวิตร ที่ยังคงมี ร.อ.ธรรมนัสเคียงข้างอยู่ในอาณาจักรวงษ์สุวรรณแห่งนี้

ที่ทำให้ระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งมีรอยร้าวมากขึ้น และจะยิ่งมากมากขึ้นๆ และนับถอยหลังสู่การแตกหัก