อบจ.หนุนนักศึกษา มช.ทวงคืนเสรีภาพในมหาวิทยาลัย ย้ำควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออก

อบจ.หนุนนักศึกษา มช.ทวงคืนเสรีภาพในมหาวิทยาลัย ย้ำควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออก

จากกรณีที่ ผศ.ดร.ทัศนัย เศรษฐเสรี อาจารย์สาขาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ (มีเดียอาร์ต) คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) นำนักศึกษาในสาขา ช่วยกันตัดโซ่คล้องประตู หอศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อเปิดให้นักศึกษาเข้าไปจัดแสดงงาน ภายหลังผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์ขัดขวางไม่ให้นักศึกษาใช้หอศิลป์ตามที่เคยจัดแสดงงานในทุกปี โดยอ้างว่างานศิลปะของนักศึกษามีเนื้อหาทางการเมือง พร้อมเปิดเผยว่ามีการตัดน้ำ-ตัดไฟตึกมีเดียอาร์ต เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ต่อมามีการล็อกประตูรั้วทั้งหมด ขังนักศึกษาไว้ภายในคณะ ประมาณ 50 คน

จากนั้นวานนี้ (18 ต.ค.) ผศ.ดร.ทัศนัย พร้อมนักวิชาการ และนักศึกษา มช.กว่า 20 คน ยื่นหนังสือขออำนาจศาลปกครอง ขอคุ้มครองคำสั่งชั่วคราว กรณีไม่อนุมัติใช้หอศิลป์จัดแสดงผลงานทางวิชาการของนักศึกษาภาคเรียนที่ 1/2564

ล่าสุด องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อบจ.) ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนร่วมสนับสนุนนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการเรียกร้องเสรีภาพทางศิลปะ ระบุว่า ตามที่คณะผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์และหอศิลปวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (หอศิลป์ มช.) ไม่อนุญาตให้นักศึกษาสาขาสื่อศิลปะฯ คณะวิจิตรศิลป์ เข้าใช้พื้นที่ในหอศิลป์เพื่อจัดแสดงผลงานรายวิชา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเรียนรู้ของวิชาดังกล่าวได้ โดยอ้างว่าเป็นเพราะผลงานของนักศึกษาเกี่ยวข้องกับการเมือง ทำให้ขัดกับระเบียบการขอใช้พื้นที่ของทางมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีงาม

อย่างไรก็ตาม นักศึกษาและคณาจารย์ได้พิจารณาระเบียบอย่างถี่ถ้วนแล้ว และไม่พบว่าขัดกับระเบียบข้อใดเลย นำไปสู่การชุมนุมเรียกร้องเสรีภาพในการแสดงออกทางศิลปะ รวมถึงมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการเข้าไปใช้หอศิลป์ที่ถูกปิดเอาไว้

องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของคณะผู้บริหารคณะวิจิตรศิลป์และหอศิลป์นั้น เป็นความพยายามในการควบคุมผลงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการเมือง โดยถือว่าเป็นการละเมิดเสรีภาพทางวิชาการ อันเป็นหลักที่สำคัญยิ่งในวงการวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานศึกษาที่ควรเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับการเรียนรู้และแสดงความคิดเห็น

เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าคณะผู้บริหารไม่เพียงแต่ไม่ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนในการรักษาเสรีภาพทางวิชาการในสถานศึกษาเท่านั้น แต่ยังขัดขวางกระบวนการเรียนรู้ของนักศึกษา อันเป็นเป้าหมายหลักของมหาวิทยาลัยอีกด้วย

จากที่กล่าวมาข้างต้น องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงขอแสดงจุดยืนร่วมสนับสนุนนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการเรียกร้องเสรีภาพทางวิชาการในมหาวิทยาลัย อันสมควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออก