ยุทธพงศ์ เปิดตัวละครใหม่ สัมพันธ์ บ.ตัวแทนซื้อเรือดำน้ำในไทยกับ “บิ๊กป้อม”

“ยุทธพงศ์” เปิดตัวละครใหม่ เผยความสัมพันธ์ของบริษัทตัวแทนซื้อเรือดำน้ำในไทยกับ “บิ๊กป้อม” พร้อมเตรียมทำรูปกองทัพเรือแอบอ้าง ปธน.จีน ยื่นทูตจีนในไทยให้ดำเนินการตรวจสอบ
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 16 ตุลาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคพท. แถลงถึงผลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา ว่า จากการอภิปรายเรือดำน้ำจำนวน 3 ลำ ซึ่งลำแรกอยู่ระหว่างการสร้างเรือที่ยังสร้างไม่เสร็จ และเรายังจ่ายเงินเขาไม่ครบ ส่วนลำที่ 2 และ 3 มูลค่า 22,500 ล้านบาท รัฐบาลตั้งงบประมาณไว้ตั้งแต่ปี 2563-2569 แต่ที่ผ่านมา 2 ปี ไม่ได้ซื้อเพราะพรรคพท.คัดค้านว่า ไม่ควรซื้อในภาวะที่ประชาชนลำบากแบบนี้ ขณะที่ข้อพิรุธที่ตนได้อภิปรายไปคือ การซื้อแบบรัฐต่อรัฐ โดยกองทัพเรือบังอาจแอบอ้างใช้รูปประธานาธิปดี สี จิ้นผิง ในการแถลงข่าวที่กองทัพเรือ โดยอ้างว่าเป็นพิธีลงนามซื้อขายเรือดำน้ำลำที่ 1 เพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มาร่วมลงนาม ทั้งที่ภาพดังกล่าวเป็นภาพการเฉลิมฉลอง 70 ปี กองทัพเรือจีน ไม่เกี่ยวข้องกับการลงนามซื้อเรือดำน้ำแต่อย่างใด แล้วอ้างว่า เป็นการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ แต่กลับมีการเชื่อมโยงกับบริษัท CSOC ซึ่งไม่ใช่รัฐบาลจีน โดยบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนในประเทศไทย พบข้อมูลว่า ได้บริจาคเงินจำนวน 2 ล้านบาท ให้มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภาคตะวันออก ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานมูลนิธิป่ารอยต่อ เป็นผู้รับมอบ

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีผู้ถือหุ้นในบริษัทเอกชนดังกล่าว ได้บริจาคเงิน 5 ล้านบาท ซื้อโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นี่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับ พล.อ.ประวิตร โดยผู้ถือหุ้นคนดังกล่าว ยังมีข้อมูลกวาดงานด้านไอซีทีของส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจไปจำนวนมาก ในสมัยที่พล.อ.ประวิตร เรืองอำนาจ ดังนั้น หลังจากนี้ พรรคพท. จะนำเรื่องการแอบอ้างภาพประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แล้วบอกเป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ ไปยื่นให้เอกอัคราชทูตจีน ประจำประเทศไทยในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังรัฐบาลจีนให้ตรวจสอบเรื่องนี้ว่าบริษัทดังกล่าว คือ CSOC บังอาจแอบอ้างประธานาธิบดี ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันจะนำข้อมูลนี้ไปยื่นให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศไทยให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย