เฟซบุ๊กดราม่า จากอดีตพนง.แฉ บริษัทเลือกผลประโยชน์ก่อนความปลอดภัย สู่การล่มใหญ่ของโซเชียลแพลตฟอร์ม

นับเป็นช่วงเวลามืดมนอีกครั้งของเฟซบุ๊ก บริษัทโซเชียลแพลตฟอร์มชื่อดังของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เมื่อได้เกิดภาวะล่มทั้งระบบทั่วโลกกับแอพลิเคชั่นที่เฟซบุ๊กถือครองไม่ว่าเฟซบุ๊ก เฟซบุ๊กแมสเซนเจอร์ อินสตาแกรม วอทส์แอพ จนสร้างความโกลาหลกับภาวะอัมพาตให้กับผู้ใช้โซเชียลมีเดียนานเกือบ 6 ชั่วโมงในช่วงบ่ายในเวลาท้องถิ่นหรือช่วงกลางดึกของวันนี้

เว็บไซต์ DownDetector.com รายงานว่า ระบบการให้บริการของโซเชียลมีเดียยอดนิยมเหล่านี้ประสบปัญหาล้มเหลวครั้งใหญ่ โดยมีการรายงานปัญหาการใช้งานมากถึง 10.6 ล้านครั้งทั่วโลก

ระบบการให้บริการของเฟซบุ๊กเคยประสบปัญหาความล้มเหลวในการใช้งานที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ครั้งล่าสุดในปี 2562 ซึ่งในครั้งนั้นผู้คนไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการของเฟซบุ๊กทั่วโลกนานถึง 14 ชั่วโมง

ส่วนมูลเหตุที่จะทำให้เกิดการล่มชุดใหญ่ ในส่วนเฟซบุ๊กนั้นรายงานระบุว่า พบข้อความแสดงข้อผิดพลาดบนหน้าเว็บของเฟซบุ๊ก ได้แนะนำข้อผิดพลาดในระบบชื่อโดเมน (DNS) ซึ่งอนุญาตให้ที่อยู่เว็บนำผู้ใช้ไปยังปลายทางได้ การหยุดทำงานนี้ เกิดขึ้นแบบเดียวกับระบบคลาวด์ของ Akamai Technologies Inc ที่ทำให้เว็บไซต์หลายแห่งล่มในเดือนกรกฎาคม

ด้านพนักงานเฟซบุ๊กหลายคนที่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อกล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่าการหยุดทำงานนั้นเกิดจากความผิดพลาดในการกำหนดเส้นทางภายในไปยังโดเมนอินเทอร์เน็ตที่ประกอบขึ้นจากความล้มเหลวของเครื่องมือสื่อสารภายในและทรัพยากรอื่น ๆ ที่ขึ้นอยู่กับโดเมนเดียวกันนั้นเพื่อให้ทำงานได้

ตามข้อมูลของ Standard Media Index บริษัทด้านการประเมินธุรกิจ ภาวะล่มของโซเชียลแพลตฟอร์มนี้ ทำให้เฟซบุ๊กต้องสูญเสียรายได้มากถึง 545,000 เหรียญสหรัฐฯต่อชั่วโมงในช่วงล่มนานเกือบ 6 ชั่วโมง

ขณะที่เจ้าของเฟซบุ๊กอย่างซัคเคอร์เบิร์ก ได้โพสต์ข้อความหลังโซเชียลแพลตฟอร์มทั้ง 4 ของเฟซบุ๊กกลับมาใช้งานได้แล้ว โดยระบุว่า ตอนนี้แอพลิเคชั่นทั้ง 4 กลับมาออนไลน์แล้ว ต้องขอโทษทุกคนสำหรับภาวะก่อกวนในวันนี้ แต่ทำให้เขารู้ว่าพวกคุณให้ความสำคัญกับการบริการของเราที่ต้องการเชื่อมต่อกับทุกคนที่คุณใส่ใจมากแค่ไหน

https://twitter.com/WatchandRetweet/status/1445157826683457541

นอกจากภาวะล่มทั้งแพลตฟอร์มที่ทำให้เกิดดราม่า ยังมีดราม่าก่อนหน้านี้ที่เฟซบุ๊กถูกตั้งคำถามและวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะการออกมาเปิดโปงล่าสุดของอดีตคนทำงานในเฟซบุ๊กว่าบริษัทโซเชียลมีเดียนี้ สนใจแต่ผลประโยชน์ของบริษัทเองมากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

ฟรานเซส ฮาวเก้น อดีตผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊ก ได้ออกมาเปิดโปงเหรียญอีกด้านที่ถูกปกปิดของเฟซบุ๊กผ่านรายการ 60 minute ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นสาวที่เปิดโปงเอกสารที่รั่วไหลของเฟซบุ๊กและยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางว่า บริษัทโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่มีศักยภาพต่อการสร้างความเกลียดชังและข้อมูลที่ผิดมากแค่ไหน

“ Facebook แสดงให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเลือกผลกำไรมากกว่าความปลอดภัย” ฮาวเก้นกล่าวและหวังว่า การออกมาเปิดเผยครั้งนี้ รัฐบาลจะวางกฎระเบียบเพื่อควบคุมกิจกรรมของบริษัท

ฮาวเก้นกล่าวอีกว่า เฟซบุ๊กได้ปิดระบบป้องกันก่อนเวลาอันควรที่ออกแบบมาเพื่อขัดขวางการให้ข้อมูลเท็จและการปลุกระดมหลังจากที่ โจ ไบเดน เอาชนะ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว โดยอ้างว่ามีส่วนทำให้เกิดการบุกรุกอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม

หลังการเลือกตั้ง บริษัทได้ยุบหน่วยงานด้านความสมบูรณ์ของพลเมืองที่เธอเคยทำงาน ทำให้ฮาวเก้นถึงกับกล่าวว่าเป็นช่วงเวลาที่เธอตระหนักได้ว่า “ฉันไม่เชื่อว่าพวกเขาจะเต็มใจลงทุนจริง ๆ ในสิ่งที่จำเป็นต้องลงทุนเพื่อป้องกันไม่ให้ เฟซบุ๊ก เป็นอันตราย”

ฮาวเก้นส์เล่าถึงมูลเหตุปัญหาของเฟซบุ๊กว่า เป็นตัวอัลกอริธึมที่ควบคุมสิ่งที่ปรากฏในฟีดข่าวของผู้ใช้ และวิธีที่พวกเขาชื่นชอบเนื้อหาที่แสดงความเกลียดชัง การเปลี่ยนแปลงการไหลของเนื้อหาในปี 2018 มีส่วนทำให้เกิดความแตกแยกและความชั่วร้ายมากขึ้นในเครือข่ายที่สร้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพื่อให้ผู้คนใกล้ชิดกันมากขึ้น

แม้จะมีความเป็นปฏิปักษ์กับอัลกอริธึมใหม่ แต่เฟซบุ๊กพบว่าพวกเขาช่วยให้ผู้คนกลับมา – รูปแบบนั้นช่วยให้เฟซบุ๊กขายโฆษณาดิจิทัลที่สร้างโฆษณาส่วนใหญ่ได้มากขึ้น จนทำให้รายรับต่อปีของเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2561 เป็น 119 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยอิงจากการประมาณการของนักวิเคราะห์ที่สำรวจโดย FactSet ในขณะเดียวกัน มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 375 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2561 เป็นเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในขณะนี้

ก่อนที่การสัมภาษณ์เต็มรูปแบบจะออกมาในวันอาทิตย์ ผู้บริหารระดับสูงของเฟซบุ๊ก ได้เยาะเย้ยข้อกล่าวหาของผู้เปิดโปงว่า “สร้างความเข้าใจผิด”

ทั้งนี้ ฮาวเก้น เป็นนักวิทยศาสตร์ข้อมูลที่ทำงานให้กับกูเกิลและพินเทอเรสต์ ก่อนร่วมงานกับเฟซบุ๊กในปี 2562 โดยเธอได้รับคำขอให้ทำงานในขอบเขตที่ต่อสู้กับข้อมูลเท็จ ตั้งแต่เธอเสียเพื่อนให้กับทฤษฎีสมคบคิดบนโลกออนไลน์ และฮาวเก้น เตรียมขึ้นให้การกับคณะกรรมาธิการของสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้