จับตารื้อสิทธิแจกตังค์ ‘บัตรคนจน’ ปิดช่องจนเทียมสวมสิทธิ ดึงเรตติ้งคะแนนนิยม รบ. ‘ลุงตู่’ …เลือกตั้งท้องถิ่นรู้กัน/เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจ

 

จับตารื้อสิทธิแจกตังค์ ‘บัตรคนจน’

ปิดช่องจนเทียมสวมสิทธิ

ดึงเรตติ้งคะแนนนิยม รบ. ‘ลุงตู่’

…เลือกตั้งท้องถิ่นรู้กัน

 

ความยากจนเป็นปัญหาใหญ่ของทุกประเทศ ที่รัฐบาลต่างพยายามที่จะแก้ไข

อย่างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาตรการสวัสดิการรัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน โดยการใช้เครื่องมืออย่าง “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือเรียกว่า “บัตรคนจน” ที่มีการเติมเงินช่วยเหลือค่าอุปโภคบริโภค ถือเป็นอีกผลงานที่โดดเด่นของรัฐบาลนี้

แต่ที่ผ่านมา พบว่ามีกระแสข่าวเกี่ยวกับ “คนจนไม่จริง” แต่กลับได้สิทธิถือบัตรคนจน

อาทิ กรณีเมื่อปลายปี 2561 ที่รัฐบาลได้แจกเงินเป็นของขวัญปีใหม่ ผ่านบัตรคนจน จำนวน 500 บาท ปรากฏว่าผู้ที่ถือบัตรบางคนได้ทำการถอนเงิน และถ่ายรูปตนเองคู่กับบัตรและเงิน โดยที่ตอนถ่ายรูปก็สวมสร้อยและกำไรทอง ทำให้รัฐบาลต้องทำการตรวจสอบ

สะท้อนว่า มีคนฐานะแต่ยังได้สิทธิถือบัตรนี้อยู่จริง

ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีการทบทวนสิทธิ หรือเปิดลงทะเบียนใหม่เลย ปัจจุบันตัวเลขยังอยู่ในระดับเดิมคือ 13 ล้านคน

ซึ่งน่าแปลกใจว่า จะไม่มีคนที่สามารถพัฒนาตนเองให้หลุดพ้นจากการเป็นคนจนได้เลยหรือ

 

ในทางกลับกัน ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาผ่านโครงการเราชนะ ได้นำเครื่องมือใหม่มาใช้ คือ การจ่ายเงินผ่านระบบการจ่ายเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐ บนแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ซึ่งจำเป็นต้องมีสมาร์ตโฟนและมีการจ่ายผ่านบัตรสวัสดิการ

แต่ในการเยียวยาครั้งนี้กลับเกิดกลุ่มคนใหม่ คือ “ผู้ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ” จำนวน 2.5 ล้านคน ที่ไม่มีสมาร์ตโฟน รวมทั้งเข้าไม่ถึงโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นรูรั่วใหญ่ ที่เห็นได้ชัดว่ามาตรการของรัฐยังมีคนเข้าไม่ถึงอยู่อีกมาก

สิ่งสำคัญที่เป็นปัญหาคือ เรื่องข้อมูล ที่รัฐบาลยังมีข้อมูลที่จำกัด ไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่สมบูรณ์

จากข้อมูลรัฐบาลระบุว่า สถานการณ์คนยากจนของประเทศไทยในปี 2562 นั้นมีคนจนลดลงเหลือเพียง 4.3 ล้านคน สวนทางกับจำนวนผู้ถือบัตรคนจนที่ปัจจุบันมี 13.6 ล้านคน รวมทั้งข้อมูลจำนวนคนว่างงานของไทยเองเหมือนจะไม่สูงมาก แต่กลับมีกลุ่มที่เรียกว่าเสมือนว่างงาน ที่ทำงานไม่เต็มเวลา ที่มีแต่จะเพิ่ม ยิ่งทำให้เห็นว่า จะต้องทำการทบทวนผู้ใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน

และทำการเปิดลงทะเบียนรับคนจนที่ยังหลุดลอดจากสิทธิให้ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐ

 

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโสด้านนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวมและเศรษฐศาสตร์ประยุกต์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า การทบทวนสิทธิผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่ามาตรการนี้ได้ออกมา 2-3 ปี ซึ่งเกณฑ์และปัจจัยต่างๆ ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ในแต่ละปีก็มีเหตุการณ์ต่างกันไป เป็นสิ่งปกติที่ผู้คนจะมีการเปลี่ยนแปลง คนที่เมื่อตอนเข้าร่วมอาจจะเป็นคนยากจนเปลี่ยนเป็นคนรวยได้ ในขณะเดียวกันคนรวยก็เปลี่ยนเป็นยากจนได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรมีการทบทวนอยู่เรื่อยๆ

การทำมาตรการช่วยเหลือคนยากจนนั้นมีสองแบบ คือ การทำอย่างไม่ระบุเป้าหมาย ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ทำลักษณะนี้ แต่พยายามระบุเป้าหมาย ซึ่งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็พยายามหาคนที่ยากจน และแน่นอนว่าถ้าหากถามคนทั่วไป ใครๆ ก็อยากได้ของฟรี ฉะนั้น จึงเห็นว่ามีผู้ลงทะเบียนจำนวนมาก เกินกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ หาวิธีเล็ดลอดเข้ามาใช้สิทธิ

ดังนั้น การที่รัฐบาลจะปรับเกณฑ์การคัดกรอง เพิ่มเรื่องรายได้ครัวเรือนร่วมด้วยก็เป็นอีกเครื่องมือที่รัฐจะใช้ค้นหาคนจนได้แม่นยำมากขึ้น และลดจำนวนที่แอบอ้างสิทธิให้น้อยลง ซึ่งภาครัฐจำเป็นต้องบูรณาการฐานข้อมูลจำนวนมากเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ดี

“จำนวนคนที่จะลงทะเบียนรอบใหม่ จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้น ขึ้นอยู่กับว่าภาครัฐนิยามคนจนอย่างไร ถ้าใช้เกณฑ์รายได้เช่นเดิม ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการระบาดของโควิด-19 เข้ามา ก็อาจจะทำให้มีคนที่ตกงานเยอะกว่าปกติ ที่ 3-4 แสนคน และทำให้จำนวนคนยากจนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด” นายนณริฏกล่าว

นายนณริฏกล่าวต่อว่า ส่วนรูปแบบหลักๆ คือ วิธีการกำหนดรายการที่จะช่วยเหลือ อาทิ ค่าอุปโภคบริโภค ค่ารถสาธารณะ อีกด้านหนึ่ง ก็ไม่อยากให้ภาครัฐจำกัดการใช้จ่าย ว่าต้องไปจ่ายที่ไหนอย่างไร แต่อยากให้เปิดกว้างเลย เชื่อว่าจะช่วยให้คนที่ได้รับสิทธิพัฒนาตนเองได้ดีมากกว่าเดิม เนื่องจากแต่ละคนมีโจทย์ปัญหาที่แตกต่างกันไป บางคนอาจจะเอาไปประกอบอาชีพ บางคนอาจใช้เป็นค่าเทอมลูก ซึ่งการที่ภาครัฐไปกำหนดกล่อง แล้วหากผู้ได้สิทธิ ไม่ใช่กลุ่มที่ต้องใช้จ่ายส่วนนี้ ก็จะทำให้เงินที่ได้เสียเปล่าไป

 

บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถือเป็นอีกผลงานสำคัญของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าได้รับการปรับปรุง ทบทวนสิทธิ ดึงคนจนที่ยังตกหล่นได้เข้าร่วมได้ ภายในตุลาคมนี้ ก็อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยขยายฐานเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้น และความนิยมของรัฐบาลในอนาคตแน่นอน

ดังนั้น รัฐบาลต้องรีบปรับปรุง “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ให้ตรงจุด

นอกจากจะช่วยคนยากจนมีทุนพัฒนาตนเองแล้ว ยังช่วยเพิ่มความนิยมให้รัฐบาลได้อีกด้วย