ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 28 กรกฎาคม - 3 สิงหาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | โลกหมุนเร็ว |
เผยแพร่ |
โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง [email protected]
70 ก็สุขได้
อยู่มาจนอายุจะเจ็ดสิบถึงเรียนรู้วิธีตบยุงได้สำเร็จเลือดแดงคาน่อง
ทุกทีเห็นยุงกัดปุ๊บก็ตบพับ ก็มักจะไม่ได้แอ้ม เพิ่งรู้ว่า ต้องรอให้ยุงกัดสักพัก และขณะที่มันกำลังเพลินกับเลือดหวานๆ ก็รีบตบแบบสายฟ้าแลบ
สถิติการตบยุงสำเร็จสูงขึ้นมากเมื่ออายุใกล้เจ็ดสิบ
เรื่องการถอยรถเข้าจอดก็เหมือนกัน เคยเบี้ยวไปเบี้ยวมา ล้อไม่ตรง กะไม่ถูกว่าหมุนกี่รอบ เดี๋ยวนี้ก็รู้แล้วว่าต้องหมุนกี่รอบและต้องหยุดที่จุดไหน เพิ่งจะมารู้
เด็กสมัยนี้อายุสิบแปดเขาก็ทำกันได้
นี่แหละจึงทำให้การอายุใกล้เจ็ดสิบมีอะไรดีๆ เข้ามาอีกมากมาย แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
อายุเจ็ดสิบเค้าบอกว่าไม่มีอะไรตื่นเต้นแล้วนะ อยู่ไปวันๆ อยู่ไปเรียบๆ ง่ายๆ แต่จริงๆ เจ็ดสิบเป็นเวลาที่น่าลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำ การคิดทำอะไรใหม่ๆ ถือเป็นการผจญภัยอย่างหนึ่ง
นี่แหละเลยอยากอยู่ต่อไปอีกเรื่อยๆ เพราะคงทำอะไรได้เพิ่มอีกหลายอย่าง
สามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นคนอเมริกัน ไม่เคยคิดจะไปท่องเที่ยวที่ไหนนอกจากอเมริกา สามีภรรยาคู่นี้ชอบใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ไปเที่ยวดูตามการาจเซลส์ ไม่ใช่ว่าจะต้องการซื้ออะไร แต่เป็นเพราะสนใจความเป็นมาที่อยู่เบื้องหลังสิ่งของเหล่านั้น โดยเฉพาะตัวสามีสนใจภาพเขียนและภาพถ่ายเก่าๆ เป็นพิเศษ
เขาจะพินิจพิเคราะห์คนและสถานที่ในภาพว่าเป็นใคร มีชีวิตแบบไหน แล้วมันก็มักจะนำเขาไปสู่สิ่งอื่นต่อไป เช่น เมื่อดูรูปเขียนมากๆ ก็เลยไปเข้าคลาสเรียนวาดภาพสีน้ำ เป็นต้น
วันหนึ่งเขาเข้าไปนั่งจ่อมอยู่ในบู๊ธในงานการาจเซลส์ที่มีวาดภาพสีน้ำ เขาเห็นรูปภาพที่เขียนว่า ปารีสที่ตราตรึง 1948 เขาก็ขอซื้อมาในราคา 2 เหรียญเท่านั้น เป็นภาพถนนในแสงแดดเจิดจ้า ด้านหลังเป็นโบสถ์ Sacre Coeur
เท่านี้ก็ทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจให้ไปเที่ยวปารีส
ชีวิตนี้ไม่เคยคิดจะไปยุโรป แต่คราวนี้ต้องไป
ต้องไปดูให้เห็นกับตาว่ามุมนั้น มุมที่มองไปเห็นโบสถ์ Sacre Coeur อยู่ข้างหลังอยู่ตรงไหน
แล้วในที่สุดแผนการเดินทางก็เริ่มขึ้น แถมยังพ่วงเอาบาร์เซโลนาเข้าไปด้วย
ทันทีที่ถึงปารีส สามีภรรยาก็ตรงไปที่มองมาร์ต ไปดูจุดที่อยู่ในโปสการ์ด พอได้เห็นก็เหมือนได้ขึ้นสวรรค์
ดีใจยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าร้านขายขนมปังในรูปก็ยังอยู่ จากนั้นก็เข้าไปกินอาหารในภัตตาคารที่อยู่ในรูป แล้วก็คุยจ้อกับเจ้าของภัตตาคารว่าอะไรพาพวกเขามาที่ปารีส เจ้าของภัตตาคารแนะนำให้ไปพิพิธภัณฑ์ที่มีภาพเขียนอื่นเกี่ยวกับถนนสายนั้น
เขาตรงต่อไปที่พิพิธภัณฑ์ ได้เห็นรูปอื่นๆ ซึ่งพาเขาออกไปสำรวจสถานที่อื่นๆ ในแถบนั้น รวมทั้งได้เห็นภาพเขียนของศิลปินอื่นๆ ด้วย
ส่วนที่บาร์เซโลนา สองสามีภรรยาไปเที่ยวตลาดกลางแจ้ง แล้วก็ไปเห็นภาพสีน้ำเล็กๆ ภาพหนึ่ง ในนั้นเป็นภาพหมู่บ้านประมงที่เขาเคยเห็นรูปจากหนังสือท่องเที่ยวและเคยฝันที่จะไป
เขาซื้อภาพมาและสอบถามจากคนเฝ้าโรงแรมว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน คนเฝ้าโรงแรมบอกว่าเป็นหมู่บ้านในยุคกลางชื่อ Tossa de Mar
วันรุ่งขึ้นสองสามีภรรยาไม่รอช้า ไปให้เห็นกับตาทันที
คนที่เล่าเรื่องสองสามีภรรยาคู่นี้ให้มุมมองว่าคนแบบนี้แหละที่มีความสุข คือไม่รอช้าที่จะหาความสุขให้ตัวเอง
ใจเปิดกว้างและไม่กังวลว่าจะหาสิ่งที่ต้องการเจอหรือไม่ ลุยไปก่อน
พอเจอแล้วก็สุขมาก