จับตาหมาก ‘หมวกแดง’ บนกระดาน ทบ. เบรกศึก ‘คอแดง-คอเขียว’ ดาวเด่นรบพิเศษเข้าไลน์ ไร้ปาฏิหาริย์ ‘บิ๊กอ๊อบ’ กับแผง ตท.21 แห่งทัพไทย/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

จับตาหมาก ‘หมวกแดง’

บนกระดาน ทบ.

เบรกศึก ‘คอแดง-คอเขียว’

ดาวเด่นรบพิเศษเข้าไลน์

ไร้ปาฏิหาริย์ ‘บิ๊กอ๊อบ’

กับแผง ตท.21 แห่งทัพไทย

 

โค้งสุดท้าย ท้ายสุด โผโยกย้ายทหารผ่านไปแล้ว หลัง ผบ.เหล่าทัพได้ลงลายเซ็นในบัญชีรายชื่อกว่า 700 นาย ก่อนส่งให้บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อ 9 กันยายนที่ผ่านมา

หลังจากที่ในส่วนของกองทัพเรือ (ทร.) มีการแก้ไขในส่วนหัว ตามที่ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม เสนอในที่ประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ รมว.กลาโหมเป็นประธาน เมื่อ 30 สิงหาคม 2564 ให้บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย รองปลัดกลาโหม ข้ามกลับมาเป็น ผบ.ทร.ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

เพราะถึงอย่างไร ทั้ง พล.อ.ณัฐ และบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ว่าที่ปลัดกลาโหมคนใหม่ พล.ร.อ.สมประสงค์ และบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ก็เป็นเพื่อน ตท.20 ด้วยกัน จึงจบลงด้วยดีแบบไม่ต้องมีโหวตลงมติ หรือแข็งข้อกัน

โดยที่บิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสธ.ทร. ที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทร. แม้จะได้รับการเสนอชื่อขึ้นไปในเบื้องแรกนั้น ก็ต้องขยับเป็นรอง ผบ.ทร. บิ๊กปู พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผบ.กองเรือยุทธการ ที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทร. อีกคน ก็ได้ขยับขึ้น ผช.ผบ.ทร.

และขยับบิ๊กแจ๊ค พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ รองเสธ.ทร. ขึ้นเป็นเสธ.ทร.

ช่วงก่อนที่โผจะทูลเกล้าฯ ในด้านธุรการซึ่งใช้เวลาหลายวัน ทำให้เกิดกระแสข่าวลือการแก้โผในส่วนของ ทบ.หลายตำแหน่ง แต่ก็เป็นแค่ข่าวลือ

เพราะบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ส่งโผ ทบ.ผ่านขั้นตอน “หน่วยเหนือ” ก่อนแล้ว จึงทำให้ส่งโผ ทบ.ให้กลาโหมเป็นเหล่าทัพสุดท้ายนั่นเอง จึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรอีก

เพราะ 5 เสือ ทบ.ที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์จัดวางไว้ คือ บิ๊กโต้ง พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. เพื่อนรัก ตท.22 ขึ้นรอง ผบ.ทบ.เลย แม้ พล.อ.ณรงค์พันธ์เคยอยากจะให้เป็นเสธ.ทบ.มาตั้งแต่แรก แต่ทว่า ก็เลยเลเวลนี้ไปแล้ว

เพราะดูเหมือนเก้าอี้เสธ.ทบ. ที่จะควบเลขาฯ กอ.รมน. ด้วยนั้น ถูกล็อกไว้ให้บิ๊กติ่ง พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสธ.ทบ. และโฆษก ทบ. ที่นอกจากเป็นเพื่อน ตท.22 แล้ว ยังเป็นน้องรักสายทหารเสือฯ ของนายกฯ บิ๊กตู่

และมีบิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ (ตท.23) แม่ทัพภาคที่ 1 นายทหารเสือฯ คอแดง น้องรักนายกฯ บิ๊กตู่ ที่จะได้ขยับขึ้นพลเอก ผช.ผบ.ทบ. และจ่อเป็น ผบ.ทบ.ในปลายปี 2566 โดยเขามีอายุราชการถึง 2567

โดยที่ไม่มีบิ๊กอ๊อบ พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองเสธ.ทบ.มาเป็นคู่แข่งชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ในอนาคต เพราะไม่มีปาฏิหาริย์ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เช่นที่มีข่าวลือในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

เพราะชื่อ พล.ท.ทรงวิทย์ยังคงจะขึ้นพลเอก เป็นหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำผู้บังคับบัญชาเช่นเดิม

พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผบ.นสศ.

ที่น่าจับตามองคือ โผนี้เป็นอีกครั้งที่ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) หรือเทียบแม่ทัพภาคที่ 5 จะได้ขึ้นเป็น 1 ใน 5 เสือ ทบ.

บิ๊กยอง พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผบ.นสศ. ขึ้นพลเอก เป็น ผช.ผบ.ทบ. จากที่ผ่านมา เคยมีบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ขึ้นจาก ผบ.นสศ. เป็น ผช.ผบ.ทบ. และขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

เรียกได้ว่า นานๆ ครั้งที่ ผบ.นสศ.จะขึ้นถึง 5 เสือ ทบ. และขึ้นถึง ผบ.ทบ. ในอดีตมีบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ (ตท.1) ผบ.นสศ. ที่ขึ้นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.

ต่อมา บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน (ตท.6) จาก ผบ.นสศ. ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ. และบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท (ตท.16) ที่ขึ้น ผช.ผบ.ทบ. และ ผบ.ทบ. ต่อด้วยบิ๊กนัย พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ (ตท.21) ผบ.นสศ. ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. แต่ทว่าอายุราชการเกษียณพร้อมบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. จึงไม่ได้ลุ้นถึง ผบ.ทบ.

ขณะที่ พล.ท.ภูมิพัฒน์ (ตท.24) แม้จะขึ้น ผช.ผบ.ทบ. แต่มีอายุราชการกันยายน 2566 พร้อม พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ. จึงทำให้หมดโอกาสลุ้นเป็น ผบ.ทบ. แถมทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็เก้าอี้แน่น มั่นคง

พล.ต.ณัฐวุฒิ นาคะนคร รอง ผบ.นสศ.

แต่ต้องจับตามองบิ๊กต้น พล.ต.ณัฐวุฒิ นาคะนคร รอง ผบ.นสศ. เพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 24 ของบิ๊กยอง ที่คาดว่าจะขึ้นเป็น ผบ.นสศ.คนใหม่

พล.ต.ณัฐวุฒิมีอายุราชการถึง 2568 และถือเป็นคนเก่งของรบพิเศษ และยังมีลักษณะทางทหารดีเยี่ยม เดินมาในไลน์หมวกแดงสายแกร่ง เคยเป็นผู้พัน รพศ.3 พัน.1 และผู้บังคับการกรมรบพิเศษที่1 (ผบ.รพศ.1) และ ผบ.ศูนย์สงครามพิเศษ (ศสพ.) และขึ้นรอง ผบ.นสศ และมีสิทธิ์ลุ้นขึ้น 5 เสือ ทบ. และลุ้นชิงเป็น ผบ.ทบ.ในอนาคต

แม้ว่า พล.ต.ณัฐวุฒิจะไม่ได้เป็นนายทหารคอแดง ยังไม่ได้รับการฝึกหลักสูตร ทม.รอ. แต่น่าจับตามอง เพราะท่ามกลางความเชื่อที่ว่า คนเป็น ผบ.ทบ.ต้องเป็นทหารคอแดงเท่านั้น ในที่สุด ทหารหมวกแดงอาจได้ขัดตาทัพ เบรกกระแส ที่ทำให้ทหารในกองทัพบกแปลกแยก เพราะความที่เป็นทหารคอแดง และทหารคอเขียว ทหารทั่วไป ที่จบจาก รร.นายร้อย จปร. แต่ไม่ได้อยู่หน่วยรักษาพระองค์ และไม่ได้ฝึกหลักสูตรของ ทม.รอ.904

ในอีกทางหนึ่ง หากโควิดคลี่คลาย อาจจะมีการฝึกเป็นทหารคอแดง รุ่น 3

เมื่อนั้น พล.ต.ณัฐวุฒิอาจได้ฝึก ก็จะได้เป็นทหารคอแดงก็เป็นได้ เพราะในส่วนของทหารเรือ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (ผบ.นย.) และในส่วน ทอ. ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (ผบ.อย.) ก็อยู่ในข่ายที่จะเข้ารับการฝึก

เพราะในส่วน นสศ.นั้น กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ ก็เป็นหน่วยทหารคอแดงที่อยู่ใน ฉก.ทม.รอ.904 อยู่แล้วด้วย จึงน่าจับตา พล.ต.ณัฐวุฒิอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทหารคอแดงหรือไม่

แม้ว่าในสายทหารบูรพาพยัคฆ์คอแดง จะมีแคนดิเดตหลายคนที่จะชิง ผบ.ทบ.ในอนาคตก็ตาม โดยเฉพาะบิ๊กหนุ่ย พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่โผนี้ คาดว่าจะขึ้นแม่ทัพน้อยที่ 1

โดยเป็นเพื่อน ตท.24 ด้วยกัน โดย พล.ต.ณัฐวุฒิเกษียณ 2568 ส่วน พล.ท.ธราพงษ์เกษียณ 2569

แม้ว่าจะเป็นยุคของทหารคอแดง แต่ก็ไม่อาจมองข้ามทหารหมวกแดง ทั้งในยุคนี้และในอนาคต ที่มีนายทหารรบพิเศษหลายคนที่ฉายแวว

และถือเป็นความหวังของรุ่น ตท.24 หลังจากที่ พล.ท.ทรงวิทย์ที่เทียบเป็น ตท.24 หลุดไลน์อำนาจ ไม่ได้กลับไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และไม่ได้ขึ้น 5 เสือ ทบ. แต่ได้เป็นพลเอก หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำผู้บังคับบัญชาเท่านั้น

พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

มีข่าวว่า ในโยกย้ายปลายปีหน้า พล.ท.ทรงวิทย์ ซึ่งเป็นพลเอกแล้ว จะถูกส่งข้ามไป บก.ทัพไทย นั่งเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด ในโควต้า ทบ. เพื่อจ่อชิง ผบ.ทหารสูงสุด เมื่อบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เกษียณกันยายน 2566

แต่เป็นที่จับจ้องกันว่า พล.อ.เฉลิมพลสนับสนุน พล.ท.ทรงวิทย์ให้มาเติบโตใน บก.ทัพไทย และให้ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงคนที่ 2 หรือไม่

เพราะรู้กันดีว่า มีการวางตัวบิ๊กบุ๋ม พล.ท.สุวิทย์ เกตุศรี ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อร้าย (ศตก.) น้องรักทหารม้าคอแดง (ตท.23) ให้เป็น ผบ.ทหารสูงสุดต่อ

โดยโผนี้ ขยับ พล.ท.สุวิทย์ขึ้นพลเอก ตำแหน่ง ผอ.ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและความมั่นคง (ผอ.ศปร.) เพื่อครองยศพลเอก จะได้ไม่เสียเปรียบด้านอาวุโส

แต่หากเทียบโปรไฟล์ ประวัติ การศึกษา และเส้นทางรับราชการทหารแล้ว พล.ท.ทรงวิทย์ก็มีความได้เปรียบในหลายด้าน

ยิ่งหากมีสัญญาณออกมาแล้ว ก็น่าเชื่อได้ว่า เส้นทางสู่เก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุดของ พล.ท.ทรงวิทย์ก็คงราบรื่น

เพราะ พล.อ.เฉลิมพลเองก็ข้ามมาจาก ทบ. จ่อขึ้น ผบ.ทหารสูงสุดมาแล้ว เพราะการเคลียร์ทางให้ พล.อ.อภิรัชต์ ที่เช็กสัญญาณมาแล้ว ทหารลูกหม้อ บก.ทัพไทยหลายคนที่เคยเป็นดาวรุ่ง เป็นตัวเต็ง ผบ.ทหารสูงสุด ก็ต้องทำใจและยอมหมอบ หลบให้มาแล้ว

แต่จากการดัน พล.ท.สุวิทย์ขึ้นพลเอก ผอ.ศปร.ในโผนี้ ก็อาจชี้ชัดได้ว่า พล.อ.เฉลิมพลยังไม่มั่นใจในสัญญาณ หรือยังไม่ได้รับสัญญาณเรื่อง พล.ท.ทรงวิทย์

จึงไม่รั้งรอที่จะให้ พล.ท.สุวิทย์ไปเป็น ผอ.ศปร. โดยไม่ต้องรอเก้าอี้รองเสธ.ทหาร ที่เป็นไลน์ตรงว่าง แล้วปีหน้าค่อยว่ากันอีกที

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์

ที่บก.ทัพไทย โผนี้สุดคึกคัก เพราะ พล.อ.เฉลิมพลจัดทัพเสือป่าแจ้งวัฒนะใหม่ ให้เป็นที่รวมของเพื่อนเตรียมทหาร 21 และทหารม้า

ทั้งดึงบิ๊กแขก พล.อ.นเรนทร์ สิริภูบาล ผบ.นทพ. เพื่อน ตท.21 ขึ้นมาเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด และดึงบิ๊กโจ้ พล.อ.ณตฐพล บุญงาม เพื่อน ตท.21 ที่ปรึกษาพิเศษสำนักปลัดกลาโหม ที่พลาดเก้าอี้เลขาฯ สมช. กลับมาเป็นเสนาธิการทหาร กลายเป็นเสธ.ทหารคู่ใจ ที่เป็นทั้งทหารม้าด้วยกัน และเพื่อน ตท.21

จากที่ผลัดกันให้บิ๊กไก่ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เสนาธิการทหาร ทหารม้า ตท.22 ข้ามฟากไปตึกแดง ทำเนียบรัฐบาล โอนไปเป็นเลขาฯ สมช.ได้สำเร็จ เคลียร์ทางใน บก.ทัพไทยให้โล่งลงตัวได้

พล.อ.เฉลิมพลดึงบิ๊กเจ๊ก พล.ท.จีรัชญ์ บุญชญา รอง ผอ.ศปร. แม้จะไม่ใช่ทหารม้า แต่เป็นเพื่อน ตท.21 และเพื่อนพิบูลย์วิทยาฯ ลพบุรี ตั้งแต่สมัยเด็กๆ มาเป็นพลเอก นั่ง ผบ.นทพ. ที่มีกำลังนักรบสีน้ำเงินในมือ เพราะมีทั้ง ผอ.ภาค และ ผบ.นพค.ทั่วประเทศ

ส่วนเก้าอี้รอง ผบ.ทหารสูงสุด ในส่วนกองทัพเรือ ส่งชื่อบิ๊กโต๊ะ พล.ร.อ.ทรงวุฒิ บุญอินทร์ (ตท.22) จากผู้ช่วย ผบ.ทร. อดีตแคนดิเดต ผบ.ทร. ข้ามมาเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด

ส่วน ทอ.ยังมีบิ๊กต่วย พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง (ตท.21) เป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุดต่อไปอีก 1 ปี หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ไม่ล้วงลูกโผ ทอ.

ที่น่าจับตามองคือ พล.อ.เฉลิมพลจะดึงนายทหารม้าจาก ทบ.ข้ามมาเป็น ผบ.ศตก.แทน พล.ท.สุวิทย์ที่ขยับขึ้นพลเอก ตำแหน่ง ผอ.ศปร. เปลี่ยนฟีลการทำงาน ไปทำโครงการตามพระราชดำริ

โดยเก้าอี้รองเสธ.ทหาร เต็ม เพราะยังมีบิ๊กจ่อย พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง (ตท.24) นั่งอยู่ต่ออีก 1 ปี เพราะเก้าอี้เสธ.ทหาร มี พล.อก.ณตฐพลเป็นเต็งหนึ่งอยู่แล้ว

มีบิ๊กหม่อง พล.ท.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อน ตท.21 ของบิ๊กแก้ว ข้ามจาก ทบ.มาเป็นพลเอก รองเสธ.ทหาร

คาดกันว่า พล.อ.เฉลิมพลดัน พล.ท.สุวิทย์ให้เป็นพลเอก พร้อมๆ กับ พล.ท.ทรงวิทย์ เพื่อไม่ให้เสียเปรียบกัน

โยกย้ายปลายปีหน้า คาดว่า พล.ท.สุวิทย์จะขึ้นเป็นเสนาธิการทหาร ครองอัตราพลเอกพิเศษ ส่วน พล.ท.ทรงวิทย์ตอนนั้นจะขึ้นรอง ผบ.ทหารสูงสุด ครองอัตราพลเอกพิเศษเช่นกัน

แต่ พล.ท.สุวิทย์เป็นรุ่นพี่ ตท.23 ส่วน พล.ท.ทรงวิทย์แม้จบนายร้อยเวอร์จิเนียร์ แต่เทียบ ตท.24 แต่หากเทียบหมัดต่อหมัด และหลายปัจจัยแล้ว พล.ท.ทรงวิทย์เป็นต่อ

แม้ พล.อ.เฉลิมพลจะหนุน พล.ท.สุวิทย์น้องรักทหารม้าเต็มตัว แต่ก็ย่อมรู้ดีถึงเส้นทางที่ พล.ท.ทรงวิทย์เดินมา ก็ไม่แตกต่างจาก พล.อ.เฉลิมพลเองเท่าใดนัก

จากทหารม้าคอแดง ที่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ตอนนั้น ผลักดันให้ขึ้นพลเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. แล้วส่งข้ามจาก ทบ.มาเป็นเสธ.ทหาร และเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงคนแรก

และมีข่าวสะพัดว่า มีสัญญาณให้เปิดทางให้ พล.ท.ทรงวิทย์ที่พลาดหวังจาก ทบ. เพราะม่านประเพณี จปร. ที่ไม่ให้นายทหารนักเรียนนอก เป็น ผบ.ทบ. แต่ให้ข้ามไปเตรียมจ่อเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

ที่ผ่านมา มีบิ๊กเภา พล.อ.สำเภา ชูศรี ที่จบจากนายร้อยฝรั่งเศส Saint Cyr ที่พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ. ได้ข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด รวมทั้ง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ที่จบนายร้อย Westpoint สหรัฐ

เส้นทางของ พล.ท.ทรงวิทย์จึงน่าจับตามองยิ่ง

ขณะที่กองทัพเรือ ส่งชื่อบิ๊กจอร์ช พล.ร.ท.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ (ตท.22) ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3 ข้ามมาเป็นพลเรือเอก รองเสธ.ทหาร

บก.ทัพไทย ใต้การนำของ พล.อ.เฉลิมพลในปีที่ 2 จึงถูกโฟกัสเพราะเป็นยุคทองของ ตท.21

เพราะใน ผบ.เหล่าทัพ ก็จะมี พล.อ.เฉลิมพล และบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ที่คาดว่าจะเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ ที่เป็น ตท.21

พลาดไปก็คือ เก้าอี้ ผบ.ทร. ที่ พล.ร.อ.ธีรกุล ตท.21 ต้องหลบทางให้ พล.ร.อ.สมประสงค์ รุ่นพี่ ตท.20 ขึ้น ผบ.ทร. โดยที่ยังไม่มีสัญญาณว่า พล.ร.อ.ธีรกุลจะลุ้นเป็น ผบ.ทร.ในปลายปีหน้าได้หรือไม่ เพราะเมื่อถึงเวลานั้น ก็เหลืออายุราชการปีเดียว

อีกทั้งมีกระแสข่าวสะพัดว่า ตั้งแต่โยกย้ายปลายปีหน้า การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารในระดับ ผบ.เหล่าทัพ จะมีนโยบายให้มีอายุราชการ 2 ปีขึ้นไป เพื่อการทำงานที่ต่อเนื่อง และให้กองทัพนิ่ง ไม่ต้องเปลี่ยนหัว เปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพบ่อยๆ

จะได้เห็นจากการที่ พล.อ.อภิรัชต์ดัน พล.อ.เฉลิมพล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เป็น ผบ.ทบ.เลย เมื่อโยกย้ายปลายปีที่แล้ว แม้จะมีอายุราชการ 3 ปี แต่ก็เพื่อให้กองทัพนิ่ง ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอน

พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม ก็นั่งมานาน 3 ปี ที่สามารถทำงานพัฒนากลาโหม ปรับปรุง เปลี่ยนโฉม และการบริหารจัดการ ให้เป็นไปตามแผนและนโยบายได้อย่างเห็นผล

ทั้งนี้เพราะมีสัญญาณที่ว่า ผบ.เหล่าทัพไม่ใช่ให้เป็นในปีสุดท้ายก่อนเกษียณเท่านั้น การทำงานจะได้ต่อเนื่องสำเร็จ

นี่เป็นเหตุผลเดียวกับที่ พล.อ.เฉลิมพลเสนอชื่อ พล.อ.สุพจน์ไปเป็นเลขาฯ สมช. เพราะจะให้อยู่ยาวจนครบวาระของ พล.อ.ประยุทธ์

และ พล.ร.อ.ชาติชายเสนอชื่อ พล.ร.อ.ธีรกุล ที่มีอายุราชการ 2 ปี เป็น ผบ.ทร.ขึ้นไป แต่เจอปัญหาโยกย้ายกลาโหมที่ไม่ลงตัว จึงต้องยอมแก้โผให้ พล.ร.อ.สมประสงค์ข้ามกลับมาเป็น ผบ.ทร. 1 ปี ตามที่ปลัดกลาโหมเสนอ

 

ไม่เช่นนั้น กองทัพก็จะยึดแนวทางที่เคยทำมาในอดีต ที่ว่า เป็นกันคนละปี สมบัติผลัดกันชม เป็น ผบ.เหล่าทัพครบกันทุกรุ่น รุ่นละ 1-2 คน

แต่ที่ผ่านมา บางครั้งทำตามนโยบายนี้ไม่ได้เพราะแคนดิเดตมีอายุราชการเหลือแค่ 1 ปี จึงไม่มีทางเลือกอื่น

นอกเหนือจากการลดจำนวนนายพลให้ได้ตามแผน ในปี 2570 นายพลในกลาโหมและเหล่าทัพจะเหลือประมาณ 1,200 คน จากที่มีอยู่ราว 1,400 นาย

โดยมีสัญญาณให้เพิ่มจำนวนนายพลตามกรอบที่กำหนดเท่านั้น ดังนั้น ในโผนี้ ที่มีการโยกย้ายกว่า 700 นาย เกือบ 800 นาย จะมีการเลื่อนยศจากพลตรี เป็นพลโท และพลโทเป็นพลเอก ของ 3 เหล่าทัพ รวมราว 560 คน

ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นถึงการปฏิรูปกองทัพ ที่เป็นไปตามแผนให้ได้มากที่สุด เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในแต่ละเหล่าทัพ ที่จะทำให้ทันสมัย กระชับ ลดขนาด และมีผู้นำที่ทันยุคสมัยมากขึ้นนั่นเอง

เพราะในยุคเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ กองทัพก็ย่อมต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะตามมา