กลาโหม’ไทย-จีน’ ถกแผนต่อต้านก่อการร้าย

กลาโหม “ไทย-จีน” ถกแผนการต่อต้านการก่อการร้าย ยกไทย-อาเซียน มีแผนป้องกัน “ไอเอส”

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่โรงแรมเดอะสุโกศล กรุงเทพฯ กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้จัดการประชุมคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการก่อการร้ายในกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 7 (ADMM – Plus EWG on CT)

โดยพล.ท.ชัชชัย ภัทรนาวิก ผู้บัญชาการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล (ผบ.ศตก.) แถลงผลการประชุม ว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นการหารือและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกรอบแนวความคิดของระเบียบปฏิบัติประจำ หรือ Standard Operating Procedures (SOPs) 2019 ของการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งประเทศไทยและประเทศจีน ได้ยกร่างขึ้นจากระเบียบปฏิบัติประจำที่ได้รับการพัฒนา จากสิงคโปร์และออสเตรเลีย ซึ่งกรอบแนวความคิดของระเบียบปฏิบัติประจำนี้จะถูกพัฒนาเป็นระเบียบปฏิบัติประจำและแนวทางของการต่อต้านการก่อการร้ายในกรอบการประชุม ADMM – Plus ในครั้งต่อไป โดยระเบียบปฏิบัติประจำจะมุ่งเน้นในมิติการต่อต้านการก่อการร้ายทางบก จากเดิมที่สิงคโปร์ได้มุ่งเน้นการต่อต้านการก่อการร้ายทางทะเล ทั้งนี้ยังยกระดับและกำหนดมาตรฐานของขีดความสามารถด้านการต่อต้านการก่อการร้ายของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ซึ่งที่ประชุมได้ลงความเห็นร่วมกันในหลักการและจะได้มีการหารือในรายละเอียดของร่างระเบียบปฏิบัติประจำดังกล่าวในการประชุม ADMM – Plus EWG on CT ครั้งที่ 8 ณ ประเทศจีน นอกจากนี้ยังรับทราบวัตถุประสงค์และโครงร่างระเบียบปฏิบัติประจำของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน ที่ก่อตั้งโดยประเทศไทยในด้านการต่อต้านการก่อการร้าย โดยที่ประชุมขอให้ศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนจัดทำรายละเอียด เพื่อนำไปพิจารณาในการประชุมครั้งหน้า ทั้งนี้ใน พ.ศ.2562 จะมีการฝึกการต่อต้านก่อการร้ายระหว่างประเทศสมาชิกและประเทศคู่เจรจาที่ประเทศจีน

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงสถานการณ์ความไม่สงบในเมืองมาราวี ประเทศฟิลิปปินส์ หลังกลุ่มก่อการร้ายไอเอสโจมตีและยึดครองเมืองมาราวี พล.ท.ชัชชัยกล่าวว่า ประเทศฟิลิปปินส์ ไม่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากติดภารกิจสำคัญ ซึ่งในที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงความท้าทาย การเผชิญหน้าภัยการก่อการร้ายของประเทศสมาชิกและประเทศคู่เจรจา

“ที่ประชุมยังไม่มีแนวทางเข้าช่วยเหลือทางทหารแก่ฟิลิปปินส์ที่ถูกกลุ่มไอเอสโจมตีและยึดครองเมืองมาราวี แต่หากมีการร้องขอก็คงเน้นการช่วยเหลือด้านบรรเทาสาธารณภัย (HADR) ขณะเดียวกันยืนยันว่าประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนมีแนวทางป้องกันกลุ่มไอเอส โดยทางตำรวจและสภาความมั่นคงแห่งชาติได้เพิ่มมาตรการและความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่เข้าออกประเทศ สำหรับบุคคลที่มีรายชื่อเป็นผู้ต้องสงสัยเกี่ยวพันกับกลุ่มไอเอส ได้มีการติดตามตัวและผลักดันออกนอกประเทศ ทั้งนี้ตนมองว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานะที่เป็นเป้าหมายของไอเอส” พล.ท.ชัชชัยกล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ร้องขอความช่วยเหลือทางทหารจากประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการประเมินว่า ปัจจัยสำคัญที่สถานการณ์ในเมืองมาราวียืดเยื้อ เนื่องจากกลุ่มไอเอสใช้วิธีล่อเจ้าหน้าเข้าพื้นที่จากนั้นจะใช้พลซุ่มยิง หรือ สไนเปอร์โจมตี รวมไปถึงการลอบวางระเบิด เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่แล้ววางระเบิดซ้ำลูกที่ 2 ซึ่งสร้างความสูญเสียอย่างมากแก่กองทัพฟิลิปปินส์