ในห้วงนับแต่เริ่มญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจเป็นต้นไป ความร้อนแรงในทางการเมืองจะเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้น สูง

ขึ้น เป็นลำดับ

ขอให้อ่านเกมนี้ผ่านบทบาทและการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็น นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ไม่ว่าจะเป็น นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ

ทั้งเมื่อเปิด”แถลงข่าว”และที่จัดรายการ”ไลฟ์”สด

ต้องยอมรับว่าการประสานระหว่าง นายสมบัติ บุญงามอนงค์ กับ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เป็นการประสานระหว่างพลังใหม่กับความ จัดเจนเก่าได้อย่างเหมาะเจาะ

หากใครรู้สึกว่าท่าทีของ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ แฝงความดุดันในแบบของนักเลงลูกทุ่ง เมื่อกังวานแห่งเสียงหัวเราะดังมาจาก นายสม บัติ บุญงามอนงค์ ความดุดันก็ผ่อนคลาย

ลักษณะ”ร่วม”อันเป็นคุณสมบัติพิเศษคือจุด”สะพานเชื่อม”

ทั้ง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ มิได้มี ช่องว่างกับเยาวชนคนรุ่นใหม่แม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะ”ทะลุฟ้า” ไม่ว่าจะ”ทะลุแก๊ซ”

 

หากนำเอาการเคลื่อนไหวของ”คาร์ม็อบ”ไปวางเรียงอยู่เคียงกับการ เคลื่อนไหว ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยของ”ทะลุฟ้า” และในพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดนของ”ทะลุแก๊ซ”

จะปรากฏความต่างอย่างที่เรียกได้ว่าเป็นช่องว่าง รอยโหว่ แต่ภายในช่องว่าง รอยโหว่ นั้นก็มีความเข้าใจ มิได้ห่างไกล

เหมือนกับรอยห่างนั้นจะอยู่ตรงคำว่า ความรุนแรง สันติวิธี

แต่เมื่อลงลึกเข้าไปในแต่ละรายละเอียดของสถานการณ์ ไม่ว่า จะมองจากมุม นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ไม่ว่าจะมองจากมุม นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ก็ดำเนินไปอย่างแยกแยะ

ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ มีความประจักษ์ว่ามาจากที่ใด

ย่อมมองไปยัง”เจ้าหน้าที่รัฐ” มิได้มองไปยัง”น้องๆ”

 

มีความจำเป็นต้องจับตามองการเคลื่อนไหวนับแต่”คาร์ม็อบ”ในชุด ว่าด้วย”คอลเอ๊าต์” เรื่อยไปจนถึงเดือนกันยายนว่า แต่ละจังหวะก้าว จะดำเนินไปอย่างไร

ไม่ว่า นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ไม่ว่า นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ

ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวในส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวในส่วนภูมิภาค

ต้องมองเห็น”สายสัมพันธ์” ต้องมองเห็น”ความต่อเนื่อง”