ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 สิงหาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ก่อสร้างและที่ดิน |
เผยแพร่ |
ก่อสร้างที่ดิน
นาย ต.
เตรียมรับมือซึมยาว
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อ 4 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ปรับประมาณการอัตราเติบโตเศรษฐกิจประเทศลงอีกครั้งในรอบปี หลังจากที่ปรับลดลงครั้งก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน โดยครั้งล่าสุดปรับลดลงจาก 1.8% เหลือ 0.7%
ก่อนหน้านี้เดือนกรกฎาคม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมไทย และสมาคมธนาคารไทย ก็ได้ปรับลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจปีนี้ลงจาก 0.5-2.0% เหลือ 0.0-1.5%
เวลาห่างกันแค่ 2 เดือนจากการประชุมครั้งที่แล้ว แต่ในมติที่ประชุม กนง.บอกชัดว่า ผลกระทบเศรษฐกิจมากกว่าที่เคยคาดเอาไว้ และยังมีความเสี่ยงด้านต่ำ
การหยุดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ กนง.เห็นว่า ขึ้นกับการบริหารจัดการวัคซีน การฉีดวัคซีน และมาตรการการคลังเป็นหลัก
ที่บอกว่า การลดผลกระทบขึ้นกับนโยบายวัคซีนนั้น ทุกคนทุกหน่วยงานก็คงเห็นเหมือนกันกับ กนง. แต่ที่บอกว่า ขึ้นกับมาตรการการคลังเป็นสำคัญนั้น ฟังดูตอนแรกเหมือนกับ กนง.ออกตัวหรือปัดการรับผิดชอบทางด้านนโยบายการเงิน
แต่เมื่อดูข้อเท็จจริงแล้ว ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานอยู่ที่ 0.5 % ซึ่งก็ต่ำเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว ถ้าลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอีก ก็คงเป็นเพียงการลดภาระต้นทุนการเงินของธุรกิจลง เป็นการบรรเทาภาระในวิกฤตเท่านั้น แต่คงไม่กระตุ้นให้ธุรกิจต่างๆ คิดจะขยายการลงทุน
ยิ่งด้านผู้บริโภคซึ่งเวลานี้มีความเชื่อมั่นต่ำสุดตั้งแต่ประเทศไทยทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขึ้นมา สมาคมผู้ค้าปลีกก็คาดการณ์ว่าปี 2564 นี้คงติดลบ
เวลานี้ ความคิดความรู้สึกของผู้บริโภคนั้น เลยขั้นที่จะถูกจูงใจด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกหรือแพงแล้ว เพราะความเชื่อมั่นมันต่ำ
ความคิดในเวลานี้ของคนส่วนใหญ่คือ “ถือเงินสด” ไว้ดีกว่า
ดังนั้น มาตรการที่จะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ จึงเป็นมาตรการด้านการคลัง คือเอาเงินจากรัฐบาลใส่เข้ามาในระบบเศรษฐกิจตรงๆ และถูกต้อง ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเครื่องจักรเศรษฐกิจ
แต่นี่ก็เป็นเพียงแนวคิดทฤษฎี ในความจริงก็ยังไม่เห็นกระทรวงการคลังออกมาขับเคลื่อนนโยบายหรือโครงการใดที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ ยกเว้นการแจกเงิน
ภาวะเช่นนี้ สินค้าคงทนที่มีมูลค่าสูงอย่างอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย ต้องพบกับการหดตัวของกำลังซื้ออย่างแน่นอน เพราะแม้จะเป็นสินค้าจำเป็นเป็นปัจจัยสี่ แต่เนื่องจากราคาคนต้องมั่นใจว่าจะมีรายได้สม่ำเสมอและเพิ่มขึ้น คนต้องมีเงินเก็บไว้สำหรับการจ่ายเงินดาวน์
แต่ความจริงมันตรงกันข้าม ทุกวันนี้รายได้ผู้คนสั่นคลอน บัญชีเงินฝากธนาคารระดับ 50,000-100,000 บาท ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมาส่วนใหญ่ถูกถอนออก ก็คงเป็นการถอนออกมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่การออมการฝากเพิ่ม
นี่ยังไม่ถึงจุดพีกสูงสุดของการแพร่ระบาด เศรษฐกิจและธุรกิจ ยังมาถึงตรงนี้กันแล้ว
และนี่ไม่ใช่การเผยแพร่ข่าวสารอันทำให้เกิดความหวาดกลัวแต่อย่างใด