‘เดลต้า’ บททดสอบใหญ่อีกครั้งของจีน/บทความต่างประเทศ

This photo taken on August 3, 2021 shows a resident receiving a nucleic acid test for the coronavirus in Wuhan in China's central Hubei province. (Photo by STR / AFP) / China OUT

บทความต่างประเทศ

 

‘เดลต้า’ บททดสอบใหญ่อีกครั้งของจีน

 

จีนกำลังเผชิญการลามระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปในวงกว้างมากที่สุดนับจากจีนสามารถควบคุมการระบาดติดเชื้อในท้องถิ่นทั่วประเทศไว้ได้ดีมาแล้ว หลังจากจีนเริ่มพบการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือ Sars-CoV-2 ซึ่งก่อโรคโควิด-19 เป็นครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของจีนเมื่อปลายปี 2019

เจ้าหน้าที่ทางการจีนชี้ว่าสถานการณ์ระบาดที่แพร่ลามเป็นวงกว้างครั้งนี้ มาจากการขับเคลื่อนของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์เดลต้า ที่พบครั้งแรกในอินเดีย ซึ่งองค์การอนามัยโลกจัดอยู่ในกลุ่ม “เชื้อกลายพันธุ์ที่น่ากังวล” เนื่องจากมีฤทธิ์แพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกำลังสร้างความหวาดผวาให้กับชาวโลกอยู่ในเวลานี้ จากการแพร่ระบาดไปแล้วใน 132 ประเทศทั่วโลก รวมถึงจีนเองด้วย

เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้า สามารถฝ่าทะลวงมาตรการจำกัดป้องกันของจีน ที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดเข้มข้นมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เข้าไปแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ของจีน ที่ปลอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 มาเป็นเวลานานหลายเดือนได้

รวมถึงอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ได้กลับมาพบผู้ติดเชื้อโควิดจำนวน 7 รายไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้

 

นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีหลังจากที่อู่ฮั่นไม่มีรายงานการติดเชื้อโควิดในชุมชนเกิดขึ้นเลยมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2020 แล้ว หลังจากทางการควบคุมสถานการณ์เอาไว้อยู่ด้วยมาตรการปิดเมืองอู่ฮั่นที่มีประชากรราว 11 ล้านคน และพื้นที่โดยรอบและดำเนินมาตรการคุมเข้มต่างๆ ควบคุมกันไปในทันทีอย่างเคร่งครัด

แต่ตอนนี้เชื้อกลายพันธุ์เดลต้าได้บุกแพร่ระบาดไปในพื้นที่ 15 มณฑล หรือเกือบครึ่งหนึ่งของมณฑลจีนที่มีอยู่ทั้งหมด 32 มณฑล ในชั่วเวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น

โดยขณะนี้จีนมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่รอบนี้รวมกันแล้วมากกว่า 300 รายในเวลา 10 วัน

การระบาดไปในวงกว้างเช่นนี้ เป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าเชื้อกลายพันธุ์เดลต้าได้แพร่กระจายเชื้อไปอย่างรวดเร็ว

พื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อโควิดระลอกใหม่ใน 15 มณฑลของจีน ในจำนวนนี้ 12 มณฑลมีความเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ที่พบในเมืองหนานจิง หรือนานกิง ในมณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของประเทศ

โดยเป็นกลุ่มพนักงานทำความสะอาดประจำสนามบินในเมืองหนานจิง ที่เชื่อว่าน่าจะติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้ามาจากการขึ้นไปทำความสะอาดเครื่องบินในเที่ยวบิน ซึ่งบินมาจากกรุงมอสโกของรัสเซีย ถึงสนามบินเมืองหนานจิงเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นภายในไม่กี่สัปดาห์ จีนก็พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ลามไปถึงเกาะไห่หนาน หรือไห่หลำ ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหนานจิงถึง 1,900 กิโลเมตร

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนยังพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่พุ่งขึ้นในเมืองจางเจียเจี้ย ในมณฑลหูหนาน ที่ทางการจีนเชื่อว่านักเดินทางที่มาจากเมืองหนานจิงน่าจะเดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองนี้เมื่อเร็วๆ นี้ อาจเป็นที่มาของการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อทางเดินหายใจของจีนชี้ว่า จางเจี่ยเจี้ย ได้กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดใหม่ของจีนไปแล้ว

ที่ปักกิ่ง ยังกลับมามีรายงานผู้ติดเชื้อที่เป็นการติดต่อแพร่เชื้อในชุมชนอีกหลายรายด้วย

 

การพบเชื้อเดลต้าแพร่ระบาดในประเทศ กำลังเป็นโจทย์ท้าทายสำคัญต่อยุทธศาสตร์ของจีนในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 อีกครั้ง

หลังจากจีนประสบผลในการรับมือจัดการมาได้ก่อนหน้านี้ จนประเทศกลับมาเปิดกิจกรรมต่างๆ ได้ โดยผ่านมาตรการต่างๆ ที่รวมถึงการตรวจหาเชื้อเชิงรุกให้ประชาชนทุกคนในพื้นที่เสี่ยงในทันทีที่พบผู้ติดเชื้อ การติดตามรอยโรค การกักตัวแยกกักโรค ไปจนถึงการล็อกดาวน์ปิดเมืองอย่างเข้มงวดเด็ดขาดเพื่อควบคุมการระบาด การรักษาและการเร่งกระจายฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในการต่อต้านโรค

ข้อมูลล่าสุดของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ที่ทำการรวบรวมมาเกี่ยวกับสถานการณ์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในทั่วโลก ระบุว่า จีนยังคงเป็นชาติที่มีการฉีดวัคซีนต้านโควิดมากที่สุดในโลก โดยมีการฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 1,688 ล้านโดส ซึ่งครอบคลุมประชากรราว 60.3% ของประชากรจีนทั้งประเทศ

แต่มีคำถามท้าทายว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่จีนพัฒนาขึ้นเองและใช้เป็นวัคซีนหลักในการรณรงค์ฉีดให้กับประชาชนในประเทศนั้น ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนซิโนแวค และวัคซีนซิโนฟาร์ม ที่ต่างเป็นวัคซีนเชื้อตาย จะสามารถรับมือเชื้อกลายพันธุ์อย่างสายพันธุ์เดลต้าได้หรือไม่

เพราะอย่างที่ทราบว่าผลการทดลองวัคซีนต้านโควิดทั้งหมดที่ผ่านการอนุมัติรับรองจากองค์การอนามัยโลกให้ใช้ได้นั้น รวมถึงวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยี mRNA ซึ่งผลการทดลองชี้ว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าวัคซีนเชื้อตายในการต่อสู้กับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมนั้น ก็ยังมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเจอกับสายพันธุ์เดลต้า

ฉะนั้น คงต้องจับตาดูต่อไปว่าจีนจะปรับแผนรับมืออย่างไร หากเชื้อเดลต้ายังแพร่ลามรุกคืบจีนไปได้มากขึ้นเรื่อยๆ