‘ณัฐชา’ กระตุก ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ เตือนโอกาสสุดท้าย ถ้าไม่คิดถอนตัว เตรียมถูกเทไปด้วยกัน

เตือนครั้งสุดท้าย ‘ณัฐชา’ กระตุก ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ ถ้ายังไม่มีสำนึกก็รอถูกเททิ้งไปด้วยกัน ย้ำจะพายเรือให้ ‘รัฐบาลฆาตกร’ ต่อหรือพอแค่นี้

วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 นายณัฐชา​ บุญไชย​อินสวัสดิ์​ ส.ส.เขตบางขุนเทียน​ และโฆษกพรรคก้าวไกล​ กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดในขณะนี้ว่า ​รัฐบาลออกมาตรการยกระดับควบคุมโรคจนเกือบจะปิดจมูกปิดปาก​ หยุดเส้นเลือดใหญ่ของประชาชนแล้ว แต่จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ​ ที่ผ่านมาพี่น้องประชาชนยอมเสียสละทุกครั้งที่รัฐบาลประกาศยกระดับ​ เพียงขอให้ทุกอย่างเจ็บแล้วจบ สถานการณ์ไปสู่ความคลี่คลายได้จริง​

แต่ปรากฎว่านอกจากจะไม่จบแล้ว ความจริงยังเจ็บปางตาย​ เจ็บต่อเนื่อง และเจ็บเรื้อรัง ธุรกิจรายย่อยไปต่อไม่ได้​ มีคนตายไร้อย่างทางรอดมากขึ้นเรื่อยๆ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นหลักหมื่นในทุกๆวัน​ นี่จึงเป็นสถานการณ์ที่ประชาชนพร้อมใจกันชี้หน้าว่า ‘รัฐบาลคือฆาตกร’ และขณะนี้พี่น้องประชาชนต่างจดจำชื่อของ ‘ประยุทธ์​ จันทร์โอชา’ ไว้จนขึ้นใจแล้วว่าเป็นตัวการสำคัญที่พรากชีวิต พรากลมหายใจของคนที่พวกเขารักไป​ เพราะการบริหารงานบกพร่องและล้มเหลวอย่างร้ายแรง
.
“นาทีนี้ผมคงไม่เสียเวลาถามหาความเป็นมนุษย์จากคนชื่อ ประยุทธ์​ จันทร์โอชา อีกแล้ว แต่ขอถามไปยังบุคคลที่ยังเคียงข้างและยืนยันไปต่อกับรัฐบาลชุดนี้ว่า พวกท่านยังมองหน้าและมองไปในดวงตาของพี่น้องประชาชนได้อยู่หรือไม่ ท่านยังสามารถเอาเหตุผลไปคุยกับประชาชนที่เลือกท่านมาว่า ทำไมถึงยังคงสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ต่อไปได้อยู่หรือไม่

ทั้งที่การบริหารงานไม่ว่าในฐานะนายกรัฐมนตรีและในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ที่มีอำนาจสูงสุดในการบริหารวิกฤตมีแต่ความล้มเหลวและมีข้อจำกัดของระบบราชการเต็มไปหมด แถมยังเอาแต่เพ้อฝันว่าจะเปิดประเทศได้จนถึงบัดนี้​ 120 วันที่ว่านั้นวันนี้อยู่ที่ไหนหรือ คนที่หลอนขนาดนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีคนตายวันละเป็นร้อยแล้วแถลงกับประชาชนอย่างมั่นหน้าได้ ผมไม่รู้จริงๆว่าไปโดนตัวไหนมาจึงมองอนาคตของสถานการณ์ได้ผิดพลาดขนาดนี้ ยังไม่นับสันดานชอบลอยตัวเหนือปัญหาที่ว่าต้องให้โดนประชาชนด่ามากๆก่อนว่าหายไปไหน จึงค่อยกล้าเสนอหน้าออกมาจากบ้านพักหลวงเพื่อทำงานได้เสียที
.
“นี่คือคนที่ไร้ทั้งความกล้าหาญ ไร้ทั้งความรับผิดชอบในวันที่พี่น้องประชาชนอยู่ในชะตากรรมที่ต้องรอลุ้นรายวันว่าจะรอดหรือตาย จะถึงมือหมอหรือตายข้างถนน นี่คือความนิ่งเฉยของรัฐบาลฆาตกรที่กลั่นออกมาจากเนื้อแท้ตัวตนและกมลสันดานโดยแท้ เพราะฉะนั้นด้วยความหวังดีที่มีไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ผมจึงขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่า พวกท่านยังจะร่วมเป็นนายท้ายคอยพายเรือให้คนแบบนี้ไปก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนต่อไปอีกหรือ หรือพวกท่านเองก็เป็นคนประเภทเดียวกัน จึงไม่ได้เดือดเป็นร้อนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขอเพียงแค่ตนเองยังได้มีตำแหน่ง เป็นรองนายก เป็นรัฐมนตรี เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ฯลฯ ก็พอใจแล้ว

ส่วนประชาชนจะเป็นตายอย่างไรก็ช่างอย่างนั้นหรือ ระหว่างตำแหน่งที่ดำรงอยู่บนความตายของประชาชนกับจิตสำนักความเป็นคน​ ขอถามสั้นๆว่าท่านจะเลือกอะไร แต่ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า หากยังเลือกยืนข้างประยุทธ์ต่อไป ชะตากรรมของท่านจะอยู่ถึงแค่สิ้นเดือนสิงหาคมเท่านั้น เพราะเมื่อเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ ผมสัญญาต่อประชาชนว่านี่จะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของผมต่อรัฐบาลนี้ เพราะหลังจากนั้นท่านคงถูกประชาชนทั้งประเทศเททิ้งไปพร้อมกับประยุทธ์อย่างแน่นอน”