โฆษกปชป. เดือดจ่อแจ้งเอาผิด เพจปล่อยเฟกนิวส์ ใส่ร้าย จุรินทร์ หากำไร เครื่องตรวจโควิด

โฆษกปชป. เดือดจ่อแจ้งเอาผิด เพจปล่อยเฟกนิวส์ ใส่ร้าย จุรินทร์ หากำไร ขายเครื่องตรวจโควิด ลั่น ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จี้ดีอีเอส เร่งจัดการจริงจัง

วันที่ 18 ก.ค.2564 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข่าวเท็จที่มีการนำไปลงในโซเชียลมีเดียผ่านเพจเฟซบุ๊ก กล่าวหานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรครปะชาธิปัตย์ เตรียมเอาเครื่องตรวจโควิดมาขายฟันกำไรคนไทย ว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ ที่บิดเบือนไปจากความจริงทั้งสิ้น

อำนาจหน้าที่ในการดำเนินการเป็นขององค์การเภสัช ในการนำเข้า Antigen Test Kit และกระทรวงสาธารณสุขดูแลเรื่องนี้อยู่ และนายจุรินทร์ ยังให้สัมภาษณ์หลายครั้ง หนุนองค์การเภสัช เร่ง ขายราคาถูก ส่วน สปสช. ควรแจกฟรีให้ประชาชน และขณะนี้กำลังรอต้นเรื่องจากกระทรวงสาธารณสุข และย้ำว่าถ้ากระทรวงสาธารณสุขมีความจำเป็น ต้องควบคุมราคากระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการให้ทันที และ เครื่องมือ Antigen Test Kit เพิ่งมีประกาศของกระทรวงสาธารณสุข

อนุญาตให้นำไปใช้กับตนเองได้ ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการในทางปฏิบัติจริงเพราะองค์การอาหารและยา(อย.)ยังรอรับขึ้นทะเบียนจากผู้ที่ประสงค์จะนำเข้า และจะต้องอนุญาตก่อนจึงสามารถไปจำหน่ายในร้านขายยาที่มีเภสัชกรได้ ซึ่งราคาเบื้องต้นควรเป็นอย่างไร กระทรวงพาณิชย์พร้อมทำงานร่วมกันในการให้ความร่วมมือ หากจำเป็นต้องควบคุมราคากระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมดำเนินการให้ทันที

นายราเมศ กล่าวต่อว่า นายจุรินทร์ยังย้ำว่าระหว่างนี้ควรเร่งรัดให้มีการนำเข้าให้มากที่สุด เพราะเป็นเรื่องจำเป็น ประชาชนต้องสามารถตรวจโควิดได้ด้วยตนเอง และหน่วยงานของรัฐอย่างน้อย 2 หน่วยที่ควรเร่งรัดนำเข้า 1.องค์การเภสัช และ2.สปสช.หากจะเร่งนำเข้ามาเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนฟรีจะเป็นประโยชน์ในการช่วยให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศ

และยังเสนอให้ 2 หน่วยงานนี้เร่งนำเข้ามาส่วนการอนุญาตให้ภาคเอกชนเป็นเรื่องที่ อย.ต้องดำเนินการตามความเหมาะสมหรือตามทฤษฎีของ อย.ว่าคุณภาพมาตรฐานได้หรือไม่ จะอนุญาตหรือไม่วิธีการจะทำอย่างไร

นายราเมศ กล่าวว่านี้คือข้อเท็จจริง การนำความเท็จไปลงในช่องทางโซเชี่ยลมีเดีย ใส่ร้าย เป็นเรื่องที่น่าสมเพสเวทนามาก เนื้อข่าวที่เอามาลงต่อท้ายจากข้อความก็เป็นคนละเรื่องเดียวกัน ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับเพจดังกล่าวให้ถึงที่สุด และคนที่แชร์หรือส่งต่อก็ไม่ควรทำเพราะเป็นความผิดเช่นกัน

และเพจดังกล่าวเมื่อเข้าไปดูแล้วมีข้อความที่ล้วนแล้วแต่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น ก็ถือโอกาสจัดการไปในคราวเดียวกัน และเรียกร้องให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการกับให้จริงจังเด็ดขาดเสียทีจะปล่อยไว้ให้เป็นเช่นนี้ก็จะเกิดความเสียหายและกระทำความผิดไม่จบสิ้น