พลิกคดีซ้ำวิกฤตโควิด ตุ๋นขายวัคซีนทางเลือก อีกเหตุเครียดพ่อป่วย บุกราดน้ำมันทำเนียบ/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

พลิกคดีซ้ำวิกฤตโควิด

ตุ๋นขายวัคซีนทางเลือก

อีกเหตุเครียดพ่อป่วย

บุกราดน้ำมันทำเนียบ

เป็นภาวะที่ตกระกำลำบากอย่างแท้จริง เมื่อประชาชนคนไทยต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด มีผู้ติดเชื้อวันละเกือบหมื่น และผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน

ในขณะที่รัฐบาลต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจของประชาชนโดยรวม

ไม่เพียงแค่นั้น ยังคงมีปัญหาเรื่องของวัคซีนโควิดที่มีคุณภาพ ไม่มาตามกำหนดเวลาที่วางไว้

ทำให้ไม่สามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติได้สักที

กลายเป็นเรื่องของความเดือดร้อนซ้ำเติมที่ประชาชนจำต้องอดทนเผชิญ กลายเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางหลอกลวงซ้ำเติมประชาชน

ดังที่เห็นการหลอกขายวัคซีนซิโนฟาร์ม และวัคซีนโมเดอร์นา

หนำซ้ำยังก่อให้เกิดความอัดอั้นของประชาชนที่ต้องเจอกับความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ จนแสดงออกอย่างรุนแรงด้วยการราดน้ำมันริมรั้วทำเนียบรัฐบาล

ซึ่งยังดีที่ไม่ลุกลามบานปลายกลายเป็นเหตุรุนแรง และแน่นอนว่าคนก่อเหตุก็ต้องถูกดำเนินคดี

แต่ก็เป็นสัญญาณที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาโควิดโดยเร็ว ไม่ให้กลายเป็นเงื่อนไขการก่ออาชญากรรมเช่นนี้อีก

จับตุ๋นจองซิโนฟาร์ม

สําหรับเรื่องการตุ๋นวัคซีนโควิดครั้งนี้ ปรากฏเป็นข่าวเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี ระบุว่าถูกแก๊งต้มตุ๋นอ้างตัวว่าเป็นกลุ่มแพทย์ ตั้งกลุ่มไลน์ชื่อว่า “Vaccine Sinopharm” แล้วเชิญชวนสมาชิกเข้าร่วมกลุ่ม ให้คำปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับโรคโควิด และการฉีดวัคซีน

เมื่อเหยื่อตายใจก็หลอกว่ามีวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อซิโนฟาร์ม ที่นำเข้ามาโดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และมีการประสานสั่งจองผ่านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งถูกตัดยอดเหลือมาให้จอง ในราคาวัคซีน 2 โดส 1,800 บาท ทำให้มีผู้เสียหายล็อตแรก 20 ราย หลงเชื่อและโอนเงินเป็นจำนวน 36,000 บาท

แต่เมื่อถึงเวลาแล้วกลับไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เมื่อสอบถามในไลน์กลุ่ม ก็ถูกดีดออกจากกลุ่ม จึงมั่นใจว่าถูกหลอก และเข้าแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งนี้ จากการสอบสวนพบว่าคนร้ายมีพฤติกรรมหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว มีเหยื่อถูกหลอกในหลายพื้นที่ อาทิ สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น, สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี, สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ, สน.เตาปูน, สน.สมเด็จเจ้าพระยา และกำลังจะแจ้งความอีกหลายร้อยราย มีเหยื่ออยู่ทั่วประเทศ คาดความเสียหายหลายล้านบาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบจากบัญชีธนาคาร และการเบิกถอนผ่านเอทีเอ็มและอีแบงกิ้ง ในที่สุดก็ได้เบาะแส และยื่นศาลขออนุมัติหมายจับนายวีระศักดิ์ สุขสำแดง และนายรณกร พุทธรักษา 2 คนร้ายที่ร่วมกับหลอกลวงในวันที่ 2 กรกฎาคม

ต่อมาวันที่ 3 กรกฎาคม พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ก็แถลงจับกุมนายรณกร พุทธรักษา อายุ 31 ปี ได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ก่อนตามจับกุมนายวีระศักดิ์ สุขสำแดง อายุ 26 ปี ได้ที่หน้าบริษัทปูนซีเมนต์ ทีพีไอ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

ก่อนคุมตัวมาดำเนินคดีสอบสวนทราบว่า ทั้งคู่ใช้ไลน์เป็นชื่อปลอมของนายแพทย์ที่มีตัวตนจริงๆ มาหลอกลวงต้มตุ๋นเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง โดยนายรณกรเป็นสาวประเภทสอง มีประวัติต้มตุ๋นมาโชกโชน เป็นบุคคลอันตรายในโลกโซเชียลมีเดีย หลอกชาวบ้านได้ทุกสถานการณ์

ซึ่งนายรณกรให้การว่า เป็นเพราะตกงานเนื่องจากโควิดระบาด จึงตั้งกลุ่มไลน์ขึ้นมา อ้างว่าเป็นแพทย์ สามารถหาวัคซีนและหาเตียงให้ผู้ป่วยโควิดได้ด้วย โดยมีผู้หลงเชื่อกว่า 200 ราย ยอมจ่ายเงินมาแล้ว 360,000 บาท ส่วนนายวีระศักดิ์มีหน้าที่เปิดบัญชีธนาคาร รวบรวมเงินที่ได้จากการฉ้อโกงทั้งหมด

ซึ่งหลังจากนี้จะสอบสวนขยายผลต่อไป เพื่อนำเงินมาคืนให้เหยื่อที่ถูกหลอกลวง อันถือเป็นการซ้ำเติมประชาชน

โมเดอร์นาก็มี-อ้างหมอไม่เอา

ส่วนอีกกรณีเป็นเรื่องเป็นกรณีของวัคซีนโมเดอร์นา ที่แม้โรงพยาบาลเอกชนจะเปิดให้จองตามความต้องการแล้ว แต่ก็ยังวุ่นวายไม่ได้เซ็นสัญญาสั่งซื้อเสียที ก็ยังมีปัญหาถูกนำมาอ้างชื่อต้มตุ๋นอีกจนได้

ซึ่งเรื่องดังกล่าวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม โดยมีการร้องเรียนว่าคลินิกแห่งหนึ่งใน ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบรี เปิดให้จองวัคซีนโควิดของโมเดอร์นา ในราคาเข็มละ 1,500 บาท และต้องโอนเงินเข้าบัญชีก่อนเท่านั้น ทำให้มีเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีไป 6,000 บาท เป็นค่าฉีดวัคซีนให้กับคนในครอบครัว 4 คน

ต่อมาเหยื่อคนดังกล่าวได้มาชักชวนเพื่อนบ้านให้ไปฉีดด้วย จึงสงสัยว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อวัคซีนตัวดังกล่าวยังไม่ได้สั่งเข้ามาในประเทศไทย ตรวจสอบข้อมูลจากทุกที่ ทั้งที่กระทรวงสาธารณสุขด้วยแล้ว ก็รับแจ้งว่ายังไม่ได้สั่งเข้ามาจริงๆ

จึงติดตามครอบครัวเพื่อนบ้านมาฉีดวัคซีน ซึ่งก็พบว่า มีผู้หญิงในคลินิกนำวัคซีนที่บรรจุในกล่องพลาสติก มาเดินไล่ฉีดทุกคนในครอบครัวของเพื่อนบ้าน หลังฉีดเสร็จทางคลินิกก็นำกระดาษมาให้คนในครอบครัวเพื่อนบ้านคนละ 1 แผ่น บอกว่านี่คือใบรับรองการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา

ซึ่งได้ถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐาน และสอบถามคนที่ฉีดให้ก็ระบุว่าได้จัดสรรวัคซีนมาจากบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์กันหมด

ต่อมาสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรีร่วมกับสาธารณสุขอำเภอกบินทร์บุรี รพ.สต.วังตะเคียน ตำรวจ สภ.วังตะเคียน กำนันวังตะเคียน ฝ่ายปกครองลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิกดังกล่าว ซึ่งก็ชี้แจงว่าไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด แค่เป็นการฉีดยาลดไข้ให้เท่านั้น และพบว่ามีอาการเหมือนวิงเวียนจะเป็นลม จึงให้พักผ่อน เพราะคิดว่าแพ้การฉีดยาและพักผ่อนน้อย

ด้านนายนัฐพงษ์ ขันธรักษ์ เภสัชกรชำนาญการจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรี ระบุผลการตรวจสอบเบื้องต้น ระบุว่าเป็นคลินิกที่เปิดเป็นสถานพยาบาลผิดประเภท และมียาอันตรายจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงสั่งปิดไม่มีกำหนด

ขณะที่การฉีดวัคซีนโควิดนั้น พยานที่ถ่ายคลิปยืนยันเหตุการณ์ ระบุไม่ได้เป็นการตัดต่อแน่นอน

ต้องรอดูว่าจะมีการดำเนินคดีใดๆ หรือไม่

กดดันโควิด-จ่อเผาทำเนียบ

อีกเหตุแม้ไม่ใช่การใช้สถานการณ์หลอกลวง แต่ก็ถือเป็นอาชญากรรมที่เกิดจากแรงกดดันของสถานการณ์โควิดระบาด โดยเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ฝ่ายสืบสวน สน.ดุสิต และ กก.สืบสวน บก.น.1 นำกำลังเข้าจับกุมนายณัฐวุฒิ เทียมศักดิ์ อายุ 28 ปี ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 1133/2564

โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เทหรือทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย น้ำโสโครกหรือสิ่งอื่นใดลงบนถนน และตระเตรียมเพื่อกระทำความผิด วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น” จับกุมได้บริเวณท้ายซอยลาดพร้าว 96 หน้าอาคาร 96 แมนชั่น เลขที่ 171 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 เวลาประมาณ 20.25 น.

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม เวลาประมาณ 03.30 น. สน.ดุสิต รับรายงานเหตุ มีบุคคลต้องสงสัยมาจอดรถจักรยานยนต์บริเวณประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล และเมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

จากการตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบถังสเตนเลสขนาดเล็กวางอยู่ ซึ่งผู้ต้องสงสัยเทน้ำมันไว้บริเวณพื้นหน้าประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล น่าเชื่อได้ว่ามีการตระเตรียมเพื่อกระทำความผิดกฎหมาย พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิด และขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม พบชายมีลักษณะคล้ายกับบุคคลในภาพตามหมายจับ บริเวณซอยลาดพร้าว 96 จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงหมายจับ พร้อมแจ้งข้อหาตามหมายจับให้นายณัฐวุฒิทราบ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบสวนเบื้องต้น นายณัฐวุฒิสารภาพว่า เคยเป็นทหารเกณฑ์ แต่ปัจจุบันปลดประจำการแล้ว ไม่ได้รับราชการหรือเกี่ยวข้องกับกองทัพแต่อย่างใด สาเหตุที่กระทำผิดเนื่องจากพ่อติดโควิด หาเตียงเข้าโรงพยาบาลไม่ได้ จึงตัดสินใจจะจุดเผาประท้วงนายกฯ แต่มีเจ้าหน้าที่มาตรวจพบก่อนจึงหลบหนี

หลังจากสอบปากคำ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งฝากขังศาล ซึ่งศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ในวงเงินประกัน 37,000 บาท โดยศาลกำหนดนัดรายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 30 สิงหาคม 2564 เวลา 08.30 น.

เป็นเหตุที่มีที่มาจากโควิด ซึ่งรัฐบาลคงต้องเร่งแก้ปัญหาไม่ให้กลายเป็นความอึดอัดของประชาชน จนแสดงออกในแนวทางผิดกฎหมาย

ด้วยการเร่งคลี่คลายสถานการณ์โควิดให้ได้โดยเร็ว

หลีกเลี่ยงอาชญากรรมที่ไม่ควรจะเกิดให้จงได้