เปิดหู | Gregory Porter : Concorde บทเพลงจากฟากฟ้าที่ NASA หลงรัก

อัษฎา อาทรไผท

สำหรับคอดนตรีแนว Comtemporary Jazz/ Soul น่าจะคุ้นเคยกับชื่อของ Gregory Porter ชายผิวดำร่างใหญ่ใจดี เจ้าของรางวัล Grammy Awards สาขา Best Jazz Vocal Album ถึงสองครั้ง และยังเคยได้รับการเสนอชื่อ เข้าชิงอีกหลายครั้งหลายครา

สำหรับท่านที่เพิ่งรู้จักเขา นักร้อง/นักแต่งเพลง วัย 49 เสียงทุ้มนุ่มลึกคนนี้ นอกจากจะร้องเพลงเพราะ แต่งเพลงเก่งแล้ว ยังเป็นคนนิสัยน่ารักทีเดียว เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าแม่ของเขาสนับสนุนให้เขาร้องเพลง Gospel ใน โบสถ์ตั้งแต่เด็กๆ เลยมีสกิลในการร้องเพลงอย่างดี เขาเล่าว่าเนื่องจากเขา เป็นคนตัวใหญ่มากๆ แค่อายุ 11-12 ก็สูงเกิน 6 ฟุตแล้ว เวลาเดินไปไหนก็ เกรงว่าคนอื่นจะกลัว เพราะทั้งใหญ่และเป็นคนผิวดำ Gregory เลยเลือกที่ จะเดินแล้วร้องเพลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความซอฟท์ ให้คนที่พบเห็นรู้ว่าเขาไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร เส้นทางดนตรีอาชีพของเขานั้นเริ่มต้นตั้งแต่เรียนจบระดับปริญญาตรี (ซึ่ง หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจนเล่นอเมริกันฟุตบอลไม่ได้ตอนปี 3 เราอาจไม่ได้ ฟังเพลงเพราะๆ ของเขากันแล้ว) ตอนอายุ 21 คุณแม่ของเขาสั่งเสียก่อนจาก ไปด้วยโรคมะเร็งให้เขาร้องเพลง เขาเดินตามคำขอของแม่ โดยทำงานเป็น พ่อครัวไปด้วย ร้องเพลงไปด้วยตามคลับที่นิวยอร์กอย่างยาวนาน และใน ที่สุดเมื่ออายุเข้าสู่วัย 40 ปี เขาก็ได้ออกผลงานอัลบั้ม Water (2010) และ Be Good (2012) เป็นที่ถูกใจนักวิจารณ์เพลง และมีชื่อเสียงระดับได้รับเสนอชื่อ ชิงรางวัลเลยทีเดียว

แสงสปอตไลต์ได้ส่องมาที่เขาในวัย 42 หลังอัลบั้มที่ 3 ชื่อ Liquid Spirit (2013) สามารถคว้ารางวัล Grammy Awards สาขา Best Jazz Vocal Album มาได้ ต่อเนื่องด้วยอัลบั้มต่อมา Take Me to the Alley (2016) ที่ คว้ารางวัลเดียวกันให้เขาได้อีกครั้ง สร้างความประจักษ์ให้นักฟังเพลงเห็นว่า อายุไม่เกี่ยว คุณภาพเสียงร้องและเพลงต่างหากที่เป็นเครื่องวัด ซึ่งเสียงร้อง ของ Gregory นั้นเป็นเสียงทุ้มบาริโทนที่ฟังสบาย มีสเน่ห์ หากฟังอย่างตั้ง ใจอาจทำให้หลงใหลจนละลายได้เลยทีเดียว

เพลงดังส่วนมากของเขาจะออกแนวสุขุมนุ่มลึก เหมาะกับใช้เปิดฟัง ท่ามกลางแสงไฟสลัว จิบเครื่องดื่มโปรด เพลินไปกับฟังเสียงร้องอุ่นๆ กับ ดนตรีโซลแจ๊สชิลๆ แต่เพลง Concorde ที่อยู่ในอัลบั้มล่าสุดเมื่อปี 2020 นี้ เขามาแบบไม่ธรรมดา ด้วยสีสันของเพลงมีความจัดจ้านกว่าผลงานที่ผ่านมา มีการเรียบเรียงเพลง ที่ไม่เรียกว่าดุเดือดเลือดพล่าน แต่มีความคมเข้มของ เครื่องเป่า ความเร้าของกลองที่ส่งมาเป็นระรอก สลับเสียงเปียโนพริ้วๆ สร้าง อารมณ์อลังการ ที่เคลือบอยู่ในความกลมกล่อมของเพลงได้อย่างหรูหรา

ด้วยความดีงามของตัวเพลง และเนื้อเพลงที่เล่าเกี่ยวกับการเดินทางผ่านชั้น บรรยากาศ Stratosphere ไปอยู่ท่ามกลางกาแลคซี่และหมู่ดาว และกลับ ลงสู่พื้นดินมาเจอคนที่รักด้วยความเร็วกว่าเสียง ที่เขาแต่งบนเครื่องบิ นขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน ทำให้เพลงเป็นที่ถูกใจขององค์การ NASA ที่ผู้ บริหารระดับสูงไปได้มายินก่อนที่เพลงจะเปิดตัว จึงมีการทาบทามให้พี่ Gregory โปรโมทซิงเกิลเพลง Concorde นี้ร่วมกับ NASA ซะเลย แล้วใช้เป็นเพลงเปิดโครงการยิงจรวดส่งรถสำรวจสู่ดาวอังคาร

จะเห็นว่าชื่อเพลงนี้คือชื่อเครื่องบิน Concorde ที่บินได้เร็วกว่าเสียง ซึ่งผม คิดว่า Gregory น่าจะเลือกชื่อนี้เพราะเขาจินตนาการว่าร้องอยู่บนเครื่องบินนี้ เป็นไอเดียที่เท่น่าดู เพราะปัจจุบันไม่มีเครื่องบิน Concorde ประจำการใน สายการบินใดแล้ว แต่แทนที่ภาพจำของฉากหลังของบทเพลงนี้จะเป็นแค่ เครื่องบินไวกว่าแสง กลับออกมาล้ำกว่าที่เขาคิด กลายเป็นการเดินทางออ กนอกอวกาศกับ NASA ไปซะเลย

แต่น่าเสียดายที่เกิดการระบาดของ COVID19 เสียก่อน ทำให้ในงานเปิดตัว โครงการยิงจรวดรถสำรวจดาวอังคารที่ว่านี้ ต้องจัดแบบออนไลน์ และ Gregory ก็ได้แสดงคอนเสิร์ตแบบไลฟ์แทนการมาเล่นต่อหน้าบุคคลสำคัญ ทางอวกาศ ณ สถานที่จริง แต่ยังดีที่ในมิวสิควีดีโอของเพลงนี้ เขาได้ใส่ชุด อวกาศเล่นเลยทีเดียว (สามารถหาชมทั้งสองคลิ๊ปนี้ได้ใน YouTube)

สำหรับเพลง Concorde นี้ อยู่ในอัลบั้มที่ 6 All Rise (2020) ซึ่งเป็นผลงาน ล่าสุดของเขา ที่แม้จะพลาดรางวัล Grammy ไปในปีล่าสุดอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขา Best R&B Album อย่างไรก็ตามผมว่าที่ พี่ Gregory น่าจะดีใจสุด คือการได้สวมชุดอวกาศทำงานเพลงร่วมกับองค์ การยิ่งใหญ่อย่าง NASA นี่แหละครับ