เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ /วิกฤตภาษา

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

วิกฤตภาษา

 

เร็วๆ นี้ติดต่อทางโทรศัพท์กับเพื่อนต่างจังหวัดขอให้เขาเอาห่อหนังสือมาให้หนึ่งห่อ เขาถามว่าจะเอาทั้งลังใช่ไหม เราบอกว่าเอาห่อเดียว เขาว่าอ๋อ กล่องหนึ่งใช่ไหม

เราชักงง บอกไปใหม่ว่าเอามาแพ็กหนึ่งน่ะ

เขาเลยร้องอ๋อ

ตกลงว่าลัง กล่อง ห่อ ต่างเข้าใจไม่ตรงกันแล้ว…เป็นได้ไงนี่

ต้องใช้ภาษาอังกฤษว่า PACG คือแพ็ก จึงถึงบางอ๋อ บางอ้อ

เหมือนเวลานี้เช่นกัน เราดูจะเลิกใช้ปี พ.ศ.กันแล้วหรือไร ที่ไหนๆ ต้องใช้ปี ค.ศ. เป็นที่รู้กันโดยมิพักต้องกังขา

เช่นปีนี้ก็สองหนึ่ง คือ 2021 ไง

ยิ่งวิกฤตโคหวิด (นี่ก็สะกดตามเสียง) จะได้ยินคำฝรั่ง เช่น คลัสเตอร์ (Cluster) พอเข้าใจเอาโดยรวมว่าหมายถึงอะไร ด้วยการพูดถึงกันบ่อยๆ นั่นเอง

หมายความว่าภาษาไทยเรามีไม่พอใช้หรือไม่สามารถฉวยใช้ได้ทันการณ์หรืออย่างไร

กระทั่งลักษณนาม ลัง กล่อง ห่อ ภาษาไทยแท้ๆ ก็ไม่สามารถพูดกันรู้เรื่องแล้ว

 

นี่เป็นวิกฤตภาษา เป็นวิกฤตร้ายแรงไม่แพ้วิกฤตโคหวิดก็ว่าได้

ด้วยภาษาเป็นพื้นฐานของสังคม

เพราะสังคมต้องสัมพันธ์สื่อสารกันด้วยภาษาเป็นสำคัญ

อย่าว่าแต่สื่อสารสัมพันธ์เลย แม้แต่ความคิดก็ต้องคิดด้วยภาษา กระทั่งหลับฝันก็ยังฝันด้วยภาษาของเราเอง เพราะภาษาเป็นเครื่องมือของความคิด

ฉะนั้น ผู้คนจะดำรงอยู่เป็นสังคมเดียวกันได้ต้องมีเครื่องมือสื่อสารสำคัญคือภาษาเป็นเบื้องต้น จึงว่า

ภาษาเป็นพื้นฐานของสังคม

วันนี้ภาษาวิกฤต สังคมจึงวิกฤตด้วยความเข้าใจไม่ตรงกัน ยิ่งขัดแย้งกันก็ยิ่งต่างยึดเอาความเข้าใจเฉพาะของตนเองเป็นสำคัญ ที่จะอดทนทำความเข้าใจต่อความเข้าใจของคนอื่นนั้นยากนัก ร้ายสุดก็คือพาลเห็นเป็นคนละพวกละฝ่ายไปเลยทีเดียว

ดังวิกฤตสังคมวันนี้ แทบจะทุกเรื่องสืบสาวดูเถิด จะมีภาษาเป็นเหตุอยู่ไม่มากก็น้อย

 

เหตุแห่งวิกฤตของภาษานี้มาจากหลายภาคส่วน หรือจะว่าหลายคลัสเตอร์ตามแบบนิยมกันวันนี้ก็พอจะสรุปแบบสับสนพอได้ดังนี้คือ

ประการหนึ่ง พื้นฐานการศึกษาที่มีไม่พอจะทำให้ความรู้ด้านภาษามีมาตรฐาน ผลคือคนไม่อ่านหนังสือ ซึ่งเมื่อไม่อ่านหนังสือ (เล่ม) อ่านแต่ “จอแผ่น” คนยิ่งตกเป็นเหยื่อ “ความทันสมัย” หรือหาไม่ก็ใช้จอแผ่นเป็นเครื่องมือแสวงประโยชน์ส่วนตัวกันเป็นสำคัญ

การอ่านหนังสือ (เล่ม) เป็นการพัฒนาความรู้สึกนึกคิดอันเป็นองค์คุณสำคัญของปัญญา

การอ่านหนังสือ (เล่ม) เป็นการศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิต

การอ่านหนังสือ (เล่ม) เป็นส่วนหนึ่งของการขจัดความไม่รู้

จึงมีวาทะปราชญ์ว่า

“การศึกษานั้นแพง แต่ความไม่รู้แพงกว่า”

การอ่านหนังสือจึงเป็นเครื่องมือปูพื้นฐานของสังคมที่สำคัญยิ่ง

 

ประการต่อมา คือสิ่งแวดล้อม ที่มีแต่พาคนให้สับสนและตกเป็นเหยื่อของค่านิยมในลักษณะ “ตามเขาแล้วเก่ง คิดเองแล้วโง่” ดังกลอน “ผงเข้าตา” ที่ยกมานั้น

ไม่เชื่อลองชะโงกหน้าไปดูตามถนนหนทาง โดยเฉพาะย่านที่เรียกว่าเจริญดูเถิด หลายที่หลายแห่งจะไม่รู้เลยว่า นี่มันเมืองไทยหรือเมืองฝรั่งกันนี่

ด้วยตึกรามร้านโรงล้วนมีแต่ภาษาฝรั่งเต็มไปหมด ลองนึกดูว่า นี่ถ้าชาวบ้านที่เขาอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก มาเดินอยู่ก็ต้องหลงแน่

ไม่มีภาษาไทยบ้างเลยหรือ ทำไมทำร้ายภาษาไทยกันได้ถึงปานนี้

บางแห่งบทจะเอาใจคนไทยก็อาจมีแปลเป็นภาษาไทยพอเป็นกระสายบ้าง เช่น

SOUTH WING LOBBY เขาแปลเป็นภาษาไทยว่า เซาท์วิงลอบบี

เจ้าประคุณเอ๋ย ยายเอมบ้านข้ามาเห็นเข้าจะรู้เรื่องไหมนี่

อ่านได้แต่ไม่รู้ความหมาย ไม่รู้จะแปลไปทำไม

ขอเถิด ทุกห้างหอโรงร้านตึกราม ถ้าจะเอาชื่อบริษัท ชื่อยี่ห้อของตัวไว้ ก็ขอให้มีภาษาไทยกำกับให้เห็นชัดๆ ด้วย นั่นคือการแปลชื่อเฉพาะที่จำเป็นใช้ ไม่ว่ากัน

แต่อย่าเอาใจด้วยการแปลความแบบเซาท์วิงลอบบีเลย

 

ยังมีอีกหลายประการนัก โดยเฉพาะนักวิชาการและสื่อสารมวลชนทั้งหลาย ขอได้โปรดช่วยกันใช้ภาษาไทยสื่อสารให้คนที่เขาไม่รู้ความหมายได้รู้ด้วย

ไหนว่าเราจะไม่ทิ้งกัน ไม่ปล่อยให้ใครอยู่ข้างหลัง ถูกทิ้งถูกขว้างไงล่ะ

แต่ภาษาไทยนี่แหละ กำลังถูกทิ้งขว้างอย่างไม่เห็นความสำคัญมากที่สุด

ภาษาไทยที่ถูกทอดทิ้งดังว่ามานี้มิอาจแก้ได้ด้วยการรณรงค์แบบเชยๆ ดังที่ราชการชอบใช้กันนัก แต่ทำอย่างไรให้สังคมไทยได้ตระหนักว่าวิกฤตภาษานี้เป็นหนึ่งใน

วิกฤตชาติด้วย

 

ผงเข้าตา

 

คิดอย่าง ฝรั่งคิด

คือฟุดฟิด และฟอไฟ

เสื้อนอก กับเน็กไท

นั่นคือ วัฒนธรรม

 

ความเจริญ จรัสแสง

คือเรืองแรงและรวยร่ำ

ของดี ที่เลิศล้ำ

ต้องเมดอิน ยูเอสเอ

 

เครื่องกิน หรือเครื่องใช้

ศิวิไลซ์ และโก้เก๋

ของนอก นั่นแหละเท่

ถ้าของไทย บรรลัยเชย

 

ทำตัว ให้เป็นหรั่ง

ตั้งแต่ชื่อ ไปเชียวเหวย

ทุกอย่าง จึงลงเอย

ว่าเอาอย่าง ฝรั่งดี

 

เพลงไทย ก็เพลงเชย

เอิงเงิงเงย ทั้งตาปี

ต้องฟัง เพลงหรั่งซี

ถึงเซ็กซี่ สะบึมใจ

 

คิดอย่าง ฝรั่งคิด

ต้องฟุดฟิด และฟอไฟ

ชีวิต วิญญาณไทย

จึงขายถูก เป็นธรรมดา

 

มองหา ก็ไม่เห็น

ความเป็นจริงประจันหน้า

เขี่ยผง ที่เข้าตา

ออกเสียที เถิดเพื่อนไทย!

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์