“ไทยไม่ทน” จี้ ป.ป.ช. ลาออก ยกคณะ เหตุมาจากการยึดอำนาจ กดดัน “ประยุทธ์-ประวิตร” ลาออก

“กลุ่มไทยไม่ทน” จี้ ป.ป.ช. ลาออก ยกคณะ เหตุ มาจากการยึดอำนาจ พร้อมกดดัน “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ลาออก

วันที่ 2 มิถุนายน 2564 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ กลุ่มไทยไม่ทน “คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย” นำโดย นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช. ,นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน, นางพะเยาว์ อัคฮาด, นายจอมพล รุ่งเรืองชูเลิศ คณะปราบโกงชาติ, นายเศวต ทินกูล อดีต ส.ส.ร.ปี 50 , ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ หมู่อาร์ม , นายไทกร พลสุวรรณ เลขาธิการแนวร่วมอีสานกู้ชาติ, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช.โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นผู้รับหนังสือ

ทางกลุ่มยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อเรียกร้องให้คณะกรรมการป.ป.ช. ลาออกจากตำแหน่ง ในฐานะที่เป็นองค์กรอิสระ ให้ร่วมกันแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง และ เพื่อกดดันให้พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแก้วิกฤติชาติบ้านเมือง

นายจตุพร กล่าวว่า คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย มาจากกลุ่มประชาชนทุกภาคส่วนอาชีพ ขอร้องให้คณะกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คน เสียสละลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางรีเซ็ต หรือล้างข้อผิดพลาดที่ค้างอยู่ในระบบของป.ป.ช. ให้เข้าสู่สภาวะปกติตามการปกครองระบบประชาธิปไตย และทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งที่ผ่านมาไม่ต้องสงสัยและเป็นรูปธรรมที่ได้แสดงออกด้วยผลงานของป.ป.ช. แล้วว่าคอยเป็นทนายแก้ต่างให้กับพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในคดีนาฬิกาหรู ที่ชี้มูลว่าไม่ผิดเพราะเป็นการยืมใช้คงรูป เป็นกรณีที่ทำให้เกิดความกังขาอย่างกว้างขวาง มีการเรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลการสอบสวนทั้งหมดแต่กลับเงียบ ขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง

และยังมีกรณีกล่าวหาพล.อ. ประยุทธ์จันทร์โอชา ในความผิดสนับสนุนปล่อยประให้องค์การทหารผ่านศึก เกิดการทุจริตรับจ้างขุดลอกคูคลอง ทั้งที่มีการยื่นเอกสารและข้อมูลครบถ้วนผู้ถูกกล่าวหาระดับสูงยอมรับ ว่าการจ้างเช่าช่วงงานแต่ป.ป.ช.กลับเวลา พิจารณานานถึง5ปีแล้วสรุปเรื่องว่า พล.อ. ประยุทธ์กับพล.อ. ประวิตร ไม่มีความผิดเนื่องจากเป็นเพียงผู้มอบนโยบายเท่านั้น จึงไม่รับเรื่องไว้ไต่สวน แต่มีการไต่สวนเฉพาะผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึกเพียงคนเดียว แล้วยังมีเรื่องตลกคือทางป.ป.ช. ประกาศให้กระทรวงกลาโหมมีคะแนนโปร่งใสที่สุด

ดังนั้นคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทยเห็นว่าบทบาทการทำหน้าที่ของป.ป.ช. ทั้ง 9 กรรมการ ไม่ได้มุ่งรับใช้ชาติและประชาชน ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างตรงไปตรงมา แต่กลับรับใช้ผู้ที่มีอำนาจแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นกรรมการ จึงขอให้ลาออกจากคณะกรรมการ เพื่อรีเซ็ตประเทศ แล้วได้คณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาอย่างถูกต้องชอบธรรม และให้ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ให้ได้ป.ป.ช. ที่เป็นมืออาชีพเข้ามาทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต ตั้งใจรับใช้ชาติและประชาชนอย่างแท้จริง

“เรายื่นองค์กรอิสระเป็นแห่งที่3 โดยที่ไม่ได้มีอคติหรือมายาคติแต่อย่างใดเป็นการส่วนตัวต่อกรรมการทุกคน แต่เนื่องจากสถานการณ์ประเทศเดินมาถึงจุดต่ำสุดในทุกด้าน การปราบปรามการทุจริตนั้น นายกรัฐมนตรีก็ได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติแล้ว แต่สรุปได้ชัดเจนว่าไม่สามารถปราบปรามการทุจริตได้ ป.ป.ช. ชุดนี้ขาดการยึดโยงกับประชาชน เพราะมีหลายเรื่องราวทำให้เกิดความไม่สบายใจในการปราบปราม ทุจริต เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าหน้าไหนก็ตาม จะต้องปราบโดยที่ไม่ดูหน้าคน ไม่ว่าจะเป็นหน้าไหนที่ฉ้อฉล หรือฉ้อราษบังหลวง จะต้องไม่ไว้หน้าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ที่เรามาวันนี้คือต้องการนับหนึ่งประเทศกันใหม่ ดังนั้นคำว่ารีเซ็ตประเทศไทย ป.ป.ช. ก็เป็นองค์กรหนึ่งที่จะต้องมีการรีเซ็ต เพราะป.ป.ช.ชุดนี้ มีรากเหง้ามาจากการยึดอำนาจ” นายจตุพร กล่าว