วันที่ 30 พฤษภาคม 2564 พลโทภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่าการบริหารจัดการการบริการฉีดวัคซีนโควิด-19ให้แก่ประชาชนของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของประชาชนโดยตรง นายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจจึงอวดศักดารวบอำนาจสั่งการเบ็ดเสร็จ

แต่ผลงานการจัดหาวัคซีนคือล้มเหลวไม่ทันการณ์และขาดวัคซีนทางเลือก ผลลัพธ์แบบนี้ถ้าเป็นผู้นำที่มีเกียรติศักดิ์ การแสดงความรับผิดชอบคือการลาออก แต่ยามนี้บ้านเมืองมันอาเพศ ได้คนไม่มีเกียรติศักดิ์ขึ้นมาครองเมืองเห็นได้จาก ฝ่ายบริหารตัวผู้นำสืบทอดอำนาจมีพฤติกรรมไม่เคยละอายต่อบาป ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติที่หนุนรัฐบาลต่างถูกสังคมโจษจันว่าเป็นที่รวมพลคนตระบัดสัตย์

และส่วนฝ่ายตุลาการนั้น ผู้พิพากษาระดับสูงบางคนถูกสื่อต่างประเทศออกข่าวว่ามีการรับสินบนก้อนโตจากบริษัทข้ามชาติที่มาประกอบธุรกิจในไทย ความอัปยศดังกล่าวล้วนเป็นผลพวงที่ก่อเกิดตามมาจากน้ำมือของขบวนการยึดอำนาจ ซึ่งชำเราประชาธิปไตยของประเทศจนอ่อนแอ ทำให้การปกครองขาดการมีส่วนร่วมและการตรวจสอบจากภาคประชาชน

เมื่อเราประจักษ์ชัดว่านายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจเป็นคนที่ไร้เกียรติศักดิ์ การแสดงความรับผิดต่อการเป็นต้นตอการก่อวิกฤติทั้งปวงด้วยการลาออกนั้นย่อมยากที่จะเกิดขึ้น แต่ ณ สถานการณ์สภาวะแวดล้อมขณะนี้เรื่องการให้นายกฯลาออกมิใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง

แต่ประเด็นหลักมันติดอยู่ที่ว่า ใครคือนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่ทุกฝ่ายพอรับได้ ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการแสวงจุดร่วมเพื่อความลงตัว แต่คงจะไม่ช้าและเมื่อลงตัวได้นายกฯคนใหม่แล้ว เมื่อนั้นแหละเงาปริศนาบวกกับภาคประชาชนกลุ่มสามัคคีประชาชนไทยไม่ทนก็จะมาผนวกเข้ากับกลุ่มราษฎรต่างๆ ร่วมกันบังคับวิถีให้นายกฯสืบทอดอำนาจต้องลาออกไปโดยไม่มีข้อแม้มาต่อรองได้เลย