‘ออสซี่’ ยึดไอซ์บิ๊กล็อตจากไทย กระฉ่อนโลก! ประวัติศาสตร์ซ้ำ ‘บิ๊กปั๊ด’ มั่นใจสาวถึงขบวนการ/โล่เงิน

โล่เงิน

 

‘ออสซี่’ ยึดไอซ์บิ๊กล็อตจากไทย

กระฉ่อนโลก! ประวัติศาสตร์ซ้ำ

‘บิ๊กปั๊ด’ มั่นใจสาวถึงขบวนการ

 

บรรดาสื่อต่างประเทศและสื่อไทยประโคมข่าวตำรวจนครซิดนีย์ ยึดไอซ์น้ำหนัก 316 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 2,400 ล้านบาท ถูกซุกซ่อนไว้ในกล่องเตาปิ้งย่างไฟฟ้า และเครื่องทำน้ำอุ่น บนเรือขนส่งสินค้าลำหนึ่งที่มาจากประเทศไทย และได้เข้าจอดเทียบท่าเรือโบทานีย์ ในนครซิดนีย์ รัฐนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2564

การยึดยาเสพติดล็อตใหญ่ครั้งนี้ ดึงความสนใจจากประชาชนชาวไทยได้ทันที เนื่องจากย้อนราวๆ 28 ปี เคยมีนักการเมืองชื่อดังถูกจับกุมในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกันลักลอบนำเข้าเฮโรอีนมูลค่า 86 ล้านบาท เหตุเกิดที่รัฐนิวเซาธ์เวลส์เช่นกัน

พร้อมกับตั้งคำถามว่า ไอซ์จำนวน 316 กิโลกรัม เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังประเทศออสเตรเลียได้อย่างไร

และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง

 

จากแนวทางสืบสวน พบเส้นทางการลำเลียงยาเสพติดผ่านแม่น้ำโขงเข้ามายัง จ.อุดรธานี ก่อนจะส่งมายัง จ.ชลบุรี โดยบริษัทนิติบุคคลรายหนึ่ง และส่งออกทางท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การจับยาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลียครั้งล่าสุด ส่งผลกระทบถึงหน่วยงานภายใต้การขับเคลื่อนของรัฐบาล ทั้งงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด การขนส่งสินค้าไปต่างประเทศ

และสะเทือนมาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่อาจถูกมองว่าบกพร่องในการกวาดล้างจับกุมด้วยหรือไม่

ส่งผลให้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. นำทีมตั้งโต๊ะแถลง 20 พฤษภาคมที่ผ่าน พร้อมกับ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. ถึงการปฏิบัติการปราบปรามขุดรากถอนโคน กดดัน ปูพรมไล่ล่า จับกุม ยึดทรัพย์สิน ขบวนการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่องในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา

พบมีจำนวนคดียาเสพติดทั้งสิ้น 192,749 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีเสพ 88,481 คดี รองลงมาเป็นครอบครอง 52,538 คดี และครอบครองเพื่อจำหน่าย 38,061 คดี ดำเนินคดีผู้ต้องหา 193,604 คน เป็นเพศชาย ร้อยละ 89.6 เพศหญิง ร้อยละ 10.4 ตรวจยึดยาเสพติดเป็นยาบ้า 301,056,263 เม็ด กัญชา 24,425.23 กิโลกรัม เฮโรอีน 2,747.30 กิโลกรัม ไอซ์ 19,875.02 กิโลกรัม เคตามีน 948.45 กิโลกรัม ยาอี 248,991 เม็ด

ทลายเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 97 เครือข่าย พร้อมยึดทรัพย์สิน เช่น สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน 153 รายการ มูลค่า 955 ล้านบาท รถยนต์ 880 คัน มูลค่า 478 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ 1,365 รายการ มูลค่า 85 ล้านบาท และอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมยึดทรัพย์สินทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 2,404 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40 ของเป้าหมายรัฐบาล

บิ๊กปั๊ดยังได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณียาไอซ์บิ๊กล็อตที่ไปโผล่ออสเตรเลียว่า ในอดีตเคยจับดำเนินคดีกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดที่เกี่ยวข้องในประเทศออสเตรเลีย จึงทำให้มีบทเรียนเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่สามารถจะใช้ในการดำเนินคดีกับเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติได้ อีกทั้งยังมีช่องทางการสืบสวนและกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของอัยการที่จะใช้ได้อีก

แม้ว่าอาจจะมีปัญหาข้อขัดข้องของกฎหมายระหว่าง 2 ประเทศอยู่บ้าง แต่ยืนยันว่า ในส่วนของการสืบสวนขยายผลตำรวจไทยสามารถดำเนินการได้ตามกรอบกฎหมายไทย เท่าที่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่

 

ขณะที่ พล.ต.ท.มนตรีกล่าวว่า ผบ.ตร.สั่งการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เร่งสืบสวนขยายผลว่ามาจากเครือข่ายใด แต่ยอมรับว่าเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดมีข้อมูลอยู่ เพราะสามารถนำยาเสพติดลักลอบผ่านศุลกากร ขนส่งทางเรือออกนอกประเทศได้

ทั้งนี้ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เชื่อว่าจะจับผู้ต้องหาได้ โดยตำรวจเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลบางส่วน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ และยืนยันแม้ไม่มียาเสพติดของกลางเป็นหลักฐานในประเทศไทย แต่สามารถดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน

ด้าน พล.ต.ต.พรชัย รอง ผบช.ปส. เปิดเผยว่า เมื่อ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้ประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติด ไอซ์ 316 ก.ก. กับตำรวจออสเตรเลีย เพื่อที่จะดำเนินคดีกับเครือข่ายที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งมีความคืบหน้าไปพอสมควร โดยตำรวจ ปส.ประสานงานกับ ป.ป.ส. สืบสวนขยายผลว่าอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ซุกซ่อนยาเสพติด ถูกสั่งซื้อมาจากพื้นที่ใด รวมทั้งยาเสพติดมีการลำเลียงมาจากพื้นที่ใด

นอกจากนี้ ยังสอบปากคำพยานไปหลายปาก ทั้งผู้ส่งสินค้า ชิปปิ้ง ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์พอสมควร

อย่างไรก็ตาม คาดว่าต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

 

ด้านนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยภายหลังเข้าประชุมร่วมกับตำรวจออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ประเด็นสำคัญ คือการสืบสวนขยายผลไปถึงผู้อยู่เบื้องหลัง หรือผู้บงการ ซึ่งตรงนี้มีความเกี่ยวพันกับนักค้ายาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้มอบหมายให้อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านการควบคุมยาเสพติดของสำนักงาน ป.ป.ส.ที่ประจำอยู่ต่างประเทศ ดำเนินการประสานข้อมูลเชิงลึก ควบคู่กับการตรวจสอบเส้นทางการเงิน รายงานการเดินบัญชี (Statement) ของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อเตรียมยึดทรัพย์สิน เมื่อมีหลักฐานชัดเจนในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด

ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียกคนขับรถบรรทุกที่ไปรับสินค้าที่ใช้ซุกซ่อนยาเสพติดมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าจะมีรายละเอียดข้อมูล พยานหลักฐานนำไปสู่การอนุมัติออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องต่อไป

ในส่วนของออสเตรเลียพร้อมที่จะให้ข้อมูลที่ได้มีการสืบสวนมาก่อนหน้านี้แก่ประเทศไทย เพื่อประโยชน์ในการขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์ รวมทั้งรายละเอียดอื่นๆ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ส.ขอความร่วมมือ

ดังนั้น ทั้งตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปราบปรามขบวนการให้สิ้นซาก เพราะหากปล่อยให้ยาเสพติดที่ส่งจากไทยไปโผล่นอกราชอาณาจักร

นอกจากเสียเครดิตประเทศแล้ว ยังประจานเจ้าหน้าที่รัฐปล่อยปละละเลยจนเกิดเรื่องงามหน้าขึ้น