เมื่อวานนี้ (24 พฤษภาคม 2564) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นพร้อมตั้งคำถามต่อสถานการณ์บริหารจัดการวัคซีนโควิดของไทยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าแล้ว แต่คนไทยกลุ่มหนึ่งที่ต้องฉีดแอสตร้าฯกลับต้องเผชิญการส่งวัคซีนที่ล่าช้าไม่มาตามนัด จนเกิดความกังขาต่อรัฐบาลถึงคำมั่นสัญญาจะส่งวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าตามกำหนดได้หรือไม่ ท่ามกลางวัคซีนที่มีปริมาณมากคือ ซิโนแวค แต่สาธารณชนกลับไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสได้ว่า

นายกฯและรมต.หลายคนไปฉีดวัคซีนวันนี้เพื่อจะเชิญชวนให้ประชาชนฉีดวัคซีนกันให้มากๆ ในขณะที่จำนวนผู้จองคิวฉีดวัคซีนเกินจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ในขณะนี้ไปไกลแล้ว

นายกฯบอกว่าประชาชนทุกคนจะได้ฉีดวัคซีน ขณะที่โรงพยาบาลบางแห่งประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนที่นัดไว้ออกไป บางแห่งบอกตรงๆว่าไม่มีวัคซีน

นายกฯฉีด AstraZeneca แล้วชูวัคซีนพาสปอร์ตเพื่อจะบอกกับประชาชนว่า เห็นมั้ยฉีดวัคซีนแล้วได้วัคซีนพาสปอร์ต เดินทางไปต่างประเทศได้ ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ฉีดวัคซีน Sinovac แต่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเขารับรองวัคซีนพาสปอร์ตเฉพาะคนที่ฉีดวัคซีนยี่อห้อที่ประเทศเขารับรองแล้วเท่านั้น เขายังไม่รับรอง Sinovac

AstraZeneca ถูก EU ฟ้องมาสองครั้งแล้วเรื่องส่งวัคซีนล่าช้ากว่าแผน หาก AstraZeneca ในไทยจะไม่มาตามนัดก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย ปัญหาอยู่ที่ว่ารัฐบาลมีแผนสำรองหรือไม่ หรือมีแต่จะเพิ่ม Sinovac อย่างเดียว คนในประเทศไทยจะต้องรอกันอีกนานเท่าไหร่

เรื่องวัคซีนนี้ รัฐบาลไทยมียุทธศาสตร์ที่ผิดมาตลอดและยังไม่มีวี่แววว่าจะปรับปรุงแก้ไขอะไรเลย ผมเสนอมาหลายรอบแล้ว ก็จะลองเสนออีกสักครั้งครับ