สกู๊ปพิเศษ/วัดไผ่ล้อม จัดพิธีขอขมากรรม รับพรมงคล ‘วันเข้าพรรษา’

สกู๊ปพิเศษ

วัดไผ่ล้อม จัดพิธีขอขมากรรม

รับพรมงคลวันเข้าพรรษา

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน ทายาทพุทธาคม ในพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณ พระมงคลสิทธิการ หลวงพ่อพูล อัตตะรักโข จัดพิธีขอขมากรรม ทำบุญอุทิศผลบุญ ให้แก่ผู้แท้งลูก โดยตั้งใจ หรือ ไม่ได้ตั้งใจก็ดี และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อเป็นการขอขมาต่อเพื่อนมนุษย์ สรรพสัตว์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร งดโทษ ไม่โกรธเคือง ไม่จองเวรต่อกัน ขอขมาต่อการกระทำของตน ที่ได้ทำผิดพลาดไปแล้ว และให้อโหสิกรรม โดยตั้งสัจจะอธิษฐาน  ปฏิญาณตน  เริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยเดชะบุญญาภินิหาร แห่งองค์หลวงพ่อพูล ด้วยความเมตตาในมโนธรรม ของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เพื่อความเป็นมงคลชีวิต ในโอกาสมงคล วันเข้าพรรษา  เพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต หน้าที่ การงาน อำนาจ วาสนา บารมี ค้าขายดีมีกำไร หมดทุกข์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย  ร่ำรวย มั่งมี  โชคดี  มีความสุขสืบไป  ในวันอาทิตย์ที่ 9 .. 60 เวลา 18.09 . ณ วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม

กำหนดการ  เวลา 18.09 . บัณฑิตศิษย์มีครูอาจารย์เชนพงษ์พรหมณภัทรไพบูลย์อาจารย์กบสักกเทพวานิชอ่านโองการบูชาเทพยดาพร้อมบูชาถวายเครื่องสังเวยต่อเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

หลวงพี่น้ำฝน นำกล่าว ขอขมากรรม อุทิศผลบุญให้แก่ผู้แท้งลูก โดยตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจก็ดี และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ให้มารับผลบุญดังกล่าว โดยถ้วนหน้า

จากนั้นหลวงพี่น้ำฝนพร้อมคณะสงฆ์วัดไผ่ล้อมสวดถอนกรรมถอนคำสาบานถอนคำสาปแช่ง    

เสร็จพิธีหลวงพี่น้ำฝนประพรมน้ำพระพุทธมนต์  รับพรมงคล ขอให้ทุกท่าน ร่ำรวย โชคดี มีความสุข เพื่อความบริสุทธิ์ ทั้งทาง กาย วาจา และใจ  เป็นเสร็จพิธี  ผู้เข้าร่วมพิธีต้องมาด้วยตนเอง และควรมาก่อนเวลา ผู้เข้าร่วมพิธีไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น       

                                                                       

                                                          …………………………….

..พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เปิดเผยว่า ตามที่มีโยมท่านหนึ่งจากประเทศจีน ได้ไปทำแท้งมาแล้ว ถามว่าบาปหรือไม่ โยมเล่าว่า เคยไปทำแท้งมาแล้ว 4 ครั้ง รู้สึกกังวนใจ กลายเป็นความกลัว บางครั้งเหมือนคนวิตกจริต เหมือนมีเด็กทารก เฝ้าติดตามตลอดเวลา  อาตมาให้แสงสว่าง ประเด็นแรกที่ต้องแก้ไข  มนุษย์เมื่อทำสิ่งใดพลาดไปแล้ว ไม่ควรทำพลาดอีก  จริงอยู่ กรรมไม่สามารถลบล้างกันได้ แต่ถ้าคิดดี ทำดีก็บรรเทาสิ่งพวกนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าคิดมาก ทำให้จิตใจไม่แจ่มใส เกิดการวิตกหดหู่ แล้วชีวิตจะอยู่ได้อย่างไร เมื่อจิตใจหม่นหมอง ความคิดพวกนี้ เป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ เรื่องบาปบุญ เมื่อครั้งพุทธกาล ในสมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านอาพาธ ท่านก็ไม่ได้ใช้พรวิเศษใดๆรักษา หรือสวดบทอะไรรักษาเลย ท่านก็รักษาไปตามสภาพ ทานยาเหมือนพวกๆเรานี่แหละ ฉะนั้นถ้าเราคิดดีทำดีทำถูกต้อง ไม่ต้องไปวิตกวิจารณ์เรื่องนี้ให้มากเกินไป  เรื่องบางอย่างไม่ต้องไปคิดรับรู้มากเรื่องมากความ นิ่งๆเสียบ้างก็ดี

หลวงพี่น้ำฝนกล่าวอีกว่าส่วนกรณีการทำแท้งไปแล้ว ถ้าโยมอยากทำคุณไถ่โทษกับการทำแท้ง ง่ายๆนิดเดียว ทำใจให้เบิกบาน ได้อย่างคนดีๆคนหนึ่ง ฝังความมืดไว้กับอดีต ไม่นำความมืดติดตัวมาบดบังวันนี้ให้หมองหม่น เปล่าประโยชน์ และให้คิดเสมอในหลักความจริง ทุกคนที่ไปทำแท้ง ล้วนมีเหตุผล เฉกเช่น ประเด็นแรกคือ เจตนาตั้งใจเพราะไม่ต้องการให้เขาเกิด ประเด็นต่อมา ทำแท้งโดยเหตุจำเป็น เนื่องจากผลต่อสุขภาพทั้งแม่และเด็ก เมื่อได้กระทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว ย่อมได้รับความไม่สบายใจ ติดตามมาทั้งสองกรณี ในส่วนตัวของเรา ต้องทำให้มันเบา ทำใจของเราให้ว่าง สงบ เย็น  เริ่มชีวิตใหม่ในหน้าที่การงาน สร้างบุญสร้างกุศล สร้างความดีในพุทธศาสนา เน้นการมีจิตที่สูงขึ้น สะอาดและบริสุทธิ์มากขึ้น จิตย่อมไม่เสื่อม ยิ่งบำรุง ยิ่งงอกงาม  โยมส่วนใหญ่ที่ทำผิดพลาด มักคิดว่าทุกข์ที่มีอยู่ทุกวันนี้ จะอยู่กับโยมไปตลอดนั้น ไม่ใช่หรอก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน วันนี้สุขมากมาย พรุ่งนี้อาจจะทุกข์เสียเหลือเกิน หรือวันนี้โยมทุกข์ทรมานเหมือนจะตายให้ได้ แต่ใครจะรู้ว่า พรุ่งนี้โยมอาจจะมีความสุขสุดหัวใจ ก็เป็นได้เช่นกัน ขอให้คิดว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ขอเจริญพร

สอบถามรายละเอียดเข้าร่วมพิธีโทร.085-4156464 , 061-7826264

สกู๊ปพิเศษ

———————————————————————————————————————————–

ความเป็นมา พิธีขอขมากรรม 

ตามบัญชาของหลวงพ่อพูล อัตตะรักโข วัดไผ่ล้อม .พระปฐมเจดีย์ .เมือง .นครปฐม

พิธีขอขมากรรม และให้อภัยซึ่งกันและกันต่อเพื่อนมนุษย์  สรรพสัตว์ทั้งหลายหรือแม้แต่ต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายนั้นมีมาเป็นเวลายาวนานนับตั้งแต่สมัยพุทธกาล

ทั้งนี้การขอขมากรรมต่อกันก็เพื่อจะก่อให้เกิดการงดโทษหรือไม่ถือโทษโกรธเคืองต่อกันที่แล้วมาก็ให้ผ่านไปไม่ถือโทษโกรธเคืองกันและสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างไม่จองเวรซึ่งกันและกันและไม่ถูกจองเวรจากผู้อื่นหรือเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายนั่นเอง

การขอขมากรรมต่อกันมีหลักฐานปรากฏชัดเจนในสังคมพระภิกษุสงฆ์ในสมัยพุทธกาลที่ต้องอยู่ในอารามเดียวกันเป็นจำนวนหลายรูปเป็นสังคมสงฆ์  ในบรรดาพระภิกษุสงฆ์เหล่านั้นต่างมาจากกลุ่มคนในสังคมทุกชนชั้นวรรณะและมีพื้นเพทางการศึกษาหรือกริยามารยาทในการพูดจาหรือการปฏิบัติตัวที่แตกต่างกันตามพื้นฐานของการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันในสมัยครองเรือนการมาจากกลุ่มคนที่แตกต่างกันและปฏิบัติตัวต่างกันในเบื้องต้นนั่นเองย่อมทำให้การกระทำของแต่ละคนนั้นไปสร้างความขุ่นเคืองหรือการล่วงล้ำก้ำเกินต่อกันทั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา

เพื่อความเรียบร้อยแห่งหมู่คณะ และความสามัคคีปรองดองในการอยู่ร่วมกัน จึงจำเป็นต้องมีการขอขมากรรมต่อกัน มีการให้อโหสิกรรม ต่อการกระทำของคนอื่นและ ขออโหสิกรรมต่อคนอื่นที่ตนได้กระทำล่วงเกิน ด้วย กาย วาจา ใจ ทั้งต่อหน้า ลับหลัง ทั้งโดยเจตนา และไม่เจตนา หรือ กรณีที่มีภิกษุรูปใดกระทำการละเมิดต่อหมู่สงฆ์ ก็จะถูกขับออกจากหมู่คณะจนกว่าภิกษุรูปนั้นจะสำนึกผิดและยอมกลับตัวประพฤติตนให้อยู่ในหลักปฏิบัติของสงฆ์ และขอขมากรรมต่อการกระทำของตนที่ได้ทำผิดพลาดไปแล้ว จึงจะถูกรับกลับเข้าหมู่สงฆ์เช่นเดิม นั่นก็แสดงให้เห็นถึงการขอขมากรรม หรือ ขออโหสิกรรม และ ให้อโหสิกรรม ต่อกันและกัน ย่อมนำมาซึ่งความสุขใจในการดำเนินชีวิต และจะมีพลังในการดำเนินชีวิตอีกด้วย เนื่องจากไม่มีอะไรเป็นที่ขุ่นข้องหมองใจแล้วนั้นเอง

สำหรับคฤหัสถ์หรือฆราวาสวาสญาติโยมนั้นก็มีอยู่ทุกยุคทุกสมัยเช่นกันในการขอขมากรรมหรือขออโหสิกรรมในกายกรรมวจีกรรมและมโนกรรมที่ตนได้กระทำล่วงเกินต่อเพื่อนมนุษย์สรรพสัตว์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายเมื่อกระทำลงไปแล้วย่อมเป็นการผูกเวรและมีการจองเวรต่อกันและกันนำมาซึ่งความทุกข์ใจและคำสาปแช่งต่างๆอันถือได้ว่าไม่เป็นมงคลต่อการดำเนินชีวิตแต่อย่างใด

ในครั้งพุทธกาล คราวใดคฤหัสถ์ หรือ ฆราวาสญาติโยม กระทำการอันล่วงเกินต่อพระภิกษุ หรือ คณะสงฆ์  จนเป็นเหตุให้ต้องลงโทษ โดยการไม่คบหาสมาคมกับคฤหัสถ์คนนั้น  พระภิกษุหรือ คณะสงฆ์ ก็จะกระทำการไม่คบหาสมาคมกับคฤหัสถ์คนนั้น หรือที่เรียกว่าคว่ำบาตรจนมีการขอขมากรรมขออโหสิกรรมแล้วคณะสงฆ์ก็จะให้อโหสิกรรมแล้วกลับมาคบหาสมาคมเช่นเดิมหรือในการล่วงเกินต่อสรรพสัตว์หรือเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจนต้องขอขมากรรมหรือขออโหสิกรรมต่อสิ่งเหล่านั้นก็จะกระทำโดยการกลับตัวกลับใจไม่กล่าวร้ายไม่สาปแช่งไม่ประกอบกายทุจริตวจีทุจริตและมโนทุจริตอย่างนั้นอีกต่อไปหรือแผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญกุศลไปให้ซึ่งเป็นทั้งการขอขมากรรมในความผิดที่ตนได้ทำผิดไปและกระทำความดีตอบแทน

สำหรับเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลายนั้นก่อนการขอขมาต่อสิ่งที่ตนเองได้ล่วงล้ำก้ำเกินได้ถือปฏิบัติในการขอขมากรรมต่อพระรัตนตรัยเป็นอันดับแรกด้วยเหตุว่าตนเองได้นับถือและน้อมนำมาเป็นสรณะที่พึ่งทางใจเมื่อกระทำผิดอย่างหนึ่งอย่างใดก็มีความรู้สึกว่าได้ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยไปด้วยเพราะเหตุว่าไม่ปฏิบัติตามกายสุจริตวจีสุจริตและมโนสุจริตที่พระรัตนตรัยได้อบรบสั่งสอนไว้แล้วนั่นเอง

สำหรับคำขอมากรรมต่อพระรัตนตรัยนั้นได้ปรากฏชัดใน บทสวดมนต์ว่า

กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,

พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ,

          ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วในพระพุทธเจ้า, ขอพระพุทธเจ้า จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระพุทธเจ้าในกาลต่อไป

กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มายา ยัง,

ธัมโม ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม

          ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วในพระธรรม, ขอพระธรรม จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระธรรมในกาลต่อไป

กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา, สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง,

สังโฆ ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง, กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ

          ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วในพระสงฆ์, ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระสงฆ์ในกาลต่อไป

เมื่อขอขมากรรมต่อพระรัตนตรัยแล้วก็จะกล่าวคำขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ทั้งหลายให้อโหสิกรรมและตั้งใจกลับเนื้อกลับตัวกลับใจในการทำความดีต่อไปและเป็นเหตุให้ไม่มีเวรมีภัยในการดำเนินชีวิตมีความสุขกายสุขใจเจริญรุ่งเรืองโชติช่วงชัชวาลในชีวิตตลอดไปดังพระพุทธพจน์ที่ว่า

โย จะ ปุพเพ ปะมัชชิตวา ปัจฉา โส นัปปะมัชชะติ

โสมัง โลกัง ปะภาเสติ อัพภา มุตโตวะ จันทิมา

ผู้ที่เคยประมาทมาก่อน แล้วย้อนกลับตัวได้ เป็นผู้ไม่ประมาทในภายหลัง เขาย่อมทำโลกนี้ให้สว่าง ดั่งดวงจันทร์พ้นทางของเมฆหมอก ฉะนั้นแล!!!

สกู๊ปพิเศษ

———————————————————————————————————————————–

พิธีขอขมากรรม

ตำรับหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม .นครปฐม

วัดไผ่ล้อมได้จัดพิธีขอขมากรรมถอนคำสาบานถอนคำสาปแช่งอย่างเป็นรูปธรรมและชัดเจนที่สุดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยและดำเนินตามขนบธรรมเนียมแบบชาวพุทธเพื่อเป็นที่พึ่งทางใจให้กับพุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่มีความขุ่นข้องหมองใจอุปมาเหมือนมีสนิมเกาะที่จิตใจที่พร้อมที่จะกัดกินจิตใจอยู่ตลอดเวลาซึ่งหมายถึงความผิดพลาดทางกายกรรมวจีกรรมและมโนกรรมที่คนเราได้ทำไปแล้วไม่ว่าจะเป็นการประพฤติผิดเบียดเบียนล่วงเกินทางกายทางวาจาและทางใจต่อเพื่อนมนุษย์สรรพสัตว์ทั้งหลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรที่ยังค้างคาใจอยู่ยังไม่จางหายและมีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลาเพราะไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรดี

ด้วยเดชะบุญญาภินิหารแห่งองค์หลวงพ่อพูลอัตตะรักโข (พระมงคลสิทธิการ) อมตะมหาเถราจารย์ และบูรพาจารย์แห่งวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ผู้มีความเมตตาในมโนธรรม ได้เมตตา นิมิตบัญชาให้ หลวงพี่น้ำฝน (พระครูปลัดสิทธิวัฒน์) ศิษย์เอกของท่าน ดำเนินการจัดพิธีขอขมากรรม ถอนคำสาบาน ถอนคำสาปแช่งขึ้นต่อหน้าพระพุทธประทานอภัย ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดไผ่ล้อม เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจให้กับพุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่กำลังถูกสนิมกัดกินจิตใจ เพื่อบรรเทาทุกข์  และ ตั้งจิตอธิษฐานในการที่จะประกอบ กายสุจริต วจีสุจริต และ มโนสุจริต ดำเนินชีวิตในทางที่ชอบต่อไป

หลวงพี่น้ำฝนทายาทศิษย์เอกของหลวงพ่อพูลอัตตะรักโขผู้มีความกตัญญูประจำใจหลังจากได้รับนิมิตบัญชาให้จัดพิธีกรรมดังกล่าวขึ้นจึงปรารภกับบรรดาลูกศิษย์และเห็นสมควรปฏิบัติตามนิมิตบัญชาดังกล่าวจึงได้เป็นเจ้าพิธีเพื่อจัดพิธีขอขมากรรมถอนคำสาบานถอนคำสาปแช่งต่อหน้าพระพุทธประทานอภัยพระพุทธรูปศักดิ์ประจำวัดไผ่ล้อมขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่๑๐เดือนพฤศจิกายนพ.ศ ๒๕๕๔ (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒  ตรงกับ วันลอยกระทงของประเทศไทย

สำหรับขั้นตอนที่ถูกต้องตามประเพณีที่ได้ดำเนินการในการประกอบพิธีขอขมากรรมถอนคำสาบานถอนคำสาปแช่งนั้นดำเนินการดังต่อไปนี้

อุบาสกผู้เป็นบัณฑิตรู้พุทธประเพณีอ่านคำบูชาพระรัตนตรัยอันมีพระพุทธประทานอภัยพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นประธานและอัญเชิญเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มาประชุมพร้อมกันณมณฑลพิธีเพื่อทำการบวงสรวงสักการะและเป็นสักขีพยานในการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้

หลวงพี่น้ำฝนเจ้าพิธีนำพุทธศาสนิกชนผู้เข้าร่วมพิธีเปล่งวาจาคำขอขมากรรมต่อหน้าพระพุทธประทานอภัยพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

พระสงฆ์สวดญัตติเพื่อถอนคำสาบาน ถอนคำสาปแช่ง และเจริญพระพุทธมนต์ พุทธาคมอันศักดิ์สิทธ์ เพื่อเป็นสิริมงคลแด่พุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมพิธี เป็นอันเสร็จพิธีอย่างสมบูรณ์

หมายเหตุ ผู้เข้าร่วมพิธีต้องเอ่ยชื่อและนามสกุลของตนเองและเปล่งวาจาคำขอขมากรรมด้วยตนเองไม่สามารถเอ่ยชื่อนามสกุลคนอื่นและขอขมากรรมแทนคนอื่นได้

อานุภาพ ของ การเข้าร่วมพิธีขอขมากรรม ถอนคำสาบาน ถอนคำสาปแช่ง

ด้วยอานุภาพแห่งการสำนึกในความผิดที่ตนเคยทำ ทั้งทางกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม และขอขมากรรม ขออโหสิกรรม ก่อให้เกิดความสะอาด สว่าง และ สงบแห่งจิตใจ ไม่มีสนิมใจ หรือสิ่งที่ค้างคาให้เกิดความเศร้าหมอง ก่อให้เกิดพลังในการดำเนินชีวิต บนเส้นทางของคุณงามความดีทางกายสุจริต วจีสุจริต และมโนสุจริต ตามที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อพระพุทธประทานอภัย พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์  เทพยา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

มีหลักใจ ในการละเว้นจากการกระทำความชั่ว ความทุจริต ทางกาย วาจา ใจ ไม่เบียดเบียน  ไม่กล่าวร้าย ไม่คิดอาฆาต พยาบาท เพ่งโทษ และ ประกอบสุจริตทายกาย วาจา ใจ ตามที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อเทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย มีพระพุทธประทานอภัย พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นประธาน

ด้วยพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ เทวานุภาพ อิทธานุภาพ  และ เดชานุภาพแห่งเทพยดา และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ด้วยพุทธมนต์อันศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล ประทานพร ให้เกิดความสงบแห่งจิตใจ และพลังแห่งชีวิต ในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข สงบ รุ่งเรื่องโชติช่วงชัชวาล สืบต่อไป