“พิธา” ย้ำ “ประยุทธ์” ไม่ได้ขาดอำนาจ แต่ไร้ความสามารถ จี้ยอมรับความจริง

วันที่ 16 พฤษภาคม 2564 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการบริหารของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังเผชิญเสียงวิจารณ์และการก่อตัวของกลุ่มภาคประชาชนที่ออกมาวิจารณ์พร้อมขับไล่ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า
ผมขอย้ำอีกครั้ง พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ขาดอำนาจ แต่ขาดความสามารถ
.
เป็นเวลา 20 วันเต็มแล้วที่เราต้องอยู่ภายใต้การบริหารแบบ “รวบอำนาจ” ของนายกรัฐมนตรี ที่รวบอำนาจหน้าที่ 31 พ.ร.บ. จากรัฐมนตรีคนอื่นมาไว้ในมือของนายกรัฐมนตรี เป็นการรวบอำนาจที่มีเจตนาเพื่อแก้ไขวิกฤตโควิดแบบ ‘One man show’ รวบการตัดสินใจแทบทุกอย่างไว้ที่คนๆเดียว นั่นก็คือ พลเอกประยุทธ์
.
ก่อนหน้าการรวบอำนาจ ประเทศไทยของเราต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิดระลอกที่สาม ที่ส่วนหนึ่งเกิดจากความบกพร่องของรัฐบาล รวมถึงคนในรัฐบาลหลายคน จนก่อให้เกิดคลัสเตอร์การระบาดที่ส่งผลขจรขจายไปไกล พอสถานการณ์ดูไม่สู้ดี พลเอกประยุทธ์ก็เข้าตาจน ต้องงัดท่าไม้ตายที่ตัวเองถนัด คือการรวบตรึงอำนาจจากรัฐมนตรี ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว พลเอกประยุทธ์ก็แทบจะนั่งหัวโต๊ะตัดสินใจในทุกการประชุมอยู่แล้ว
.
สถานการณ์ก่อนการรวบอำนาจหนึ่งวัน ตลอดช่วงการระบาดของวิกฤตโควิดตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสะสม 57,508 ราย
ผู้เสียชีวิตสะสม 148 ราย
อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 0.26%
.
เมื่อพลเอกประยุทธ์ทำการรวบอำนาจไว้ที่ตนเอง ขอตัดสินใจทุกอย่างเป็นเวลา 20 วัน ผลที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในรอบ 20 วันนี้ก็คือ
ผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 100,000 รายในวันนี้เป็นวันแรก ยอดรวมอยู่ที่ 101,447 ราย เพิ่มขึ้น 43,939 ราย ภายใน 20 วันของการรวบอำนาจ เฉลี่ยติดเชื้อเพิ่มวันละ 2,197 ราย
.
ผู้เสียชีวิตสะสมในรอบ 20 วันแห่งการรวบอำนาจ อยู่ที่ 436 ราย เพิ่มขึ้น 295% เมื่อเทียบกับยอดผู้เสียชีวิตสะสมช่วงก่อนหน้านี้ที่สะสมมา 400 กว่าวัน
.
อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 0.58% หมายถึงความเสี่ยงในการเสียชีวิตเมื่อตรวจพบเชื้อ เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม 2.2 เท่า ภายในระยะเวลา 20 วัน
.
ในด้านการบริหาร ก็พบว่า เรายังคงได้ยินข่าวผู้ติดเชื้อหาเตียงไม่ได้ ไม่มีรถไปรับทุกวัน จนประชาชนต้องออกมาช่วยเหลือกันเอง แนวทางการได้มาซึ่งวัคซีนที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพก็ไม่มีความชัดเจน มาตรการเยียวยาประชาชน ผู้ประกอบการที่กำลังเดือดร้อนก็ไม่มีความคืบหน้า อุปกรณ์ทางการแพทย์ก็ยังคงขาดแคลน ทั้งที่ยังมีงบประมาณเหลืออยู่ ระบบการตรวจเชิงรุกก็ทำได้ไม่ทั่วถึง ทำให้เราได้ยินชื่อคลัสเตอร์ใหม่ๆเกิดขึ้นแทบจะทุกวัน จนจำกันไม่ไหว ตัวเลขการฉีดวัคซีนที่วางแผนไว้วันละหลายแสนเข็มก็เป็นแค่การสร้างวิมานในอากาศ เพราะไม่มีวัคซีนให้ฉีด รวมถึงแผนกระจายวัคซีนในอนาคตที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
.
ภายใต้การบริหารของพลเอกประยุทธ์ ผมว่าก็คงมีแต่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น นอกนั้นก็มีแต่ลดลง ทั้งเงินในกระเป๋าประชาชน เตียงผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาล งบประมาณแผ่นดิน ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อวัคซีนที่รัฐจัดหามาให้
.
ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ ผู้นำที่ดีควรจะต้องทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ ใช้ความรู้ ความสามารถทั้งหมดลงไปกับการแก้ไขปัญหาเพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศ แต่ผมมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ในตัวพลเอกประยุทธ์เลย ทุกวันนี้แนวโน้มวิกฤตโควิดก็มีแต่จะแย่ลง เศรษฐกิจของประเทศกำลังถอยหลัง ชีวิตของประชาชนแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่พลเอกประยุทธ์ก็ยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน เหมือนทำงานแค่ตามเวลาราชการ กว่าจะตัดสินใจอะไร วิกฤตก็รุนแรงเสียแล้ว ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้า ได้แต่แก้ปัญหาแบบผักชีโรยหน้าไปวันๆ แบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีนายกไว้ทำไม
.
เมื่อผลลัพธ์ของการรวบอำนาจไปที่ผู้นำแบบพลเอกประยุทธ์ออกมาเป็นเช่นนี้ ผมจึงต้องขอย้ำอีกครั้งว่า ในการแก้ไขวิกฤตครั้งใหญ่ของประเทศแบบนี้ พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ขาดอำนาจ แต่ขาดความสามารถ และควรลองฟังคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกน้องรอบตัวเองดูบ้าง เผื่อจะได้พิจารณาตัวเองเสียที ว่าตัวเองไร้ความสามารถและความพร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตประชาชนคนไทย พลเอกประยุทธ์ควรยอมรับความจริงข้อนี้และลาออกให้เร็วที่สุดครับ