ในชีวิตของเราทุกคน อย่างน้อยก็น่าจะเคยผ่านการเล่นเกมกันมาหมดแล้วใช่ไหมคะ

ไม่ว่าเกมที่ว่านั้นจะเป็นในรูปแบบไหน เกมแฟมิคอม เกมบอย เกมคอมพิวเตอร์ เกมคอนโซล หรือเกมบนอุปกรณ์โมบายอย่างสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต เราทุกคนก็น่าจะเคยได้สัมผัสกับความสุข ความสนุก ที่ได้จากการเล่นเกมกันมาแล้วไม่มากก็น้อยแน่นอน

แต่เมื่อเวลาผ่านไป อายุเราเริ่มมากขึ้น หลายอย่างในชีวิตเริ่มรุมเร้ามาขอแบ่งปันพื้นที่ในสมองและแย่งชิงเวลาที่เรามีจำกัดในแต่ละวัน บางคนก็อาจจะทำความสนุกของการเล่นเกมตกหายไปในระหว่างทาง

เกมกลายเป็นเรื่องของเด็ก หรือถ้าผู้ใหญ่เล่นก็อาจจะถูกมองว่าเป็นเรื่องของคนที่ไม่รู้จักโต กลายเป็นความฟุ่มเฟือยที่หากตัดทิ้งได้ก็จะทำให้สามารถไปทุ่มเทให้กับการทำงานหนักที่เราคิดว่าผลตอบแทนน่าจะคุ้มค่ากว่ามาก

สำหรับคนที่คิดว่าเกมเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร วันนี้ซู่ชิงจะลองมาชวนคุยเรื่องนี้

เผื่อว่าจะเปลี่ยนใจและมองเกมเป็นเรื่องที่ใหญ่ขึ้นกันนะคะ

 

ทราบไหมคะว่าอุตสาหกรรมเกมทุกวันนี้มีมูลค่ามหาศาลและมีแต่แนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ

ในปี 2016 ที่ผ่านมา รายได้ในอุตสาหกรรมเกมทั่วโลกมีสูงถึง 91,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเซ็กเมนต์ที่เติบโตมากที่สุดก็คือโมบายเกม เกมที่เราเล่นบนมือถือนั่นแหละค่ะ (ตรงจุดนี้ผู้ใหญ่หลายท่านที่ทุกวันนี้ยังปาดนิ้วเล่นเกมแคนดี้ครัชอยู่ก็น่าจะไม่รู้สึกประหลาดใจอะไรเลยค่ะ)

ตลาดเกมโมบายได้ส่วนแบ่งรายได้ไปมากถึง 18 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นมูลค่า 41 ล้านดอลลาร์

ซึ่งก็ขับเคลื่อนด้วยเกมยอดฮิตต่างๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา อย่างเช่น โปเกมอน โก หรือ แคลช รอยัล

ในขณะที่เกมในหมวดหมู่อื่นๆ อย่างเกมคอนโซล หรือเกมพีซีเองก็เติบโตไม่แพ้กัน แถมเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาอย่างวีอาร์หรือโลกเสมือนจริง ก็ยิ่งทำให้วงการเกมเติบโตอย่างน่าสนใจมากขึ้นทุกทีๆ

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เกมก็กลายเป็นเรื่องใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เราเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเติบโตของตลาดวิดีโอเกมสูงที่สุดในโลก

ซึ่งถ้าหากพิจารณาดูเป็นรายประเทศแล้ว ประเทศที่ติดอันดับเล่นเกมมากที่สุดในแถบนี้มีทั้งหมด 6 ประเทศ คือ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม

 

Casual Games Association วิเคราะห์เอาไว้ว่า ตลาดเกมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น่าจะเติบโตได้ง่ายกว่าตลาดจีนด้วยซ้ำ ซึ่งข้อได้เปรียบที่ทำให้เกมเจริญงอกงามในแถบนี้หลักๆ ก็คือเรื่องภาษา สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักอยู่แล้ว และประเทศอื่นๆ ที่เหลือก็แทบจะพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองกันหมด

ดังนั้น เกมจากตะวันตกจึงเข้ามาเจาะตลาดได้ง่ายดาย

ประกอบกับภูมิภาคของเรามีความชอบในการใช้โซเชียลมีเดียแบบเดียวกับตลาดตะวันตก

คือเทไปอยู่บนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ทำให้ไม่ว่าทางแถบนั้นเล่นเกมอะไรกัน เราก็จะอัพเดตและสนใจในเกมแบบเดียวกันไปหมด

อีกสาเหตุหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะเราเป็นแถบหนึ่งของโลกที่เป็น Mobile First คือพอความเจริญทางเทคโนโลยีเริ่มเดินทางมาถึง เราก็รับเข้ามาใช้ในรูปแบบของสมาร์ตโฟนกันเลย

โดยที่บ้านบางบ้านทุกคนอาจจะมีสมาร์ตโฟนกันหมดโดยไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะด้วยซ้ำ

และแน่นอนว่าเมื่อเป็นเจ้าของสมาร์ตโฟนกันแล้ว เราก็คงจะดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเกมมาติดตั้งเอาไว้และอย่างน้อยๆ ก็เปิดมาเล่นฆ่าเวลากันอยู่เรื่อยๆ

ซึ่งโมบายเกมมิ่งนี่แหละค่ะที่ดึงเอาคนที่อยู่นอกวงการเกมให้เข้ามาเป็นหนึ่งในเกมเมอร์กันได้โดยที่คนเล่นเองก็แทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แถมเล่นไปเล่นมาก็เกิดอิน อยากเล่นให้ดีขึ้น ให้แอดวานซ์ขึ้น ก็เลยต้องยอมเสียเงินซื้อของในเกม รู้ตัวอีกทีหนึ่งก็อาจจะเผลอจ่ายไปแล้วหลายร้อย หรือหลายพันบาท

ในประเทศไทยเกมโมบายที่เรานิยมใช้จ่ายเงินไปกับมันมากที่สุดก็คือเกมประเภทแข่งรถค่ะ

 

ส่วนในไทย ใครบ้างที่เล่นเกมบนโมบาย

สถิติของเว็บไซต์ Newzoo ระบุไว้ว่า 26% ของคนเล่นเกมโมบายเป็นผู้ชาย อายุ 21-35 ปี

ตามมาด้วยผู้หญิงอายุระหว่าง 21-35 ปีเช่นเดียวกัน อยู่ที่ 25% และเมื่อคิดรวมๆ ทั้งประเทศแล้ว มีคนเล่นเกมทั้งหมดตั้ง 18.3 ล้านคนแน่ะค่ะ

และเมื่อพูดถึงวงการเกมแล้ว ในแต่ละปีจะมีงานจัดแสดงเกมใหญ่ๆ ที่เกมเมอร์เขารอคอยกันหลักๆ 3 งานด้วยกัน ซึ่งก็คืองาน E3, Gamescom และ Tokyo Game Show ค่ะ

ในบรรดาสามงานนี้งานที่ใหญ่ที่สุดก็คืองาน E3 หรือ Electronic Entertainment Expo ที่จัดขึ้นทุกปีในลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา

ซึ่งงาน E3 2017 ปีนี้นับเป็นการจัดงานเป็นครั้งที่ 23 แล้ว หลักๆ ก็จะเน้นไปที่ตลาดเกมเมอร์ในอเมริกาเหนือ ซึ่งแต่ละค่ายเกมก็จะอั้นของทั้งหมดมาปล่อยตูมเรียกเสียงฮือฮากันในงานนี้

ค่ายเกมใหญ่ๆ ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดก็อย่างเช่น Sony, Microsoft, Nintendo, Ubisoft, Electronic Arts, Bethesda, Capcom, Square Enix และอื่นๆ อีกหลายค่าย

ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีแรกที่ซู่ชิงได้เดินทางมาร่วมงานด้วย

ไฮไลต์สำคัญของงาน E3 ในปีนี้โดยส่วนใหญ่แล้วก็เทไปอยู่ที่เกมใหม่ๆ จะมีก็แต่ค่ายไมโครซอฟต์ที่เปิดตัวคอนโซลรุ่นล่าสุดอย่าง Xbox One X ที่ก่อนหน้านี้รู้จักกันในโค้ดเนมว่า Project Scorpio นั่นแหละค่ะ

ส่วนค่ายไหนโดดเด่นที่สุด ก็ไม่ผิดโผอะไร ยังคงเป็น Sony PlayStation เหมือนเดิม

งานแถลงข่าวของ Sony PlayStation น่าจะเป็นงานที่ทำให้ซู่ชิงรู้สึกตื่นตาตื่นใจได้มากที่สุดในชีวิตการเป็นผู้สื่อข่าวมา 8 ปี ความน่าตื่นเต้นของเทรเลอร์เกมที่เปิดต่อๆ กันนานหนึ่งชั่วโมงเต็ม แสง สี เสียง ควัน ไฟ ระเบิด น้ำ ลม ทั้งหมดที่โหมมาใช้เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับเกมแต่ละไตเติลนั้น

ทำให้รู้สึกว่างานเปิดตัวเทคโนโลยีทั้งหลายที่คนปรบมือฮือฮาให้กับสมาร์ตโฟนออกใหม่ หรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ของระบบปฏิบัติการ กลายเป็นเรื่องจืดชืดไปเลยค่ะ

และเสียง อูว อาห์ โห่ร้อง ของบรรดาสื่อมวลชนวงการเกมที่นั่งรวมอยู่ด้วยกันในโรงละคร Shrine Auditorium นั่นก็เปล่งออกมาจากความตื่นเต้นที่สมจริงสมจังและสมศักดิ์ศรีของเกมมาก แค่ได้เห็นตัวละครที่พวกเขารักกลับมาโลดแล่นอีกครั้งในเทกเลอร์ภาคใหม่ก็เพียงพอที่จะทำให้ขนลุกเกรียวได้แล้ว

แม้กระทั่ง คุณชูเฮย์ โยชิดะ ผู้บริหารใหญ่ของ Sony Interactive Entertainment ที่ซู่ชิงมีโอกาสได้ไปนั่งพูดคุยสัมภาษณ์ด้วย ก็ไม่ใช่เป็นผู้บริหารที่นั่งส่องตัวเลขบัญชีอยู่บนหอคอยงาช้าง แต่เป็นเกมเมอร์ตัวยงที่สามารถเล่าเกมที่เขาเล่นได้เป็นฉากๆ ด้วยประกายแวววาวในดวงตา และเชื่อได้เลยว่าถ้าเขาบอกว่าเกมไหนดี เกมนั้นก็จะเป็นเกมที่ดีจริงๆ

เพราะเกมไหนที่ไม่เวิร์ก เขาก็เคยตำหนิออกมาตรงๆ แล้วเหมือนกัน

 

การได้ไปร่วมงานครั้งนี้ทำให้ซู่ชิงได้เห็นหลายอย่าง

ได้เห็นว่าวงการเกมเป็นวงการที่มีศักยภาพในการเติบโตไปได้อีกไกลและจะมีแต่ขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ

ได้เห็นคนที่ต่อคิวยาวเหยียดเป็นชั่วโมงอย่างไม่ย่อท้อเพื่อที่จะได้ลองเล่นเกมใหม่ที่ตัวเองชอบก่อนใคร

ได้เห็นคนจำนวนมหาศาลที่มารวมตัวกันแม้ว่าค่าบัตรเข้างานจะมีราคาหลายพันบาท

ได้เห็นนักพัฒนาเกมจำนวนมากพูดคุยกับคนเล่นเกมของตัวเอง

ได้เห็นผู้บริหารที่อายุขึ้นต้นด้วยเลขสี่หรือเลขห้าแล้วแต่ก็ยังจับคอนโทรเลอร์อยู่เป็นนิจ

และได้เห็นว่าเกมได้สร้างความสุขให้คนหมู่มากได้ไม่แพ้การได้ไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่เราชื่นชอบ หรือไปดูการแข่งกีฬาแมตช์ที่เราเชียร์เลย

และถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ปีหน้าจะมีซู่ชิงอยู่ในงาน E3 2018 แน่นอนค่ะ