เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ /แป้งไหนผัด พัดไหนโบก

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

แป้งไหนผัด พัดไหนโบก

 

สงครามกลางเมืองในพม่าวันนี้อเนจอนาถนัก

ไม่น่าเชื่อว่าแผ่นดินจะลุกเป็นไฟซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถึงวันนี้ เหมือนจะไม่จบสิ้นได้อย่างไร

ทั้งที่พม่าเองเป็นเมืองพุทธ เจดีย์อร่ามเรืองรองแทบจะทุกมุมมอง เมื่อย่างสู่แผ่นดินพม่า

ดูเหมือนว่าเปลวทองแห่งพุทธธรรมมิอาจทาทาบกลบเลือดสีแดงที่หลั่งนองแผ่นดินได้เลย

อาจารย์เสน่ห์ จามริก เคยกล่าวว่า ประเทศแถบภูมิศาสตร์เขตร้อนนั้นมีแค่ราวเจ็ดเปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ในโลก แต่พื้นที่เจ็ดเปอร์เซ็นต์นี่แหละอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรมากถึงราวเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของบรรดาทรัพยากรที่มีทั้งหมดของโลก และพื้นที่ภูมิศาสตร์เขตร้อนก็คือพื้นที่บริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลก คือใจกลางเส้นรอบวงโลก

แน่นอน ตะวันตกก็คือแถวแอฟริกา ตะวันออกก็คือแถวแถบเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียนที่มีทั้งพม่า ไทย ลาว เขมรอยู่ด้วย

โดยเฉพาะพม่าดูจะยังอุดมด้วยทรัพยากรสูงสุดแม้จนวันนี้

พม่าจึงเป็นที่จับตามองจากประเทศมหาอำนาจของโลกชนิดจ้องตาไม่กะพริบนั่นเลย

 

พม่า ไทย เขมร ลาว รวมทั้งกลุ่มประเทศอาเซียนนี่แหละได้ชื่อว่าเป็นดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งมีตำนานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาจากอินเดียสู่สุวรรณภูมิ คือด้านทิศตะวันออกจากอินเดียสู่พม่า ไทย มาเลย์ เขมร ลาว เวียดนาม คือดินแดนส่วนที่เป็นแผ่นดิน

ส่วนที่เป็นเกาะนั้นเรียกสุวรรณทวีป

ก็ประเทศกลุ่มอาเซียนทั้งหมดนี่แหละคือสุวรรณภูมิ อันหมายถึงแผ่นดินทอง

จำง่ายๆ ให้คล้องจองโดยแบ่งเป็นกลุ่มแผ่นดินเชื่อมต่อกันเป็นสุวรรณภูมิดังนี้

มาเลย์ ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า ไทย

กลุ่มแผ่นดินเกาะเป็นสุวรรณทวีป ดังนี้

ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บรูไน

สิบประเทศพอดี

ทั้งสุวรรณภูมิและสุวรรณทวีป รวมเป็นกลุ่มอาเซียน เป็นแผ่นดินพื้นที่ภูมิศาสตร์เขตร้อนหนึ่งในเจ็ดเปอร์เซ็นต์ของโลกที่มีทรัพยากรธรรมชาติถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของโลก

ที่ซึ่งมหาอำนาจเขม้นหมายเขมือบมองจ้องตาเป็นมันอยู่นี่ไง

อันนั้นก็ว่ากันไปดังเห็นอยู่ เหลือแต่พม่านี่แหละกำลังเป็นฉากใหญ่ให้ได้ดู โปรดอย่ากะพริบตา

 

จะชั่วดีถี่ห่างอย่างไร สำคัญสุดของแผ่นดินพม่าคืออารยธรรมวิถีพุทธที่เริ่มต้นและสืบทอดมาจนทุกวันนี้ โดยเฉพาะอารยธรรมมอญ

แม้มอญจะกลายเป็นชนเผ่าไม่มีประเทศหรือราชอาณาจักรมอญ ดังมีมาแต่ดั้งเดิมก่อนจะเป็นพม่าในวันนี้ แต่สิ่งที่มอญไม่เคยสูญสิ้นเลยแม้จนวันนี้ ก็คืออารยธรรมมอญ

โดยเฉพาะวิถีพุทธ

มหาเจดีย์ชเวดากองเป็นองค์เอกลักษณ์ของอารยธรรมมอญ ยิ่งใหญ่ยืนยันไม่มีวันล่มล้างได้ตราบถึงทุกวันนี้

ทุ่งเจดีย์พุกามคือสัญลักษณ์ของวิถีพุทธที่แม้ชนเผ่าพม่าเมื่อสลายอาณาจักรมอญได้ แต่พม่าเองก็นับถือพุทธเช่นกันจึงเกณฑ์ชาวมอญสร้างมหาเจดีย์น้อยใหญ่เพื่อสืบศรัทธาในจิตวิญญาณวิถีพุทธของชาวมอญด้วยโดยปริยาย

ดังเรียกเจดีย์มอญด้วยน้ำมือของชาวมอญ จนเรียกอิฐที่สร้างเป็นแบบนี้ว่า “อิฐมอญ” มาจนวันนี้

 

อารยธรรมมอญที่ยังทรงอิทธิพลสำคัญอยู่ในพม่าอีกอย่างคือ “ทานาคา” แป้งทาหน้าสีเหลืองเหมือนขมิ้น ที่นิยมกันอยู่ แม้ชนเผ่าอื่นในพม่าด้วย

ทานาคาเป็นสัญลักษณ์ของ “หน้าพระ” หรือพระพักตร์ขององค์พระปฏิมา โดยเฉพาะพระมหามัยมุนี อันประดิษฐาน ณ กรุงมัณฑะเลย์

ทุกเช้าตรู่จะมีพิธีสรงน้ำล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี โดยพระสงฆ์เป็นผู้สรงน้ำล้างพระพักตร์หรือหน้าพระทองคำ ขัดสีฉวีวรรณจนอร่าม สุดท้ายจะใช้พัดใหญ่โบกลมให้แห้ง

แสงอร่ามบนพระพักตร์นี้คือที่มาของการทาหน้าด้วยแป้งทานาคาบนหน้าของชาวมอญตรงตำแหน่งที่เห็นเปล่งประกายชัดเจนบนพระพักตร์พระพุทธรูป คือหน้าผาก สันจมูก โหนกแก้ม และคาง

แป้งทานาคาบนใบหน้าชาวมอญก็อยู่ตามตำแหน่งนี้

มีโอกาสได้เห็นแม่ชาวมอญแต่งหน้าให้ลูกสาว ดูแล้วก็คือการล้างหน้าพระอย่างพระมหามัยมุนี เพราะเสร็จแล้วก็ใช้พัดโบกให้แป้งทานาคาแห้ง เปล่งประกายอร่ามอย่าง “หน้าพระ” นี่เอง…สาธุ

นึกถึงเพลงร้องเล่นเด็กจำได้แต่เล็กว่า

“จ้ำจี้มะเขือเปราะ กะเทาะหน้าแว่น พายเรืออกแอ่น กระแท่นต้นกุ่ม สาวๆ หนุ่มๆ อาบน้ำท่าไหน อาบน้ำท่าวัด เอาแป้งไหนผัด เอาพัดไหนโบก เอากระจกไหนส่อง เยี่ยมๆ มองๆ นกขุนทองร้องวู้!”

ร้องไปร้องมาเหมือนจะตกวรรคที่ว่าไปแล้วคือ “เอาพัดไหนโบก”

ใครทำตกหายไปเล่าหนอ

 

ทานาคา

 

๐ เดือนเอยเดือนหงาย

ดาวกระจายเดือนผจงขึ้นทรงกลด

ทานาคาทาทองผ่องเพ็ญยศ

งามหมดจดแจ่มละไมเป็นใยยอง

ประนมนิ้วนวลแก้มแจ่มจรัส

เอาแปรงปัดพัดโบกกระจกส่อง

พิศดูเดือนดาวเด่นยังเป็นรอง

ไม่เหมือนนวลหน้าน้อง…อุแม่เอย ฯ

๐ ทาเอยทานาคา

ทาหน้าข้าหน้าน้องพักตร์ผ่องผิว

ประจงจัดปาดป้ายด้วยปลายนิ้ว

เป็นลายริ้วลายทองผ่องประไพ

เอาท่อนทานาคามาฝนเปลือก

ไล้นิ้วเกลือกน้ำกลั้วค่อยเกลี่ยไกล่

ประพิมพ์พักตร์ลักยิ้มยิ่งพิมพ์ใจ

งามเหมือนใบหน้าน้องปิดทองเอย ฯ