ท่ามกลางกระแสข่าว ‘ยุบสภา’ ที่เกิดขึ้น จากความเคลื่อนไหวฝั่งรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ หลัง ‘เสี่ยต่อ’เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการ ปชป. ให้เร่งแต่งตั้งตัวแทน-สาขาพรรคให้ครบทุกเขต เตรียมพร้อมอุบัติเหตุทางการเมือง-ยุบสภา

ในส่วนพรรคพลังประชารัฐ ก็มีความเคลื่อนไหว ผ่าน ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม หลังมีมติ ครม. ให้ 29 รัฐมนตรีให้รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดตามแนวทาง “ขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน”

โดยชื่อในภาพรวมยังคงอยู่บน “ฐานเสียง” ของแต่ละพรรค แต่ที่ถูกโพกัสถูกลงตำแหน่งแบบ “ข้ามห้วย-ผิดหัวผิดฝา” คือ ‘สินิตย์ เลิศไกร’ ส.ส.สุราษรฎ์ธานี ปชป. และ รมช.พาณิชย์ ที่ต้องรับผิอชอบ จ.หนองบัวลำภู และ จ.ร้อยเอ็ด

ส่วนผู้ดีแลพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี กลับเป็นฝั่งพรรคภูมิใจไทย คือ ‘พิพัฒน์ รัชกิจประการ’ รมว.ท่องเที่ยวฯ ที่รับผิดชอบ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.กระบี่ โดย ‘พิพัฒน์’ เป็นสามี ‘นาที’ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ภท. ที่มีฐานเสียงอยู่ที่ จ.สตูล

ส่วนอีกคนที่ถูกโฟกัสคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พปชร. และ รมช.เกษตรฯ ที่รับผิดชอบ จ.สงขลา จ.นครศรีธรรมราช และ จ.ภูเก็ต เรียกได้ว่า ‘โยกข้ามภาค’ ด้วยผลงานการันตีชนะเลือกตั้งซ่อม เมืองคอน เขต 3 พร้อมยกให้ ‘อ.แหม่ม-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์’ รมช.แรงงาน รับผิดชอบ จ.พะเยา จ.เชียงราย และ จ.น่าน แทน

แต่อีกสเต็ปของความเคลื่อนไหว คือ การตั้ง ‘พรรคสำรอง’ ขึ้นมา โดยผู้ที่ถูกโฟกัสคือ ‘ปลัดฉิ่ง’ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดมหาดไทย ที่จะเกษียณฯ ก.ย.64 ซึ่งชื่อพรรค ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยชื่อที่มาแรงคือ ‘พรรคเศรษฐกิจไทย’ กับล่าสุดคือ ‘พรรคไทยชนะ’ฃหากถามถึง ‘คอนเนคชั่น’ ของ ‘ปลัดฉิ่ง’ ต้องเรียกว่า ‘แผ่บารมี’ แบบเงียบๆไปทั่ว ด้วยบุคลิก ‘โลว์โปร์ไฟล์’ แต่สร้าง ‘เส้นบุญคุณ’ แผ่ขยาย ทั้งในรั้วมหาดไทย กลายเป็น ‘ยุคสิงห์ดำผงาด’ และในแวดวงการเมือง

โดยเฉพาะปรากฏการณ์พบกับ ‘โจ้’ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่ ‘ปลัดฉิ่ง’ ไปเป็น ประธานงานวันเกิด ‘คุณแม่เตือนใจ จรัสเสถียร’ อายุครบ 70 ปี ที่ จ.มหาสารคาม ซึ่ง ‘เสี่ยโจ้’ ก็มีพรรคพวก ส.ส. ในเพื่อไทย ราว 10 คน และเป็นอีก ส.ส. ที่สายตรงถึง ‘นายใหญ่ทักษิณ’ ได้ด้วย รวมทั้งมีคอนเนคชั่นถึงพรรคภูมิใจไทย-พรรคประชาธิปัตย์ โดย ‘ปลัดฉิ่ง’ เป็นชาว จ.สุราษฎรธานี บ้านเดียวกับ ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’

ซึ่งว่ากันว่าพรรคที่จะตั้งขึ้นนี้ จะมีภาพลักษณ์เป็น ‘พรรคสายกลาง’ เพื่อเปิดประตูรองรับ ‘ส.ส.สลับขั้ว-ย้ายข้าง’ ได้ง่ายขึ้น แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือบุคคลใดจะมาเป็น ‘หัวหน้าพรรค’ ในอนาคต ซึ่งชื่อที่เป็นข่าวออกมาคือ ‘อดีตนายทหาร-ตร.’ นั่นคือ ‘บิ๊กแป๊ะ’พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. และ ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผบ.ทบ. ซึ่งทั้ง ‘บิ๊กแดง-บิ๊กแป๊ะ’ เป็นเพื่อนรัก ตท.20 แม้ ‘บิ๊กแป๊ะ’ จะไม่จบเตรียมทหาร แต่ก็ได้รุ่นเป็น ตท.2036 (นรต.36)

แต่ชื่อ พล.อ.อภิรัชต์ ถูกตั้งคำถามว่ามาได้อย่างไร โดย ‘บิ๊กแดง’ กับ ‘ปลัดฉิ่ง’ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมายาวนานหลายสิบปี ผ่านทางสาย ‘ปฤถา พรหมเลิศ’ ภรรยาของ ‘ปลัดฉิ่ง’ โดยในวันงานแต่งบุตรสาว ‘ปลัดฉิ่ง’ ก็พบว่า ‘บิ๊กแดง’ ถือเป็นแขกคนสำคัญ ที่ได้ไปร่วมแสดงความยินดีด้วย

ทว่าสถานะของ ‘บิ๊กแดง’ ขณะนี้ ไม่สามารถลงมาสู่ถนนการเมืองได้ อีกทั้งต้องเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี หลังพ้นตำแหน่ง ส.ว. มา ส่วน ‘บิ๊กแป๊ะ’ ยังคงมีชื่อลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. แต่ว่ากันว่า ‘บิ๊กแป๊ะ’ ไม่ได้หวังเป็นแค่ผู้ว่าฯกทม. แต่มองไปถึง ‘การเมืองสนามใหญ่’ ด้วย เพราะต้องเว้นวรรคการเมือง 2 ปี หลังพ้นการเป็น ส.ว. จึงมาลงสนามท้องถิ่นไปพรางก่อน

จึงต้องจับตาหลัง ‘ปลัดฉิ่ง’ เกษียณฯ ก.ย.64 ถึงบทบาท ‘ผู้นำพรรค’ ป้ายแดง และกระแส ‘ยุบสภาเมื่อพร้อม’ เป็นสูตรการเมืองยุครวมศูนย์ จะขยับใหญ่เท่าใด เพราะในฝั่ง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ผ่านมา 2 ปี ย่อมต้องมีการ ‘ผลัดใบ’ และต้องฟอร์มทีมใหม่ และย่อมมีทั้งคนเข้าคนออก

รวมทั้งภารกิจปูทาง ‘ผ่องถ่าย’ ปูทาง ‘3ป.’ ลงจากอำนาจ ย่อมต้องมี ‘หลักประกัน-ทายาท’ ไม่ให้โดนตาม ‘เช็กบิล’ ภายหลังได้

จะ ‘ชนะ’ สมชื่อไหม !!