สรุปข่าวมติชนสุดสัปดาห์

 

“ประยุทธ์” ไม่ไปประชุมอาเซียน

ส่ง “ดอน” ถก “มิน อ่อง ลาย” แทน

จากกรณีที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 24 เมษายนนี้ โดย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาจะเดินทางไปร่วมประชุมด้วย ถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกของผู้นำทหารเมียนมา ภายหลังจากทำการรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และได้ปราบปรามประชาชนที่ต่อต้านอย่างหนัก

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แจ้งว่าจะไม่เข้าร่วม โดยมอบหมายให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประชุมแทน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะพูดถึงสถานการณ์ในเมียนมา โดยอ้างว่ามีความสลับซับซ้อนมาก แต่รัฐบาลได้ดำเนินการอยู่ในหลายช่องทางด้วยกัน เพื่อให้เกิดความสงบโดยเร็ว ในฐานะที่เป็นอาเซียนด้วยกัน

 

จับตา “มท.” หว่าน 4.5 หมื่นล้าน

ลงพื้นที่ ส.ส.รัฐบาล-ก่อนยุบสภา

นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย (พท.) ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า อยากตั้งข้อสังเกตกรณีที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) ออกหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้จัดทำคำขอเพื่อทำโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น ระดับพื้นที่ วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท จึงต้องจับตาการจัดโครงการและรูปแบบที่จะเร่งรัดงบประมาณให้กับพื้นที่ของนักการเมืองฝั่งรัฐบาล เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง และอาจเกิดการยุบสภาหลังผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565

 

รบ.เตรียมคลอดแพ็กเกจ

กระตุ้น ศก.สู้โควิดลุย พ.ค.นี้

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกทีมเศรษฐกิจหารือถึงมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ระลอก 3 โดยจะมีมาตรการกระตุ้นการลงทุนที่จะออกมาเป็นแพ็กเกจประมาณเดือนพฤษภาคม และจะเริ่มมาตรการได้ในเดือนมิถุนายน อาทิ คนละครึ่งเฟส 3 เราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงมี พ.ร.ก.กู้เงินสินเชื่อฟื้นฟู และพักทรัพย์พักหนี้ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการใหม่เพื่อสนับสนุนให้คนมีเงินออมที่มีอยู่ 6-7 แสนล้านบาทให้ออกมาใช้จ่าย