เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท/Onkyo TX-SR393 5.2-Channel AV Receiver (จบ)

เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท [email protected]

 

Onkyo TX-SR393

5.2-Channel AV Receiver (จบ)

 

แม้จะดูรู้อยู่ในที ว่าเครื่องนี้ผ่านการใช้งานมาแล้ว และควรผ่านพ้นระยะ Burn-In ที่สามารถนำมาใช้งานแบบฟังเอาการเอางานได้เลยก็ตามที ผมก็ยังขอเริ่มทำความรู้จักกันและกันด้วยวัตรปฏิบัติแบบเดิมๆ ของผมก่อน

นั่นคือเริ่มด้วยการฟังเพลงที่ให้เครื่องทำงานแบบสเตอริโอ 2-แชนเนล พร้อมนำลำโพงแบบวางหิ้ง มาต่อเข้ากับขั้วต่อลำโพงชุด Front ของเครื่องเพียงคู่เดียว

ซึ่งหลังจากเข้าไปดูรายละเอียดต่างๆ ในคู่มือการใช้แล้ว พบว่าการเซ็ตอัพลำโพงให้ฟังเพลงแบบ 2-แชนเนล สเตอริโอ นั้นไม่มี เพราะจะเริ่มให้ตั้งค่าระบบตั้งแต่ 2.1 เป็นต้นไป

จึงเพื่อให้รับรู้อรรถรสของเสียงดนตรีจริงๆ ก็เลยไป Off สับ-วูฟเฟอร์ พร้อมๆ กับ Off ลำโพงเสมือนจำลองเสียงด้านบนที่ฟังก์ชั่น Speaker Virtualizer ด้วย เพราะลำโพงนี้จะถูกตั้งค่าให้เปิด หรือ On เป็น Default Value มาจากโรงงาน

หลังจากที่ได้อุ่นเครื่องทำความรู้จักกันด้วยเสียงดนตรีหลากรูปแบบ หลายลีลา ที่มีทั้งงานบันทึกการแสดงสดแบบ Live ในแจ๊ซ คลับเล็กๆ กับเครื่องดนตครีอะคูสติกไม่กี่ชิ้น ผ่านไปยังบางอัลบั้มที่เป็นแจ๊ซแบบ Big Band รวมทั้งงานในแนว Standard แล้วมาต่อกันด้วย Pop กับ Country

ก่อนจะจบเสียงเพลง เสียงดนตรี ด้วยงานคลาสสิคทั้งขนาดใหญ่แบบ Symphony กับวง Orchestra และงานที่ใช้เครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้นแบบ Chamber Music กับวง String Quartet

พบว่าเอวี รีซีฟเวอร์ เครื่องนี้ทำงานกับเพลงและดนตรีหลากรูปแบบที่นำมาเล่นด้วยแบบสอบผ่านชนิดพอเอาตัวรอดได้สบายๆ

คือให้ความเพลิดเพลินออกมาได้ในระดับน่าพึงพอใจ ยิ่งเอาราคาค่าตัวมาเป็นตัวตั้งด้วยแล้ว กับเงินแค่นี้ให้เสียงดนตรีออกมาได้อย่างนี้ แถมยังมีคุณสมบัติอื่นที่สามารถให้ความบันเทิงในรูปแบบของระบบเสียงโฮม เธียเตอร์ ผนวกเข้ามาด้วยอีก คิดเพียงแค่นี้ (ที่แม้จะยังไม่ได้ลองเล่นแบบที่ว่า) ก็เห็นความคุ้มค่าขึ้นมาเป็นเงาๆ แล้วล่ะครับ

ว่าแล้วก็ไปลองแบบที่ว่ากันต่อเลยดีกว่า

 

แต่ก็ยังไม่ได้ลองเล่นเต็มรูปแบบ หรือเต็มระบบที่เครื่องกำหนดมาเป็น 5.2 ดอกนะครับ คือเครื่องมาถึงผมขณะนั่งทำงานอยู่ที่คอนโดมิเนียม ยังไม่ได้ยกกลับไปลองเล่นในห้องที่บ้าน กอปรกับห้องที่คอนโดฯ นี่ ผมมีชุดแบบ 3.1 ใช้อยู่สำหรับดูหนังฟังเพลงแบบเอาเพลินที่พอได้ความอยู่แล้วกับห้องลักษณะสตูดิโอ พื้นที่ใกล้ๆ 40 ตารางเมตร ก็เลยได้ลองแบบง่ายๆ เบื้องต้นเพียงแค่เอา Onkyo TX-RS393 เครื่องนี้ เข้าไปแทนที่แอมป์เซอร์ราวด์ที่ใช้อยู่ ก็เป็นอันใช้การได้เลย

คือเอามาลองเล่นเป็นระบบ 3.1-แชนเนล กับลำโพงคู่หน้า ลำโพงเซ็นเตอร์ และเพาเวอร์-สับวูฟเฟอร์ ร่วมกับทีวีและเครื่องเล่นแผ่นที่ใช้อยู่ ซึ่งเป็น Multi-Disc Player

จากนั้นก็เข้าไปเซ็ตอัพเครื่องกับลำโพงให้ทำงานร่วมกันในรูปแบบ 3.1 ซึ่งไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด เพราะเมนูออกแบบมาให้ทำตามได้อย่างง่ายดาย

หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยก็หยิบแผ่นใกล้มือมาลอง พบว่าบรรยากาศเสียงที่ให้ออกมานั้นเป็นที่น่าพอใจไม่น้อย จนอดคิดไม่ได้ว่าระบบเพียงแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับประชาชนชาวแฟล็ต (ยุคก่อน) หรือมนุษย์คอนโดฯ ในปัจจุบันได้แล้ว โดยเฉพาะกับผู้คนรุ่นใหม่ๆ ในยุคนี้ ที่มักจะชอบอาศัยอยู่ในบ้านกล่องคอนกรีต และสามารถเข้าถึงความบันเทิงทั้งทางด้านภาพและเสียงได้ง่ายแบบไร้สาย ผ่านผู้ให้บริการที่มีอยู่หลากหลาย

ทำให้นอกจากประหยัดพื้นที่เพราะไม่ต้องเผื่อที่ทางสำหรับจัดเก็บซอฟต์แวร์ เหมือนคนรุ่นก่อนอย่างผมที่ชั้นวางในห้องมีตั้งแต่แผ่นเสียง ม้วนเทป แผ่นซีดีเพลง แผ่นเลเซอร์ ก่อนจะมาเพิ่มจำพวกแผ่นเอสเอซีดี แผ่นดีวีดี และแผ่นบลู-เรย์ในวันนี้ ให้สิ้นเปลืองทั้งพื้นที่และหนักชั้นวางอีกต่างหาก

นั้นเอง, ที่ทำให้รู้สึกว่าหากต้องการความบันเทิงภายในพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด อย่างคอนโดมิเนียม ที่ต้องแบ่งปันพื้นที่ให้กับแต่ละภาคส่วนของกิจกรรมในชีวิตประจำวันแล้วละก็ รูปแบบของการดูหนัง ฟังเพลง ผ่านสตรีมมิ่งจากผู้ให้บริการด้วยการติดตั้งระบบเสียงแบบ 3.1 ก็น่าจะได้ทั้งอรรถรสและบรรยากาศเสียงอย่างเพียงพอแล้ว มิพักต้องใส่เต็มระบบที่ต้องเริ่มต้นแบบ 5.1 คือไม่จำเป็นต้องใส่ลำโพงให้บรรยากาศเสียงด้านหลังหรือด้านข้างก็ได้

ยิ่งทุกวันนี้เอวี รีซีฟเวอร์ รุ่นใหม่ๆ มักจะมีฟังก์ชั่นเสริมเสียงด้านบนด้วยลำโพงเสมือนให้มาด้วยแล้ว (อย่างเครื่องนี้ แม้จะเป็นรุ่นเล็กสุดในซีรีส์ ก็ยังมีฟังก์ชั่นนี้ให้)

สำหรับผมแล้ว ผมให้รู้สึกว่าเพียงพอต่อความต้องการละ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อนำมันกลับไปเล่น (เกือบ) เต็มประสิทธิภาพที่มีในตัว (ใช้แอ็กทีฟ สับ-วูฟเฟอร์เพียงตู้เดียว) ด้วยระบบ 5.1 มันยิ่งให้การทำงานที่ออกจะคุ้มค่าเอามากๆ

เพราะอย่างที่บอกไปนั่นแหละครับ คือราคาค่าตัวมันแค่เกินเลยหมื่นกลางๆ ไปนิดเดียวเอง

ด้วยเพียงแค่ดูจากคุณสมบัติที่ผนวกเข้ามาไว้ในตัว ก็แทบไม่น่าเชื่อแล้วล่ะครับ ลำพังกำลังขับแชนเนลละ 80 วัตต์, ที่โหลด 8 โอห์ม ก็นับว่าอยู่เหนือเกณฑ์ระดับมาตรฐานเครื่อง Entry Level แล้ว แต่นี่ยังสามารถทำงานกับโหลด 6 โอห์ม ได้สบายๆ และให้กำลังขับได้มากถึง 155 วัตต์/แชนเนล ทั้งยังใช้ภาคจ่ายกระแสหรือเพาเวอร์ ซัพพลาย แบบ High Current อีก จึงวางใจได้ในเรื่องกำลังขับว่าเป็น ‘วัตต์’ ที่จริงแท้แน่นอน เพราะฉะนั้น จึงมิพักต้องเป็นกังวลเรื่องการทำงานกับลำโพงในกลุ่ม Budget ด้วยกันแต่อย่างใด

สำหรับการทำงานในระบบ 5.1 ที่เป็นมาตรฐานเริ่มต้นของระบบเสียงแบบโฮม เธียเตอร์ นั้น เอวี รีซีฟเวอร์เครื่องนี้รังสรรค์เสียง และบรรยากาศเสียงโดยรวม ของซาวด์แทร็กออกมาได้อย่างสมบูรณ์พอ และครอบคลุมพื้นที่ใช้งานไม่ว่าจะเป็นในห้องส่วนตัว หรือในห้องนั่งเล่นเพื่อทำหน้าที่เป็นสื่อกลางความบันเทิงของทุกคนในครอบครัว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยหากใช้งานในห้องเปิดอย่างห้องพักผ่อน ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขก ยังได้เปรียบเครื่องอื่นๆ ในระดับเดียวกันตรงที่มี Pre-Out สำหรับต่อใช้งานกับแอ็กทีฟ สับ-วูฟเฟอร์ ได้ถึงสองชุด

จึงมิพักต้องเป็นกังวลเรื่องพลังเสียงในย่านความถี่ต่ำๆ แต่อย่างใด

 

และอีกสองคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้รู้สึกว่าเอวี รีซีฟเวอร์ เครื่องนี้ให้ความคุ้มค่าอย่างเหนือชั้นกว่าก็คือ การผนวกฟังก์ชั่นรังสรรค์บรรยากาศเสียงจากลำโพงเสมือน หรือ Speaker Virtualizer ซึ่งทำงานเสริมในลำโพงชุด Front กับการใส่ Bluetooth เข้ามาเพื่อรองรับการเล่นแบบไร้สายกับไฟล์เสียงได้อย่างสะดวกนั้นเอง

นอกจากนั้นแล้ว, ทางด้านอินพุตต่างๆ ก็มีให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Analogue In หรือ Digital In โดยอะนาล็อกมีให้ถึงสามชุด ขณะที่ดิจิตอลนั้นมีให้ครบทั้งออพทิคอลและโคแอ็กเชียล ทั้งยังมีพอร์ต HDMI ให้ถึงห้าชุดอีกต่างหาก

เรียกว่ามาครบแบบจัดเต็มมากจริงๆ

จึงกับราคาค่าตัวหมื่นหกหมื่นเจ็ดนี่ ถ้าไม่บอกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้ว ก็ไม่ทราบว่าจะพูดอย่างไรได้แล้วล่ะครับ