ศึกชิงเก้าอี้ “นายกเล็ก” “ช้างล้ม” “ยักษ์ล้ม” / ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

ศึกชิงเก้าอี้ “นายกเล็ก” “ช้างล้ม” “ยักษ์ล้ม”

 

ศึกเลือกตั้ง “นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล” เพิ่งดวลเดือดเสร็จลงไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ต่อคิวประชาธิปไตยทางตรงจากประชาชนพลเมือง จาก “นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด” และ “สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด” ที่กรุยทางนำร่องไปก่อนเมื่อเดือนธันวาคม

การเลือกตั้งระดับเทศบาลจำนวน 2,472 แห่งทั่วประเทศ ผลดังที่ทราบ พลิกล็อกวินาศสันตะโร เซียนอยู่รูหมูอยู่ตึก แชมป์เก่าผูกขาดมาหลายยุคหลายสมัย ร่วงกราวรูด ตกเก้าอี้กันระนาว

การเมืองเป็นสิ่งเปราะบาง ไม่มีใครประสบชัยชนะทุกครั้งและตลอดไป ไม่ว่าใคร “อย่าทะนงตน” …น้ำพายเรือได้ก็คว่ำเรือได้เช่นเดียวกัน

ศึกชิงเก้าอี้ “นายกเล็ก” หลายสนาม “ช้างล้ม” ที่เสียงดังกึกก้องกัมปนาทมากสุด ท่านต่อมึนตึ้บไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นกันตามๆ คือสนามเพชรบุรี เมื่อ “พลยุทธ อังกินันทน์” ตระกูลที่ผูกขาดการเมือง โดยเฉพาะนายกเทศมนตรี เหมือนสมบัติผลัดกันชมของ “อังกินันทน์” ผูกขาดกันแค่ญาติวงศ์พงศา ตกทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นตา ผ่านรุ่นพ่อ สู่รุ่นลูก รุ่นหลานนานถึง 50 ปี

คาบนี้เสียรังวัด ยกเก้าอี้ให้กับ “กิตติพงษ์ เทพพานิช” หัวหน้ากลุ่มก้าวใหม่ใจเพชร แบบคาดไม่ถึง

อีกหลายเขตเลือกตั้งมีการเปลี่ยนสบู่โกนหนวด งอกงามขึ้นมาใหม่แบบคาดไม่ถึง อาทิ “นายกหาดใหญ่” ก็ด้วย “ไพร พัฒโน” อดีตนายกหาดใหญ่ พ่ายยับให้กับ “พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี” หัวหน้าทีมพี่หลวงคร อดีตผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

เขารูปช้าง จ.สงขลา “ประสงค์ บริรักษ์” ที่ครองเก้าอี้มา 17 ปี เสียแชมป์ให้กับ “จักรธร สิริแสง” หรือเทศบาลนครสงขลา “ศรัญ บิลพัฒน์” โค่น “สมศักดิ์ ตันติเศรณี” นายกเก่าลงได้

ที่เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี “ประเสริฐ บุญประสพ” ล้มแชมป์เก่า “ธีระกิจ หวังมุทิตา” อดีตนายก 7 ปี ขณะที่ “นครศรีธรรมราช” ตระกูล “เกตุชาติ” ที่ครองแชมป์ “นายกเล็ก” มายาวนาน 9 ปีตั้งแต่ยุค “สมนึก เกตุชาติ” งวดนี้ลูกชาย “กณพ เกตุชาติ” กลับมาทวงความยิ่งใหญ่กลับคืนได้อีกคำรบ

ข้ามฟากมาที่ภาคกลาง สนุกไม่ใช่เล่น หลายจังหวัด “ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง” ลูกชาย “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” หรือ “บิ๊กแจ๊ส” ที่เพิ่งหักด่านโค่น “ชาญ พวงเพ็ชร” ยึดหัวหาดนายก อบจ.ปทุมธานีมาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 แซงทางโค้งเบียดเข้าป้ายชนะ “เดชา กลิ่นกุสุม” นายกนครรังสิต 3 สมัยไปแบบเฉียดฉิว 5 คะแนน

ที่รักษาเก้าอี้เดิมกลับคืนมาได้หลายเทศบาล อาทิ “สมนึก ธนเดชากุล” นนทบุรี “วิชัย บรรดาศักดิ์” นครปากเกร็ด “สมทรง สรรพโกศลกุล” พระนครศรีอยุธยา “เสรินทร์ แก้วพิจิตร” นครปฐม “ประภาพร อัศวเหม” นครสมุทรปราการ

และที่น่าจับตา “ชลบุรี” เทศบาลเมือง “สุติกรณ์ จำเริญพานิช” สังกัด “เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทะลวงลำไส้เครือข่าย “คุณปลื้ม” ลงไปได้อีกหลายที่นั่ง แบบ “เจาะไข่แดง” โดยแบ่งกันชม ให้ “บ้านใหญ่” เฉพาะพื้นที่รอบนอก

สรุปในเบื้องต้น ในสนามภาคใต้และภาคกลาง พอจะนำมาเป็นมาตรวัดได้ว่า อดีตนายกเมืองเจ้าเก่า ที่ผูกขาดเก้าอี้มายาวนาน ฟ้าใกล้สางลางไม่ดี “ด้ามขวานทอง” อาณาจักรที่ทรงพลังของประชาธิปัตย์ เริ่มสั่นคลอนขนาดหนัก

หากไม่ปรับจูนโมเมนตัมกันเนิ่นๆ ในตอนนี้ เชื่อว่าเลือกตั้งใหญ่สมัยหน้า เสาไฟฟ้ายี่ห้อพรรคเก่าแก่ที่ครองปักษ์ใต้มาตลอด อาจจะน้ำตาตกหนักกว่านี้

เช่นเดียวกับ “บ้านใหญ่” แห่งชลบุรี เลือกตั้งใหญ่เมื่อปีที่แล้ว กับเลือกตั้งเทศบาล-นายกเมือง ที่จบลงหมาดๆ ต่อไปก็ไม่แน่ อาจจะโดยทลายห้างราพณาสูร

คลื่นลูกใหม่ นักการเมืองหน้าใหม่ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มิได้อยู่ในจุดคาดหวังมาก่อน เข้ามายึดหัวหาด เขี่ยเจ้าเก่าตกกระป๋องกันเป็นแถว

 

จากเลือกตั้งนำร่องนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 จังหวัด ตามด้วยเทศบาล และนายกเทศมนตรี ฝนทิ้งช่วงไป 2-3 เดือน เป็นคิวเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และสมาชิก อบต. พร้อมกัน 5,300 ทั่วประเทศ

ตบตูดปิดท้ายด้วยศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร หรือ “ผู้ว่าฯ กทม.” ที่คอการเมืองคาดว่าน่าจะลงตัวในปลายปี 2564 เป็นศึกช้างชนช้าง เดิมพันราคาแพง

ตอนนี้ระดับแบรนด์เนมลักชัวรี่ มีการเปิดตัวแน่นอนแล้ว 2 คนคือ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คาดว่าน่าจะสวมปลอกแขน “อิสระ” แต่โหนฐานเสียงพรรคพลังประชารัฐ ที่กล้าฟันธงเช่นนั้นก็เพราะว่า ขนาดที่ทำการยังใช้บริการที่ทำการพรรคเก่า พปชร.เลย

โดย “1 ลุง” ได้แก่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้า พปชร. และรองนายกฯ ให้การสนับสนุนเต็มตัว

“บิ๊กแป๊ะ” กองเชียร์เยอะ แนวร่วมมากทุกวงการ เดินสาย วางแผนหาเสียงมานานครัน ตั้งแต่เพิ่งเกษียณราชการเลยทีเดียว

ล่าสุดมีข่าวคลุกวงในว่า อาจจะดึงกลุ่ม “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ที่แตกตัวไปจากเพื่อไทย และมีฐานเสียงใน กทม.ดีพอประมาณ มาทำงานแนวร่วม อาจจะลักษณะส่งใครมาผูกเสี่ยว นั่งรองผู้ว่าฯ กทม. อะไรทำนองนั้น

แต่จะตกร่องปล่องชิ้นกันได้จริงหรือไม่ ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป

“บิ๊กแป๊ะ” ชนกับ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลูกผู้ชายที่ได้ชื่อกว่าแกร่งที่สุดในปฐพี โดย “ชัชชาติ” ประกาศเปิดตัวชัดแจ้งแทงตรงจุดแล้วว่า จะลงสมัครในนาม “อิสระ”

หากให้เทียบหน่วยก้าน 2 ว่าที่ผู้สมัครที่จะลงชิงดำกัน “ชัชชาติ” ในทางการเมืองโชกโชนกว่า ตรงที่เล่นกับกระแส ชิงจังหวะได้เข้าเหลี่ยมเข้าตาได้มากกว่า

แต่ “บิ๊กแป๊ะ” ก็มิใช่หมูสามชั้นมันอร่อย หาก พปชร.แอบเทฐานเสียงให้ ใช้หลักเกณฑ์ที่นั่ง ส.ส.กทม.เป็นจุดประเมินผล จะได้เปรียบ

ตัวแปรอยู่ที่พรรคก้าวไกลจะส่งใครลงสมัคร และจะเป็นเบอร์แย่งแต้มจาก “ชัชชาติ” ไปมากน้อยแค่ไหน เพราะฐานของกระแสอยู่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน

ศึกเลือกตั้งชิงผู้ว่าฯ กทม.ใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่กลับเงียบเชียบดุจป่าช้าเรไร ราวกับเดินอยู่บนถนนยามวิกาล คือแชมป์เก่ายี่ห้อ “พรรคประชาธิปัตย์”

ทำท่าจะเหี่ยวเฉา เหมือนกับ “ต้นไม้ที่ตายแล้ว”