เรื่องสั้น : รุ่งอรุณ ของชายผู้มีอายุขัย ห้าร้อยกว่าปี (จบ) / อรุณธารา

เรื่องสั้น / อรุณธารา

 

รุ่งอรุณของชายผู้มีอายุขัย

ห้าร้อยกว่าปี (จบ)

 

ประหยัดแวะไปกราบรูปปั้นของหมื่นดาบรื่นอีก อากาศยามเช้าของวันนี้ค่อนข้างหนาว ทุกลมหายใจออกเป็นควันสีขาว เขายังคิดไม่ออกว่า ต่อจากนี้ไป จะกำหนดการต่อสู้ต่อในทิศทางใด ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นจากท่านั่งคุกเข่า เขาเห็นรอยยิ้มของหมื่นดาบรื่น

อย่างที่เคยกล่าวข้างต้น เขากับหมื่นดาบรื่นมีใบหน้าใกล้เคียงกัน ตอนมีการสร้างรูปปั้นนั้น มีการถกเถียงออกเสียงออกความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง

แล้วในที่สุดสรุปกันได้ว่า เมื่อไม่มีหลักฐานใดๆ ว่าหมื่นดาบรื่นมีหน้าตาอย่างไร ก็ให้ใช้หลักการ “เหมือนค่าคิง” ในการสร้างรูปปั้น หลักการที่ว่า คือสร้างให้มีใบหน้าเหมือนกับช่างปั้นพระนั่นเอง

และบังเอิญว่า ขณะที่ช่างปั้นพระคนนั้นกำลังดำเนินการขึ้นรูปแม่พิมพ์อยู่ คืนหนึ่งเขาฝันเห็นหมื่นดาบรื่นมาหาที่บ้าน แต่ที่ประหลาดใจสุดๆ คือชายที่มีชีวิตอยู่เมื่อห้าร้อยกว่าปีที่แล้ว มีใบหน้าเหมือนกับประธานสภาวัฒนธรรมตำบลทุกประการ

ดังนั้น ตอนใส่เครื่องเคราลงไปในใบหน้าของชายชาตินักรบโบราณ เขาจึงแอบใส่ลักษณะบางอย่างของประหยัดลงไปด้วย ซึ่งต่อมาเรื่องการผสมผสานนี้มีคนจับได้

กลับมาถึงบ้านประหยัดนึกได้ทันที เขาจะต้องร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังกรมศิลปากร เขาจึงร่างหนังสือขึ้นมา แต่หนังสือที่ส่งไปนั้น ผ่านไปครึ่งปี กรมศิลปากรยังไม่ตอบรับกลับมาเลย

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขามีความเชื่อมั่นว่า ทางราชการจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้แน่ อย่างที่เคยให้ความสำคัญมาก่อนหนหนึ่งแล้ว จำได้ว่าทางราชการเข้ามาที่นี่อย่างคึกคัก หลังชาวบ้านได้พบเศษเครื่องเคลือบดินเผาโบราณในปีสองพันสี่ร้อยเจ็ดสิบห้า

ในหนนั้นการขุดค้นนอกจากพบเครื่องชามสังคโลกแล้ว ยังพบศิลาจารึกกับพระพุทธรูปสององค์อีกด้วย

ตามประวัติบนศิลาหินทรายซึ่งเขียนด้วยอักษรล้านนา บอกว่าหมื่นดาบรื่นสร้างพระพุทธรูปขึ้นห้าองค์ ถวายเพื่อเป็นพุทธบูชา และที่รอบฐานของพระพุทธรูปเขียนไว้ว่า “พระเจ้าฝนนี้หนักแสนทอง” (หนึ่งร้อยสามสิบห้ากิโลกรัม)

ซึ่งในขณะนั้นวัดโสสากัลละญาณมหนตารามร้าง อุโบสถหลังเล็กทรุดโทรม เจดีย์ใหญ่ก็เสื่อมสภาพอย่างหนัก ทุกอย่างถูกกาลเวลาและป่าไม้กลืนกินไป ดังนั้น พระพุทธรูปที่ขุดพบได้สององค์ จึงมอบให้วัดป่าเมี่ยงดูแลรักษา

ส่วนประวัติอื่นๆ ของพระพุทธรูปนั้นก็ไม่อาจทราบได้ เพราะศิลาจารึกสึกกร่อนไปหลายส่วน ข้อความจึงเสียหายเลือนจางไปมาก และน่าจะเป็นเพราะมีน้ำหนักแสนทองนี่เอง ชาวบ้านจึงเรียกนามพระพุทธรูปโบราณนั่นใหม่ว่าพระเจ้าฝนแสนทอง และเพื่อให้สอดคล้องกัน จึงเรียกอีกองค์ว่า พระเจ้าฝนแสนทิพย์

แต่เรื่องนี้ไม่มีการบันทึกไว้แต่อย่างใด ซึ่งรวมถึงว่า ทำไมพระเจ้าฝนแสนทิพย์ถึงได้มาอยู่ที่วัดผาซ้อนนั้นก็แสนคลุมเครือ คนรุ่นต่อมาได้แต่เดาสุ่มกันไป และเมื่อผ่านวันเวลามาหลายปี มีการบูรณะวัดโบราณขึ้นมาใหม่ แต่ด้วยว่าชื่อเก่านั้นจะขานยากลำบากปากลิ้น พวกเขาจึงตั้งชื่อใหม่ เป็นวัดพันนา ตามชื่อหมู่บ้านที่บรรพชนของพวกเขาอพยพมาเมื่อห้าร้อยกว่าปีที่แล้ว

และหลังจากนั้นอีกหลายปี พวกเขามีดำริและจัดสร้างรูปปั้นของหมื่นดาบรื่นขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึก โดยปั้นเป็นท่ายืนทรงเครื่องแต่งกายนักรบครบถ้วน เพียงขาดแต่ดาบ ซึ่งชาวบ้านลงความเห็นว่า หนนี้ท่านไม่ได้ไปรบราฆ่าฟันกับข้าศึก ท่านสร้างวัดสร้างวา ฉะนั้น รูปปั้นจึงถือจอบอย่างที่เห็น

ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลคอยจดหมายจากกรมศิลปากรไม่ไหว เขาทำหนังสือไปสอบถามหนึ่งฉบับ แล้วในที่สุดเขาได้รับจดหมายจากทางราชการ ทางนั้นตอบกลับมาว่า เรื่องนี้หน่วยงานราชการไม่อยากสอดมือเข้าไปตัดสิน มีความประสงค์ให้ชุมชนแก้ปัญหากันเอง แก้กันอย่างกลมเกลียว แก้กันอย่างรอมชอม

เพราะว่าพวกเขาไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันเลย ประวัติศาสตร์บอกว่าเป็นพี่น้องดั่งเดิมกันทั้งนั้น ประหยัดเครียดกับจดหมายนั่น เมื่อไม่สามารถพึ่งพาราชการได้ ประหยัดก็ยังไม่ยอมถอย เขาเริ่มปลุกระดมชาวบ้าน แต่ส่วนมากมักอ้างว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องทำมาหากิน เรื่องปากท้องหากไม่ใส่ใจดูแล ลูกเมียที่บ้านจะอดอยากกันหมด

ฉะนั้น สมควรแล้วหรือมายุ่งกับอดีต พระพุทธรูปอยู่ไหนไม่สำคัญหรอก พระพุทธรูปคืนไปอยู่วัดพันนาแล้วพวกเขาอิ่มท้องได้หรือไม่

เรื่องการก่อหวอดนี้ ประหยัดทำเพื่อต้องการให้กระแสเสียงของชาวบ้านพุ่งไปกดดันวัดป่าเมี่ยงกับวัดผาซ้อน โดยไม่สนคำขู่ใดๆ จากพระทั้งสองที่เคยขู่เขาไว้ แต่ทว่านอกจากชาวบ้านไม่เอาด้วยแล้ว ข้อเรียกร้องของเขาก็ยากที่จะบรรลุผลหนักเข้าไปอีก เมื่อในปีหนึ่งพระสงฆ์เจ้าคณะตำบลขยับฐานะเป็นเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าอาวาสผู้เป็นศิษย์เอกก็ได้ดิบได้ดี เป็นเจ้าคณะตำบล

ส่วนพระภิกษุที่ประจำอยู่ที่วัดพันนาซึ่งมีรูปเดียว และเป็นพระต่างถิ่น ท่านไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมืองการประวัติศาสตร์ เคยชักชวนท่านเข้าร่วมกระบวนการต่อสู้ด้วย แต่ท่านออกตัวอยู่เสมอว่า ต้องการอยู่เงียบๆ ต้องการปฏิบัติให้หลุดพ้นจากกิเลส ปรารถนาในนิพพาน เรื่องทางโลกียวิสัยไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายด้วย

สิ่งเดียวที่ท่านจะทำให้แก่เขา สิ่งเดียวจริงๆ คือให้กำลังใจ

 

ชายสูงวัยแวะมาที่โรงปั้นในวัดพันนา ช่างน้ำยังทำงานเป็นปกติ อย่างที่เคยกล่าว เป็นคนเดียวที่ยังทำงานปั้นเครื่องปั้นดินเผาอยู่ หลังจากกลุ่มสตรีแม่บ้านพังพาบไปแล้ว โดยช่างน้ำติดต่อขอเช่าโรงปั้นและเตาเผาทำงานส่วนตัว

เขาทำงานอย่างทุ่มเท โดยยังรักษาความดั่งเดิมไว้ครบถ้วน เช่น ยังสืบทอดลวดลายโบราณไว้อย่างเหนียวแน่น ลายดอกไม้เป็นอย่างไรในครั้งกระโน้น ลายดอกไม้ก็ยังเป็นอย่างนั้น

ในครั้งกระนี้ แม้กระทั่งลายปลาคู่ เขาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีบางคนตอนทำงานในนามกลุ่มสตรีแม่บ้าน ดัดแปลงเพิ่มจำนวนปลาเข้าไปเป็นสามบ้างเป็นสี่บ้าง แต่เขาไม่สนคนเหล่านั้น ยังคงอนุรักษ์ภูมิปัญญาของคนโบราณไว้อย่างไม่ตกหล่น

ต่อเรื่องนี้ประหยัดนึกชอบช่างน้ำเป็นอย่างยิ่ง และเอ่ยชมเชยอยู่ไม่ค่อยขาดปาก แต่ช่างน้ำไม่หลงเหลิงในคำหวาน แถมยังกล่าวคำเดิมๆ อย่างไม่ขาดระยะว่า การทำความจริงในอดีตให้ปรากฏเป็นความจริงในปัจจุบันนั้น ต้องระลึกหรือสำเหนียกไว้บ่อยๆ ว่า มันเป็นเรื่องแทนความจริงหรือความจริงอันทดแทน มันไม่ใช่ความจริงแท้

ที่เขาคิดอย่างนั้น สืบเนื่องจากว่า ไม่มีใครสักคนหรอกที่จะสามารถชักดึงภาพในอดีตมาแผ่ปูในปัจจุบันได้อย่างแนบสนิทหรือสมบูรณ์แบบ ด้วยว่ามันเป็นคนละภาพคนละเวลากัน

แต่กระนั้นก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะละเลย ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจรากเหง้าเก่ากอของตนเอง คนที่ไม่สนใจรากเหง้าเก่ากอของตนเองนั้น คือคนที่มีชีวิตอยู่อย่างแห้งแล้ง มีชีวิตอยู่อย่างเคว้งคว้าง และเมื่อเป็นอย่างนั้น เรายังจะเรียกชีวิตนั้นว่าเป็นชีวิตได้อย่างไร

ประหยัดกับช่างน้ำคบหาสมาคมกันเรื่อยมา ไม่เคยกินแหนงแคลงใจเลยสักครั้ง และเรื่องที่เขากำลังต่อสู้อยู่นี้ ช่างน้ำก็ไม่ขัดข้องแต่ประการใด แต่มักจะติงเตือนชายสูงวัยอยู่เนืองๆ ว่า หากมันไม่เป็นไปอย่างที่คิดหวังก็อย่าท้อแท้สิ้นกำลังใจ จงตระหนักถึงข้อเท็จจริงให้มากๆ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงร่วมสมัย

ชายชรานั่งมองช่างปั้นอย่างสบายตาสบายอารมณ์ ช่างน้ำทำงานอย่างเพลิดเพลินสนุกสนาน งานของเขาแสนประณีตยอดเยี่ยม ทางร้านค้าในสวนจตุจักร กรุงเทพฯ ต้องการงานเขาชนิดต้องงอนง้อ ปั้นได้เท่าไหร่ทางนั้นก็รับซื้อไว้หมดเกลี้ยง กำชับไม่ให้ชิ้นงานกระเด็นกระดอนไปที่อื่นอีกต่างหาก มีการจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าคราวละมากๆ แต่ช่างน้ำเป็นคนไม่ละโมบ เขารับไว้อย่างยุติธรรม

ความเป็นธรรมชาติสดใสของช่างน้ำนี้เองทำให้ชายสูงวัยทิ้งความคิดสับสนอะไรหลายอย่างออกไปได้ เขาปรารถนาจะมีชีวิตด้านเย็นสงบอย่างเขยบ้านป่าเมี่ยงคนนี้ ไม่ได้เป็นทั้งหมดก็ไม่เป็นไร เอาสักครึ่งของเขาก็เพียงพอแล้ว

 

คืนหนึ่งหลังเข้านอนไม่นาน มีเสียงปืนดังขึ้นหน้าบ้านของประหยัดสองสามนัด สิ้นเสียงปืนได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ทะยานหนีเข้าหมู่บ้านไป ประหยัดออกมาตรวจตราบ้าน ซึ่งเป็นบ้านสวน แยกมาจากหมู่บ้าน ไม่มีอะไรเสียหาย เป็นการข่มขู่ ไม่ประสงค์เอาชีวิต

แต่ทว่าภรรยาของเขาหวาดกลัวมาก เขาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามปลุกปลอบภรรยาให้คลายความหวาดผวา

หลังจากพระสองรูปที่ครอบครองพระพุทธรูปโบราณได้เลื่อนฐานะขึ้น และการคาดหวังความร่วมมือจากชาวบ้านได้ผลน้อยนิด เขาก็ไม่หยุดเคลื่อนไหว พยายามแทรกซึมชาวบ้าน โดยการปลูกฝังความคิดความเชื่อลงไป หนนี้ไม่ทำอย่างบุ่มบ่าม ค่อยๆ ทำไป ไม่หวังผลเร็ว

ดังนั้น เขารู้ว่าเสียงปืนนี้เกิดขึ้นจากอะไร อันที่จริงปีนี้อายุเลยเจ็ดสิบปีไปหลายปีแล้ว หากยังนึกกลัวตายก็น่าละอายเต็มทน แต่คนข้างๆ เขาล่ะ ภรรยาของเขา ลูกสาวสองคนของเขาล่ะ (คนหนึ่งเรียนปริญญาโท และอีกคนทำงานแล้ว ทั้งสองอยู่ที่กรุงเทพฯ) พวกเขาบอบบาง ทำใจกับการสูญเสียได้หรือเปล่า

และยิ่งเห็นภรรยาของเขาทุกข์ใจกับการถูกข่มขู่คุกคามแบบนี้ เขาก็ยิ่งต้องคิดหนัก แต่หากจะให้ทิ้งความสำนึกรักบ้านเกิดไปนั้น มันคงทำไม่ได้หรอก

ถ้าทำอย่างนั้นจริง ให้ใครเรียกเขาว่าหมาไปเลยจะดีกว่า

 

อีกหนึ่งเดือนต่อมามีเสียงปืนดังขึ้นอีกห้าหกนัด ครั้งนี้กระสุนก็ไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินใดๆ เพราะพวกนั้นยิงขึ้นท้องฟ้าเช่นเคย

แต่ความรู้สึกของภรรยาเขาย่ำแย่ลงกว่าเดิมมาก เธอร้องไห้สะอื้นหนัก คร่ำครวญและโมโหเขาตัวสั่น ปากลั่นว่าจะไม่อยู่บ้านนี้อีกแล้ว จะไปอยู่กับลูกๆ ที่กรุงเทพฯ ส่วนเขาจะตายดับอยู่ที่นี่ก็เชิญตามสบาย ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่คุ้มค่าเลยที่จะแลกเปลี่ยนอย่างนั้น

ภรรยาประกาศย้ำอย่างเด็ดเดี่ยวว่า ให้เขาเลือกเอาระหว่างความสงบสุขของครอบครัวกับพระพุทธรูปโบราณนั่น

เขารู้ว่าเป็นลูกศิษย์ลูกหาของเจ้าคณะอำเภอนั่นแหละที่ลงมือ ไม่ได้คิดอกุศลว่าพระสั่งมา แต่เป็นการทำไปเพราะโกรธแค้นแทนพระ เขาไม่บอกใครในเรื่องนี้ แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านเขาก็ไม่แจ้ง พร้อมทั้งกำชับภรรยาด้วยว่าอย่าแพร่งพรายข่าวนี้เป็นอันขาด เพราะเขาไม่ต้องการดึงเรื่องร้ายๆ ทั้งมวลเข้ามาสู่ศูนย์กลาง ศูนย์กลางการขัดแย้งนั่นแหละ

เขาว่าเขาสามารถสยบศึกทุกด้านได้ ฉะนั้น เสียงปืนก็ไม่มีวันดังขึ้นอีกที่หน้าบ้านของเขา และไม่มีอะไรจะสูญเสียในบ้านหลังนี้ด้วย

 

ช่างปั้นพระอุทานด้วยความหลากใจ ครั้นประหยัดบอกถึงความประสงค์ พระพุทธรูปหน้าตักกว้างเท่ากับของจริง ซึ่งคือสามศอก ราคาตกประมาณหนึ่งแสนบาท ซึ่งมีการสืบราคามาแล้ว

งานนี้เขาต้องการให้ช่างปั้นพระเป็นคนลงมือปั้นแบบ ส่วนเขาจะเป็นตัวตั้งตัวตีบอกบุญเรี่ยไรเงินจากผู้มีจิตศรัทธาเอง โดยตั้งเป็นกองผ้าป่าขึ้นมา

การปั้นพระเจ้าฝนแสนทององค์จำลอง เพื่อมอบให้วัดพันนานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายเท่าใดนัก แต่เขาก็ต้องทำ และหากโชคดี เงินที่ได้รับจากการทำบุญครบถ้วนในคราวเดียวก็สร้างได้เลย แต่ถ้าไม่ ก็ค่อยๆ สะสมเงินไป ส่วนพระเจ้าฝนแสนทิพย์องค์จำลองนั้น เอาไว้ทีหลัง

ประหยัดบอกข่าวนี้แก่พระสงฆ์ที่ดูแลวัดพันนา

ท่านไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่บอกว่า มีความยินดีที่เขาคิดโครงการนี้ขึ้นมา

ส่วนช่างน้ำก็มีความยินดีเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นก็อดจะแปลกใจไม่ได้ว่า สิ่งใดทำให้ชายสูงวัยคนนี้ปรับเปลี่ยนทิศทางที่จะกอบกู้หรือคืนภาพอดีตให้แก่ชุมชนแห่งนี้ไปจากแนวทางเก่า เขาจึงถาม และชายสูงวัยก็ยกคำพูดของช่างน้ำที่พูดบ่อยๆ นั่นแหละมาเป็นข้อเฉลย

เขยต่างถิ่นดีใจที่คำพูดของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประธานสภาวัฒนธรรมตำบลได้ และบอกแก่ประหยัดว่า เขายินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง รวมถึงจะใส่ซองทำบุญการจัดสร้างองค์พระพุทธรูปองค์จำลองด้วย