รายงานพิเศษ

 

จากโผเมษาฯ ทะลุโผตุลาฯ

จัดทัพ 5 ทหารคอแดง

ชิงทายาททัพไทย-ทัพบก

‘บุ๋ม-อ๊อบ-ต่อ-เนี้ยว-ตั้ง’

ทัพฟ้าร้าว!

จับตาหมากเกม ‘บิ๊กตู่’

ในการแต่งตั้งโยกย้าย หรือโผโยกย้ายนายพลกลางปี 236 นาย ที่คลอดเงียบๆ ออกมาเมื่อ 11 มีนาคมที่ผ่านมานั้น

แต่กว่าที่จะออกมาเช่นที่เห็น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะของแต่ละเหล่าทัพล้วนมีสตอรี่

โดยเฉพาะในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ขยับหลายตำแหน่ง ที่ในช่วงกว่า 5 เดือนที่ผ่านมาถูกมองว่าผิดฝาผิดตัว

เพราะจัดไว้ในยุคที่บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เป็น ผบ.ทหารสูงสุด ที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์

จึงมีการขยับบิ๊กอ๊อด พล.ท.กนกพงษ์ จันทร์นวล ผบ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) มาเป็นเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร

แล้วให้บิ๊กน้อย พล.ท.วัฒนะ พลจันทร์ ผบ.ศูนย์ต่อต้านก่อการร้าย (ผบ.ศตก.) อดีตทหารรบพิเศษ และลูกหม้อ ศรภ. กลับมาเป็น ผบ.ศรภ.แทน

เพราะเดิม พล.ท.วัฒนะเคยเป็นตัวเต็ง ผบ.ศรภ.มาก่อนแล้ว แต่ก็ถูกเบี่ยงไปเป็น ผบ.ศตก.

แต่ก้าวขยับที่สำคัญ และทำให้เห็นว่า พล.อ.เฉลิมพลวางตัวทายาทที่จะมาดูแลกองทัพไทยต่อ

คือการส่งบิ๊กบุ๋ม พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรี รอง ผบ.วิทยาลัยเสนาธิการทหาร ขึ้นเป็นพลโท ในตำแหน่ง ผบ.ศตก.แทน

ทั้งนี้ พล.ต.สุวิทย์ถูกจับตามองตั้งแต่ พล.อ.เฉลิมพลดึงตัวจากรองแม่ทัพภาคที่ 1 ข้ามมาอยู่ บก.ทัพไทย เมื่อโยกย้าย 2563 ที่ผ่านมาแล้ว

พล.ต.สุวิทย์ถือเป็นน้องรักสายทหารม้า (ตท.23) ของ พล.อ.เฉลิมพล ที่โตมาจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ด้วยกัน

ดังนั้น จึงถูกมองว่า พล.ต.สุวิทย์เข้าไลน์ลุ้นชิงเก้าอี้เป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไปอีกคน เพราะ พล.อ.เฉลิมพลจะเกษียณกันยายน 2566

และถือเป็นทหารม้าคอแดงอีกคนที่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงได้เป็นคนที่ 2

หลังจากที่ พล.อ.เฉลิมพลเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคอแดงคนแรก และเป็นทหารม้าคอแดงคนแรกที่ถูกส่งจาก ทบ. มาขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

แน่นอนว่าการข้ามห้วยของ พล.ต.สุวิทย์ จาก ทบ. ย่อมมีนัยยะสำคัญ

และย่อมส่งผลต่อนายทหารดาวรุ่งใน บก.ทัพไทย ที่เคยถูกมองว่าจะขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดได้ ทั้งบิ๊กจ่อย พล.ท.ธิติชัย เทียนทอง รองเสธ.ทหาร พล.ท.นาที วงศ์อิสเรส เจ้ากรมข่าวทหาร

แต่ดูเหมือนคนใน บก.ทัพไทยจะทำใจแล้ว ตั้งแต่บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. ส่ง พล.อ.เฉลิมพลจาก ทบ.มากองทัพไทยแล้ว นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของทหารคอแดงใน บก.กองทัพไทย

ตามมาด้วย พล.ต.สุวิทย์ และจับตามองกันว่า โยกย้ายตุลาคมนี้ ทบ.จะส่งรองเสธ.อ๊อบ พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองเสธ.ทบ. นายทหารราบคอแดง ข้ามมาโตที่กองทัพไทยหรือไม่

เพราะหากเป็นเช่นนั้น ย่อมหมายถึง พล.ต.สุวิทย์ ตท.23 กับ พล.ท.ทรงวิทย์ ตท.24 และจบนายร้อย VMI สหรัฐอเมริกา ต้องชิงเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุดกันเอง

จะกลายเป็นศึกทหารคอแดง สายทหารม้ากับทหารราบ ณ เสือป่า แจ้งวัฒนะ

แต่ในอีกมุมหนึ่ง นี่อาจเป็นดัชนีชี้วัดอนาคตอันใกล้ของ พล.ท.ทรงวิทย์ด้วยก็เป็นได้

เพราะหาก พล.อ.เฉลิมพลต้องการให้ พล.ต.สุวิทย์เป็นทายาทคอแดง ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป ทาง ทบ.ก็ไม่จำเป็นต้องส่ง พล.ท.ทรงวิทย์มาแข่ง

จึงยิ่งทำให้การโยกย้ายปลายปี ที่ก็จะเริ่มคุกรุ่นกันหลังโผเมษาฯ ไปแค่ไม่กี่เดือน ถูกจับตามองอย่างยิ่งว่า บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 จะตัดสินอนาคต พล.ท.ทรงวิทย์เช่นไร

จะให้โยกกลับไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 หรือไม่ เพราะนั่นจะหมายถึงการส่งกลับเข้าไลน์อำนาจ ที่จะชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ในอนาคต

ไม่ว่าจะแข่งกับบิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 รุ่นพี่ ตท.23 หรือจะเป็นต่อจาก พล.ท.เจริญชัยที่เกษียณกันยายน 2567 ก็ได้ เพราะเกษียณกันยายน 2568

เพราะหาก พล.อ.อภิรัชต์กองหนุน พล.ท.เจริญชัย และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่หนุน พล.ท.ทรงวิทย์ ตกลงกันได้ว่าจะให้ พล.ท.เจริญชัยขึ้นเป็น ผบ.ทบ. และต่อด้วย พล.ท.ทรงวิทย์ กองทัพก็จะสงบราบรื่น

แต่หากพลังอำนาจพิเศษที่สนับสนุน พล.ท.ทรงวิทย์ ต้องการให้ พล.ท.ทรงวิทย์ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่เกษียณกันยายน 2566 เลย ศึกทหารคอแดงรุ่นพี่รุ่นน้องในกองทัพก็คงจะร้อนระอุและเข้มข้น

แต่ไม่ว่า พล.ท.ทรงวิทย์จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.ท.เจริญชัย น้องรักนายกฯ หรือเป็นต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์เลย ก็จะเป็นการปลดแอกธรรมเนียม ทบ. ที่ว่า ผบ.ทบ.ต้องจบ จปร. ห้ามจบนอกด้วยเลยทีเดียว

การโยกย้ายตุลาคมนี้ ที่จะเริ่มจัดกันราวกรกฎาคม-สิงหาคมแล้ว จึงเป็นโผที่สะเทือนทั้งกองทัพและรัฐบาลเลยทีเดียว

ไม่ใช่แค่ชี้ชัดอนาคตของ พล.ท.ทรงวิทย์เท่านั้น แต่ยังจะมีการจัดวางตัว ผบ.ทบ.ในเจเนอเรชั่นต่อไป

เพราะในการจัดโผที่ผ่านมามีแรงกระเพื่อมใน ทบ. เพราะมีกระแสข่าวสะพัดว่า จะมีการขยับเก้าอี้ ผบ.พล.1 รอ.

พล.อ.ณรงค์พันธ์ซึ่งเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 จะจัดวางตัวขุมกำลังทัพภาคที่ 1 ใหม่ เตรียมวางตัวแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.ในอนาคต

ทั้งการดัน ผบ.เนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน ผบ.พล.1 รอ. (ตท.26) ขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ถือว่าเข้าไลน์ จ่อแม่ทัพภาคที่ 1 เพราะถือเป็นแกนนำรุ่น ที่เป็นนายทหารคอแดง มือทำงานใน ฉก.ทม.รอ.904 และเติบโตจาก ร.31 รอ. มากับ พล.อ.ณรงค์พันธ์

และจะให้ ผบ.ตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.มทบ.11 มาเป็น ผบ.พล.1 รอ.เลย ซึ่งไม่ค่อยปรากฏ ที่จาก ผบ.มทบ.11 ขึ้น ผบ.พล.1 รอ. ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญใน ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย

ทั้งนี้ พล.ต.ธวัชชัย (ตท.27) เป็นนายทหารน้องรัก พล.อ.อภิรัชต์ ที่โตมาจาก ร.11 รอ.ด้วยกัน และถูกมองว่าจะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.สายคอแดงในอนาคตอีกคนเช่นกัน

แต่ในที่สุด ในโผเมษาฯ ยังไม่มีการขยับ เพราะจะทำให้สะเทือนหลายตำแหน่ง จะทำให้โยกย้ายมากเกินไป จึงให้รอขยับในโยกย้ายตุลาคมนี้

แม้ พล.ต.ธวัชชัยน้องรักบิ๊กแดงจะมาแรง แต่ทว่าแคนดิเดต ผบ.พล.1 รอ. ยังมี ผบ.ใหญ่ พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.พล.ร.2 รอ. น้องรักทหารเสือราชินีคอแดงอีกคนของ พล.อ.ประยุทธ์

นอกจากนั้น รังสีแห่งรอยร้าวเริ่มปรากฏชัดในกองทัพอากาศ ในการจัดโผนายพลครั้งแรกของบิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. โดยมีการรื้อหลายตำแหน่งที่บิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ.คนก่อนจัดวางไว้

เดิมมีข่าวสะพัดทุ่งดอนเมืองว่า พล.อ.อ.แอร์บูลอยากคืนความชอบธรรมให้นายทหารอากาศหลายคนที่เคยถูกเด้ง แต่ก็ยังไม่ผ่านด่าน พล.อ.ประยุทธ์ที่เห็นว่า ครั้งนี้เป็นโผกลางปี จึงให้รอการโยกย้ายปลายปีเลย

ทั้งการดึงบิ๊กป้อม พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันทน์ จากรองเสธ. ทหาร บก.กองทัพไทย กลับมาเป็นเสธ.ทอ. หรือเป็น 1 ใน 5 เสืออากาศ เพราะหลังจากที่โผตุลาคม 2563 โดน พล.อ.อ.มานัตเตะโด่งพ้นทัพฟ้า ไปอยู่ทัพไทย เขี่ยออกนอกเส้นทางสู่เก้าอี้ ผบ.ทอ.

เป็นที่รู้กันดีว่า บิ๊กต่าย พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน อดีต ผบ.ทอ. ได้วางตัว พล.อ.อ.ธนศักดิ์เอาไว้ให้เป็นเสธ.ทอ. และเป็น ผบ.ทอ.ในอนาคต

แต่รอยร้าวในใจของ พล.อ.อ.มานัต กับ พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ที่มีมายาวนานก็สะเทือน พล.อ.อ.ธนศักดิ์

ที่สุดในโผนี้ พล.อ.อ.ธนศักดิ์ก็ยังไม่ได้กลับ ทอ.

กล่าวกันว่า พล.อ.อ.มานัต ตท.20 ก็ยังมีพลังอยู่บ้างเหมือนกัน แม้จะเกษียณไปเป็นชาวสวนทุเรียนก็ตาม เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่มีชื่อมาชิง กสทช.

ในโผนี้ พล.อ.อ.แอร์บูลจึงได้ย้ายแค่เบาะๆ คือ ขยับเจ้ากรมฝ่ายเสธ. ฝ่ายอำนวยการออก เข้ากรุ ทอ. แต่ก็ให้เพิ่มยศ

ทั้ง พล.อ.ท.เกตุไผท ศรีบุญญเกษ เจ้ากรมสรรพวุธทหารอากาศ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. แต่ได้เป็นพลอากาศเอก

พล.อ.ท.ธาดา เคี่ยมทองคำ ผอ.สำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคง กับ กอ.รมน.ทอ. เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. แต่ได้พลอากาศเอก

ขยับ พล.อ.ท.นพดล เพราเพริศภิรมย์ เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศ เป็น ผอ.สำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคง กับ กอ.รมน.ทอ. พล.อ.ท.ภาณุวัชร์ เปี่ยมศรี เจ้ากรมช่างอากาศ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. และเป็นพลอากาศโทตามเดิม

 

ที่ยิ่งทำให้ระยะห่างทางใจของ พล.อ.อ.แอร์บูล และ พล.อ.อ.มานัตมีมากขึ้นคือ ศึกบทความในไลน์ ที่ตอบโต้กันจากผู้สนับสนุนของทั้ง 2 ฝ่าย

ส่งผลให้ พล.อ.อ.แอร์บูลที่ถูกโจมตีมายาวนานหลายเดือน ตอบโต้ด้วยการประกาศ “เจตจำนงสุจริตในการบริหารงานกองทัพอากาศ” ว่า กองทัพอากาศจะยึดหลักซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม ปราศจากการทุจริต

และปฏิบัติตามค่านิยมหลักของกองทัพอากาศ A.I.R. (Airmanship) ความเป็นทหารอากาศ (Integrity and Allegiance) ความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี (Responsibility) ความรับผิดชอบ

“และขอให้กำลังพลกองทัพอากาศปฏิบัติตามเจตจำนงสุจริตอย่างเคร่งครัด”

จึงยิ่งทำให้ ทอ.ถูกจับตามองอย่างยิ่งว่า พล.อ.อ.แอร์บูลจะแก้ปัญหาใน ทอ.อย่างไร แบบไม่ให้ตนเองตกเป็นเป้า และนำความสงบสุข รักสามัคคีกัน กลับมาสู่ ทอ.

ที่คาดกันว่าโผโยกย้าย ทอ.ปลายปีนี้จึงเข้มข้น เพราะ พล.อ.อ.แอร์บูลต้องทิ้งทวนก่อนเกษียณ

แต่ก็เป็นช่องโหว่ที่จะทำให้การเมืองเข้าแทรกได้ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ที่เคยพยายามจะเจรจากับ พล.อ.อ.มานัตตอนเป็น ผบ.ทอ. ไม่ให้แหกกฎ ดัน พล.อ.อ.แอร์บูลขึ้นเป็น ผบ.ทอ.ม้ามืดมาแล้ว แต่ พล.อ.อ.มานัตไม่ยอม ยังคงยืนกรานชื่อ พล.อ.อ.แอร์บูลขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่อาจแทรกแซง

พล.อ.อ.มานัต ดึง พล.อ.อ.แอร์บูลจากกรุ ทอ. ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความสนิทสนมใดๆ กันมากนัก แต่เพราะ พล.อ.อ.มานัตมองว่า พล.อ.อ.แอร์บูลจะไม่เป็นพิษเป็นภัยกับตนเองมากที่สุด และคิดว่าคงคุยง่าย และจะสานต่อสิ่งที่ตนเองวางเอาไว้

โดยให้เหตุผลที่เลือก พล.อ.อ.แอร์บูลเป็น ผบ.ทอ. เพราะมีคุณสมบัติ 6 ประการ 10 Q และประเมินคะแนนได้สูงสุด แต่มาตอนนี้ พล.อ.อ.มานัตกลับเอ่ยปากกับคนใกล้ชิดว่า นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด

ทั้งนี้เพราะ พล.อ.อ.แอร์บูลมีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ได้ทำตามที่ พล.อ.อ.มานัตวางเอาไว้

เมื่อกลับตาลปัตรเช่นนี้ ก็กลายเป็นความขัดแย้ง แต่ดูเหมือนกองหนุน พล.อ.อ.แอร์บูลจะมากกว่า เพราะมีนายทหารอากาศที่ไม่แฮปปี้กับ พล.อ.อ.มานัตไม่น้อย

แต่ พล.อ.อ.มานัตยืนกรานว่า ที่ผ่านมาได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดใน ทอ.ในการปรับแก้ระบบ และทำสิ่งใหม่ๆ แม้รู้ตัวว่าจะถูกโจมตีมากแค่ไหนก็ตาม

และส่งผลให้ เสธ.หนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา เสธ.ทอ. นายทหาร ตท.23 ที่ พล.อ.อ.มานัตดันขึ้นมาให้เป็น ผบ.ทอ.ต่อจาก พล.อ.อ.แอร์บูล กลายเป็นเป้าไปด้วย

แต่แม้ พล.อ.อ.แอร์บูลจะไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเช่นกระแสข่าวในโผครั้งที่ผ่านมา แต่ก็ถูกจับตามองว่าโผตุลาคมนี้ ทัพฟ้าน่าจะเข้มข้นสุด

เพราะแม้จะมีข่าวสะพัดว่า พล.อ.อ.แอร์บูลจะสนิทสนมและสนับสนุน พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ผบ.คปอ. เพื่อน ตท.21 เป็น ผบ.ทอ.ก็ตาม

แต่กระแสข่าวที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์สนับสนุนบิ๊กต่วย พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง รอง ผบ.ทหารสูงสุด จะกลับมาเป็น ผบ.ทอ.ในโผปลายปีนี้ก็ยังคงมีอยู่

ที่ต้องรอดูว่า พล.อ.อ.แอร์บูลจะมีพลังในการต่อรองกับ พล.อ.ประยุทธ์มากน้อยแค่ไหน เพราะหากยึดเก้าอี้ ผบ.ทอ.ได้ นายกฯ ก็มีแต้มต่อใน ผบ.เหล่าทัพมากขึ้นอีก

จากที่ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ไม่มีใครได้ชื่อว่าเป็นสายตรงนายกฯ เลย ยกเว้นบิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.

ส่วน พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ก็เป็นสายตรงบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ส่วน พล.อ.เฉลิมพล ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ. ก็ถูกมองเป็นสายตรงของ พล.อ.อภิรัชต์ รวมทั้งบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. เพื่อน ตท.20 ของ พล.อ.อภิรัชต์

และนี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องสนับสนุน พล.ท.เจริญชัยให้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และกำลังจะดันขึ้น 5 เสือ ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์นั่นเอง

แม้ว่า พล.ท.เจริญชัยจะเป็นทหารคอแดง แต่ทว่าเป็นน้องรักสายทหารเสือราชินี ที่วางใจได้พันเปอร์เซ็นต์

ดังนั้น การโยกย้ายครั้งต่อไปจึงมีความสำคัญยิ่ง และจะทำให้อุณหภูมิในกองทัพระอุขึ้นจากการชิงเก้าอี้กันเองของพี่น้องและผองเพื่อนเตรียมทหาร นายร้อย จปร. นายเรือ และนายเรืออากาศ รวมทั้งนายทหารที่จบต่างประเทศด้วย

พล.อ.ประยุทธ์เองก็ไม่อาจยอมปล่อยมือออกจากกองทัพให้คนอื่นคุมอำนาจ ยึดกองทัพไปทั้งหมดได้ เพราะตราบใดที่ต้องการจะอยู่นาน จะต้องสั่งทหารทั้งกองทัพได้