ศึกสายเลือด : สำเริงคดี

ข่าวเม้าธ์เรื่องศึกเก้าอี้ดนตรีระหว่างพ่อ-ลูก ปริ๊นซ์ชาร์ลส์และปริ๊นซ์วิลเลียมยังไม่ทันจางหายจากวงนินทาหาเสี้ยนในลอนดอน ข่าวใหม่ศึกชิงบทบาทให้ลูกระหว่างพี่-น้อง ปริ๊นซ์ชาร์ลส์กับปริ๊นซ์แอนดรูว์ก็ปะทุปุดผุดโผล่

“นี่เป็นศึกสายเลือดที่ย่ำแย่ที่สุดของราชตระกูลเท่าที่ผมเคยประสบมา” ข้าราชบริพารระดับสูงนายหนึ่งกระซิบเล่

“ดูเหมือนมันจะทำให้วังแตกแยกเป็นสองฝ่าย แผนงานฉลองคริสต์มาสถูกเลื่อนออกไป แอนดรูว์ประกาศว่าจะไม่ประทับอยู่ในห้องเดียวกับชาร์ลส์อีกต่อไป ทางด้านชาร์ลส์ก็ต้องการให้ขับพวกยอร์กออกจากวังหลวง ความขัดแย้งเคืองขุ่นดูจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ”

เม้าธ์กันว่าศึกนี้จุดชนวนขึ้นโดยเฟอร์กี้ (57) ผู้ปรารถนาให้พระธิดาทั้งสองกลับสู่ศูนย์กลางอำนาจของพระราชวังอีกครั้ง

“ปริ๊นเซสเบียทริซและยูจีนนี รู้สึกว่าพวกเธอถูกกันออกห่างนับแต่ปริ๊นซ์วิลเลียมอภิเษกกับเคท” คนวงใน (วัง) เผย

“เคทยังได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากสมเด็จควีนด้วย ในขณะที่เธอทั้งสองแทบจะไม่มีตัวตน พวกเธอรู้สึกว่าตนเองเกิดในราชสกุล สมควรได้รับสิทธิพิเศษในฐานะสมาชิกพระราชวงศ์มากกว่าเคท ความรู้สึกอิจฉาและขมขื่นก่อให้เกิดความร้าวฉานระหว่างสองเจ้าหญิงกับดัชเชสออฟเคมบริดจ์”

“ซาราห์ขมขื่นเรื่อยมานับแต่การหย่าเมื่อ 20 ปีก่อน” เพื่อนสนิทของอดีตดัชเชสออฟยอร์กบอกนักข่าว

“เธอได้รับทรัพย์สินหลังหย่าน้อยมาก นั่นเป็นเหตุให้เธอมีปัญหาทางการเงินเรื่อยมา ปริ๊นซ์ฟิลลิปก็ทรงกริ้วเธอถึงขนาดไม่ยอมอยู่ร่วมในห้องเดียวกัน และเธอรู้สึกว่าปริ๊นซ์ชาร์ลส์กีดกันธิดาทั้งสองของเธอออกจากศูนย์กลางราชสกุล เพื่อลดจำนวนสมาชิกพระราชวงศ์ที่มีส่วนในเงินได้จากภาษีอากรให้เหลือน้อยที่สุด เธอจึงกระตุ้นให้แอนดรูว์ออกหน้าเรียกร้องเพื่อลูก ในฐานะที่เป็นพ่อแม่ พวกเขาไม่อยากเห็นลูกๆ ถูกปฏิบัติเสมือนเป็นเจ้าชั้นสอง”

“ซาราห์ยังหวังว่าเมื่อปริ๊นซ์ฟิลลิปสิ้นพระชนม์ เธอกับแอนดรูว์อาจแต่งงานกันใหม่ เพราะพวกเขาไม่เคยเลิกรักกัน”

ศึกนี้จึงระเบิดขึ้นเมื่อแอนดรูว์ยื่นหนังสือถึงพระราชมารดาเรียกร้องให้ปริ๊นเซสเบียทริซและยูจีนนีได้รับมอบหมายหน้าที่ของพระราชวงศ์อย่างเต็มเวลา นอกจากนั้น ยังต้องการให้พระธิดาทั้งสองได้เข้าพำนักในอพาร์ตเมนต์กว้างใหญ่ในพระตำหนักเคนซิงตัน แทนที่จะเป็นเพียงห้องประทับเล็กๆ ในพระตำหนักเซนต์เจมส์

สมเด็จควีนทรงส่งหนังสือดังกล่าวให้ราชเลขาฯ ส่วนพระองค์ และเขาไปทูลให้ปริ๊นซ์ออฟเวลส์ (67) ทรงทราบ พระองค์จึงรุดไปแจ้งพระอนุชาว่าไม่มีทางที่จะได้ตามคำร้องขอ

ว่ากันว่าศึกนี้อาจยืดเยื้อเรื้อรัง และคนที่ทุกข์ใจสุดไม่ใช่คู่กรณี แต่เป็นสมเด็จควีนนั่นเอง