สถานีคิดเลขที่12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร / พลังข้ามรัฐ

สถานีคิดเลขที่12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————-

พลังข้ามรัฐ

————————-

อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ทิ้งคำ”กบฏในระบบ”ให้ได้คิด

ในการเสวนา ‘เบรกทรูไทยแลนด์ 2021’ ในโอกาสที่หนังสือพิมพ์มติชนก้าวเข้าสู่ปีที่ 44 เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมา

“…สิ่งที่อยากให้จับตามอง คือ กบฎในระบบ เช่น ตำรวจรู้สึกว่า ไม่ไหวแล้ว ในการที่จะโดนประชาชนรุมด่าถึงขนาดนี้ …บอกเจ้านายว่าผมทำไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่อนุญาตให้ทำ ถ้าเป็นอย่างนี้ ผู้พิพากษาระดับล่างๆที่กล้าให้ประกันตัวในคดีที่เขารู้สึกว่า มันเป็นคนมามอบตัวเองแล้วจะไปจับมันไว้ทำไม อย่างนี้เป็นต้น

..ขอให้สังเกตการที่ผมเรียกกว้างๆอย่างนี้ว่า กบฎในระบบ ถ้ากลุ่มต่อต้านเคลื่อนไหวยังสามารถดำเนินงานได้ต่อไปในรูปใหญ่ๆ แบบที่เคยผ่านมาแล้ว หรือในรูปเล็กๆ เช่น ติดป้ายทั่วไปอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ก็ตามแต่ จะทำให้การกบฎในระบบเริ่มขยายขึ้น ถ้าระบบไม่สามารถร่วมมือกันในการกดขี่ประชาชนได้ ผมคิดว่าตัวระบบนี้ ถ้ามันไม่ปรับตัวมันเอง มันก็พัง…”

ผ่านมาไม่กี่วัน

ตัวอย่าง “กบฎในระบบ” ก็ปรากฏ ให้เราได้เห็น

แม้ว่าจะไม่ใช่ประเทศไทย เป็นประเทศเมียนมา แต่ก็น่าสนใจยิ่ง

ทั้งนี้สำนักข่าวต่างประเทศ หลายสำนักรายงานตรงกันว่า

นอกเหนือจาก ชาวเมียนมาหลายสาขาอาชีพ

ไม่ว่า ดารา นักร้อง วิศวกร แม่ชี เทรนเนอร์ฟิตเนส นักเล่นหมากรุก ตลอดจนกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมาอย่างชาวกะเหรี่ยง และกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านการรัฐประหารแล้ว

กลไกอำนาจรัฐบางส่วนในเมียนมา ตั้งแต่แพทย์ ครู เจ้าหน้าที่การรถไฟ รวมถึงลูกจ้างของรัฐในภาคส่วนอื่นๆได้ “ลงถนน” เข้าร่วมต่อต้านการรัฐประหารด้วย

การประท้วงจึงไม่ใช่เรื่องของภาคประชาสังคมอีกต่อไป

จึงไม่น่าประหลาดใจ ที่ พลเอกอาวุโสมิน อ่อง ลาย จะออกมาเรียกร้องให้กลุ่มผู้ประท้วงที่หยุดงานกลับไปทำงานทันที

พร้อมกล่าวโทษการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง ว่า ไร้อย่างอายและไม่มีหลักการ

สะท้อนว่า ผู้นำทหารเมียนมา กังวลกับการขยายตัวของฝ่ายต่อต้าน จึงออกมา”ปราม”อย่างรุนแรงดังกล่าว

และอาจนำไปสู่การ”ปราบ”ในอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้

แต่ ทหารพม่าจะสามารถใช้ อำนาจเหล็กได้ตามอำเภอใจ และควบคุมสถานการณ์”ราบคาบ”อย่างที่เคยทำในอดีตได้หรือไม่

โดยเฉพาะ เมื่อเทคโนโลยีสื่อสารและโซเชียลมีเดียได้ก้าวกระโดดขึ้นมารวดเร็ว

ประหนึ่งกับการที่ชาวบ้านธรรมดา ได้ถูกติดอาวุธทางเทคโนโลยี่สื่อสารอย่างกว้างขวางทั่วถึง

นี่คือสิ่งที่น่าติดตาม ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเมียนมา

และหาก สิ่งที่เรียกว่า กบฏในระบบ เกิดขึ้นจริง สถานการณ์ก็อาจจะไม่ซ้ำรอยในอดีตก็ได้

นี่คือ ความหวัง ของฝ่ายประชาธิปไตย จากทั่วโลก ที่หวังจะเกิดขึ้นในเมียนมา

แน่นอน หากมันเกิดขึ้นมา ก็คงส่งผลสะเทือนไปทั้งภูมิภาค รวมถึงไทยด้วย

ทั้งนี้ ไทยกับเมียนมา ได้มีการแลกเปลี่ยนวิธีการต่อสู้กับฝ่ายอำนาจนิยมอย่างมีพลวัตรและสลับหนุนเวียน จนไม่รู้จะสรุปได้ว่าใครเลียนแบบใคร

หากแต่มันผสมกลมกลืนกลายเป็นเนื้อเดียวกันอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าการ ชู 3 นิ้ว

หรือแม้แต่เสียง”กลองศึก รัวพลัน ไม่หวั่นเกรง” ด้วยการเคาะหม้อกาละมัง ประท้วงคณะรัฐประหาร จากร่างกุ้งดังมาถึงกรุงเทพภายในชั่วข้ามคืน

นี่คือพลัง”ข้ามรัฐ”ที่ส่งมาถึงกันและกัน

ซึ่งจะรวมถึง”กบฏในระบบ”ที่ว่า”ยาก”จะเกิดในไทย หรือไม่นั้น

น่าติดตามยิ่ง