ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 มกราคม - 4 กุมภาพันธ์ 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
กรณี “ดีล 3 เส้า” ระหว่างบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด บริษัทแอสตร้าเซเนก้า และรัฐบาลไทย
กำลังกลายเป็น “ราโชมอน” ทางการเมือง
เพราะต่างคนต่างมีมุมมองแตกต่างกัน
ทั้งที่เป็นเรื่องเดียวกัน
ในมุมของรัฐบาลและบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ มองคล้ายๆ กัน
รัฐบาลมองว่าแนวทางนี้จะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงในเรื่องวัคซีนโควิด-19
เพราะโรงงานผลิตอยู่ที่เมืองไทย และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากเจ้าของวัคซีน
รัฐแค่เอางบประมาณใส่ไป 595 ล้านบาทเอง
ส่วน “สยามไบโอไซเอนซ์” บอกว่าเป็นเรื่องการช่วยเหลือประเทศชาติ
ใช้คอนเน็กชั่นระหว่าง “เอสซีจี” กับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ดึงฐานการผลิตวัคซีนมาอยู่เมืองไทย
ระดมสรรพกำลังทั้งหมดมาผลิตวัคซีน
เป็นการเสียสละ
แต่ในมุมของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” มองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน
เพราะรัฐบาลเอาภาษีอากรประชาชนไปอุดหนุนบริษัทเอกชนเพียงบริษัทเดียว
และ “สยามไบโอไซเอนซ์” ไม่เคยอยู่ในแผนการจัดหาวัคซีนมาก่อนเลย
ถ้าใครติดตามข่าวเรื่องนี้มาตลอด จะพบว่ารัฐบาลให้น้ำหนักกับโรงงานผลิตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรมที่สระบุรีมาตลอด
เพราะเพิ่งลงทุนไป 1,411 ล้านบาท
แต่นายแพทย์นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีน ยืนยันว่าเทคโนโลยีที่ใช้ผลิตวัคซีนโควิด-19 นั้นทันสมัยมาก
มีแต่ “สยามไบโอไซเอนซ์” เท่านั้นที่รองรับได้
โรงงานผลิตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรมก็ยังไม่มีความพร้อมเพียงพอ
ที่สำคัญ “แอสตร้าเซเนก้า” เป็นคนเลือก ไม่ใช่รัฐบาล
แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือ รัฐบาลเคยพาตัวแทนของ “แอสตร้าเซเนก้า” ไปดูโรงงานผลิตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรมหรือยัง
“วัคซีน” ในมุมของวงการแพทย์ คือสิ่งที่จะช่วยยุติสงครามโควิด-19
แต่ในมุมธุรกิจ นี่คือ “โอกาส” ที่ดีเยี่ยมระดับ 100 เด้ง
ไม่เช่นนั้นทาง “ซีพี” คงไม่เข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่ผลิตวัคซีนซิโนแวค
อย่าลืมว่า “สยามไบโอไซเอนซ์” จะผลิตวัคซีนให้ได้ปีละ 200 ล้านโดส
ถ้าขายโดสละ 5 เหรียญสหรัฐ หรือ 150 บาท เท่ากับที่ไทยซื้อมา
200 ล้านโดสก็ 30,000 ล้านบาท
ปี 2562 บริษัทนี้มียอดขาย 152 ล้านบาท
เพียงแค่เปลี่ยนมาผลิตวัคซีน มูลค่าธุรกิจของบริษัทจะขยับเป็นหลักหมื่นล้านบาททันที
แม้ว่า “นวลพรรณ ล่ำซำ” ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ของ “สยามไบโอไซเอนซ์” จะบอกว่า
“สยามไบโอไซเอนซ์ได้ดำเนินการผลิตวัคซีนโดยยึดนโยบายไม่กำไร ไม่ขาดทุน หรือ no profit, no loss ในช่วงที่มีการระบาดนี้ ซึ่งเป็นนโยบายเดียวกันกับของแอสตร้าเซเนก้า”
ขีดเส้นใต้คำว่า “ในช่วงระบาดนี้”
เพราะแนวทางของ “แอสตร้าเซเนก้า” ถ้าพ้นจากช่วงระบาดเมื่อไร
ราคาขยับตามกลไกตลาดแน่นอน