“หมอเฟาชี” อัดยับยุคทรัมป์ บีบปกปิดข้อเท็จจริงวิกฤตโควิด

Dr. Anthony Fauci, director of the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, laughs while speaking in the James Brady Press Briefing Room at the White House, Thursday, Jan. 21, 2021, in Washington. (AP Photo/Alex Brandon)

วันที่ 25 มกราคม 2564 นิวส์วีกรายงานว่า นายแพทย์แอนโธนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดต่อและภูมิแพ้แห่งชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าทีมที่ปรึกษารับมือการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เคยถูกอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บีบให้ปิดบังข้อเท็จจริงของสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้นหลายครั้ง

การเปิดเผยดังกล่าวของนพ.เฟาชี เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐคนใหม่ และแต่งตั้งนพ.เฟาซี เป็นประธานคณะแก้ไขสถานการณ์โรคโควิด-19 โดยนพ.เฟาซี แสดงความโล่งอกกับผู้สื่อข่าว และยอมรับว่าความล้มเหลวของสหรัฐช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากวิกฤตผู้นำ

ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 25,124,948 คน ในจำนวนนี้ เสียชีวิตแล้ว 419,208 ราย สูงที่สุดในโลก ขณะที่ผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกมีถึง 99,192,353 คน ในจำนวนนี้ เสียชีวิต 2,129,403 ราย

นพ.เฟาชี ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับนิวยอร์ก ไทมส์ ว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์พยายามเกลี้ยกล่อมให้ตนมองโลกในแง่ดี แม้ข้อเท็จจริงของสถานการณ์จะสวนทางกันก็ตาม

“ผมพยายามที่จะบอกท่านถึงข้อเท็จจริงต่างๆ และความรุนแรงของสถานการณ์ แต่ท่านประธานาธิบดีก็มักจะตอบผมว่า ก็ไม่ได้แย่อะไรนี่ แล้วผมก็จะตอบว่า แต่ท่านครับมันแย่ขนาดนั้นจริงๆ”

“คือเอาจริงท่านคงพยายามบีบคั้นให้ผมลดหย่อนข้อเท็จจริงลง แทนที่จะบอกตรงๆ ว่าผมอยากให้คุณลดทอนความรุนแรงของข้อเท็จจริงมันลง แต่แกล้งพูดว่าเหรอจริงดิ มันแย่ขนาดนั้น? แทนน่ะครับ”

“มีหลายครั้งครับที่ผมไปให้ข่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์ซึ่งผมก็พูดไปตามหลักวิชาการว่ามันอาจจะแย่ลงกว่านี้ เหมือนมองโลกในแง่ร้าย แล้วท่านก็จะเรียกผมไปตำหนิ ว่าเออทำไมไม่มองโลกในแง่ดีบ้าง ว่าผมควรจะมองโลกในแง่ดีนะ ทำไมผมถึงเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไปโน่นเลยครับ” นพ.เฟาซี เล่า

นพ.เฟาชี เล่าว่าตนเคยแสดงความกังวลต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่มักเชื่อความเห็นและคำแนะนำเกี่ยวกับโรคโควิด-19 จากบรรดาเพื่อนๆ ในแวดวงนักธุรกิจของตัวเองมากกว่า

“มันชัดเจนมากครับว่าท่านมักเชื่อคำพูดจากบรรดาคนที่โทรศัพท์เข้ามาหาท่าน ผมไม่ทราบว่าใครบ้าง อาจจะเพื่อนๆ ที่ท่านรู้จักตอนสมัยทำธุรกิจหรือเปล่า แล้วจู่ๆ ก็มาพูดประมาณว่า ผมได้ยินว่ายานี้ยานี้มันดีนะ ไม่ก็เอ้อวิธีแบบให้พลาสม่าตรงๆ เลยก็ดีนะ ไหนจะการแพทย์ทางเลือกอื่นอีก ท่านไปเชื่อเค้าแบบไม่มีข้อมูลอะไรยืนยันเลย ไม่ใช่แค่ยาไฮดรอกซีคลอโรควิน (ต้านมาลาเรีย) อย่างเดียว”

กรณียาต้านมาลาเรีย ไฮดรอกซีคลอโรควิน กลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่หลังอดีตประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่าตนแอบรับประทานยาดังกล่าวเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ทั้งยังเคยทวีตว่า เป็นยาที่รักษาโควิด-19 ได้ ทั้งที่สำนักงานอาหารและยา หรือเอฟดีเอ แสดงความไม่เห็นด้วย เพราะอาจมีผลข้างเคียงเกี่ยวกับหัวใจได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วการทดสอบพบว่า ไม่พบว่ามีผลต้านโรคโควิด-19

“ผมเคยพยายามค่อยๆ อธิบายให้ท่านฟังครับ ว่ายาจะรู้ว่าได้ผลจริงหรือไม่ ต้องเอาเข้ากระบวนการทดสอบก่อน แต่ท่านก็ตอบผมว่า ไม่ๆๆๆๆ ยานี้มันเวิร์ก” นพ.เฟาชี ระบุ