บทเรียนการอ้าง…ชาติ… เพื่ออำนาจตัวเอง/หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว – มุกดา สุวรรณชาติ (ฉบับประจำวันที่ 15-21 มกราคม 2564 ฉบับที่ 2109)

มุกดา สุวรรณชาติ

หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว
มุกดา สุวรรณชาติ

บทเรียนการอ้าง…ชาติ…
เพื่ออำนาจตัวเอง

ผู้นำโง่ จะไม่ทำให้เราพากันตายหมด แต่คงจะทำให้ประชาชนยากลำบากไปอีกนาน
แต่ถ้าผู้นำที่เป็นเผด็จการ บ้าอำนาจ จะทำให้ถึงตาย ฉิบหายทั้งประเทศ
ผู้นำเหล่านี้จะขึ้นมามีอำนาจไม่ได้ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนชั้นนำในสังคมนั้นและประชาชนบางส่วนซึ่งรู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของคนหรือกลุ่มบุคคลเหล่านั้น ซึ่งจะสร้างปีศาจให้คนกลัว และอ้างชาติ แต่ชาตินั้นหมายถึงรัฐบาลและตัวเอง บางประเทศจึงมีการเปลี่ยนกฎหมายให้ผู้นำอยู่ในอำนาจไปได้เรื่อยๆ เช่น สีจิ้นผิง จากจีน ส่วนรัสเซีย ปูตินจะครองอำนาจได้อีก 16 ปี
ผู้ปกครองล้วนแต่อยากสืบทอดอำนาจ
ศึกษาบทเรียน ของเยอรมนี, ไทย และสหรัฐอเมริกา

หนุนเผด็จการ
จะได้รับบัตรคนจนกันทั้งประเทศ

13 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ครบรอบ 7 ปีของการประกาศชัตดาวน์กรุงเทพฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนยันว่าการปฏิบัติการชัตดาวน์กรุงเทพฯ จะสู้จนจบไม่มีการกลับบ้าน ถ้าแพ้ก็ต้องเข้าคุก ไม่ชนะไม่เลิก มีการชุมนุมในหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ
ม็อบนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2556 และเมื่อได้รับสัญญาณจากกลุ่มชนชั้นนำที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ว่าให้เดินหน้าเต็มที่ วันที่ 11 พฤศจิกายน สุเทพจึงนำ ส.ส.อีก 8 คนประกาศลาออก มีการนำ ส.ส.ไปไหว้พระแม่ธรณี พร้อมชักชวนประชาชนให้หยุดงาน งดจ่ายภาษี นัดชุมนุมใหญ่ มีการระดมกำลังทุกสายงาน ทั้งสถานศึกษา สถานพยาบาล ค่ายธุรกิจใหญ่ๆ ฯลฯ
มีการยกระดับด้วยการทำม็อบดาวกระจาย 13 เส้นทาง บุกยึดสำนักงบประมาณกระทรวงการคลัง ตั้งเป็นเวทีชุมนุมซึ่งจะทำให้การเบิกงบประมาณมีปัญหา ยึดศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ
29 พฤศจิกายน 2556 กลุ่มม็อบซึ่งมีสัญลักษณ์นกหวีดก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น กปปส. โดยมีสุเทพเป็นผู้นำ
3 ธันวาคม กปปส.มีแนวทางที่จัดตั้งสภาประชาชนและเสนอนายกรัฐมนตรีมาตรา 7
8 ธันวาคม ส.ส.ประชาธิปัตย์ 153 คนประกาศลาออก
9 ธันวาคม ผู้ชุมนุมเดินขบวนมาล้อมทำเนียบในขณะที่รัฐบาลประกาศยุบสภาและเตรียมเลือกตั้งใหม่ แต่ กปปส.เรียกร้องให้จัดตั้งสภาประชาชนมาทำหน้าที่นิติบัญญัติ
วันที่ 21 มกราคม 2557 แม้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง แต่ก็เป็นการประกาศแบบที่ไม่มีอำนาจบังคับอะไรจริงจัง เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่มีแนวทางใช้กำลังรุนแรงกับม็อบ ฝ่ายทหารก็ตั้งบังเกอร์กระจายไปทั่วกรุงเทพฯ แต่ไม่มีผลต่อการประท้วงของกลุ่ม กปปส.
23 มกราคม สุเทพประกาศให้มวลชนขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 มกราคม ทุกรูปแบบ กปปส.ขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้ามีผลให้หลายเขตไม่สามารถเลือกตั้งล่วงหน้าได้
แต่การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ยังคงดำเนินต่อไป แม้หลายเขตจะถูกขัดขวางปิดล้อมหน่วยทำให้การเลือกตั้งทำไม่ได้ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดหลายหน่วย การขัดขวางการเลือกตั้งทำให้เกิดการปะทะ ในการขนบัตรขนหีบบัตรที่สี่แยกหลักสี่ จึงมีการยิงจากกลุ่มมือปืนป๊อปคอร์น และการสนับสนุนจากกองกำลังอาวุธซึ่งทำให้มีประชาชนเสียชีวิต 1 คน ในการเลือกตั้งภาคใต้ก็ถูกขัดขวางหลายเขต
สุดท้ายวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 มีผู้มาลงคะแนนร้อยละ 47.72 คือ 20 ล้าน 5 แสนคน
21 มีนาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ปชป.เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ กปปส.ก็บอกว่ายอมรับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
17 พฤษภาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกถอดถอนจากตำแหน่งซึ่งขณะนั้นรักษาการนายกฯ อยู่ในข้อหาที่โยกย้ายเลขาธิการสภาความมั่นคง…ถวิล ไพรสณฑ์ มีการตั้งนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีต่อไป การใช้ตุลาการภิวัฒน์ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ไม่สามารถตั้งรัฐบาลใหม่ในค่ายทหาร แบบปี 2551 ได้
วันที่ 20 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ขณะนั้นประกาศกฎอัยการศึก
วันที่ 22 พฤษภาคม ก็ประกาศการรัฐประหาร ล้มรัฐบาลรักษาการ และตั้งรัฐบาลชั่วคราว เกือบ 5 ปี จากนั้น ร่างรัฐธรรมนูญ ให้แต่งตั้ง ส.ว. 250 คนมาเลือกนายกฯ ได้ จึงสามารถเป็นนายกฯ ต่อหลังการเลือกตั้งมีนาคม 2562
คนไทยจะได้หยุดงานมากขึ้น และรับการแจกจนกว่าเงินจะหมด

การขึ้นสู่อำนาจของฮิตเลอร์
บทเรียนหนุนเผด็จการ

ทีมงานได้ตัดตอนโดยย่อจากรายงานของประชาไท ในการเสวนาเรื่อง “การขึ้นสู่อำนาจของฮิตเลอร์ : รัฐธรรมนูญ เจตจำนง ความชอบธรรม” โดยวิทยากรหลักคือ รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และ รศ.ดร.โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ ดำเนินรายการโดยจิตติพร ฉายแสงมงคล
หลังจากพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1918-1919 เยอรมนีเปลี่ยนการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐที่เรียกกันว่า สาธารณรัฐไวมาร์ (Weimarer Republik) สังคมช่วงนั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำจนมีวิกฤตเศรษฐกิจโลก (Great Depression) เมื่อปลายปี 1929 ที่ทำให้ปัญหาต่างๆ ในสาธารณรัฐไวมาร์เพิ่มมากขึ้น
รัฐบาลผสมตอนนั้นนำโดยพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยแห่งเยอรมนี (SPD) มีเสียงข้างมากในสภาเจอวิกฤตจนต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่
พรรคนาซีของฮิตเลอร์มีคะแนนเสียงในสภานี้แค่ 2.6% เท่านั้น หลังจากการเลือกตั้งสภาเยอรมนีเดือนกันยายน 1930 พรรคนาซีได้คะแนนมากขึ้น เป็น 18.3% แต่ SPD สามารถตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้
2 ปีต่อมาฮิตเลอร์ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนเมษายน 1932 แพ้ฮินเดนบวร์ก (Paul von Hindenburg) ผู้สมัครอิสระ แต่เกิดวิกฤตรัฐบาล มีการเลือกตั้งอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน การตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความยากลำบากเหมือนเดิม จึงตั้งรัฐบาลผสม โดยมีเงื่อนไขว่าฮิตเลอร์จะต้องได้เป็นนายกฯ
รัฐบาล Hitler-Papen จึงได้เกิดขึ้นโดยประธานาธิบดีฮินเดนบวร์กแต่งตั้งให้ฮิตเลอร์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มกราคม 1933 โดยมี Papen เป็นรองนายกฯ พรรคนาซีได้ที่นั่งรัฐมนตรีไปเพียงสามที่นั่ง
ฮินเดนบวร์กสั่งยุบสภาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และมีการเลือกตั้งใหม่ต้นเดือนมีนาคม ในวันที่ 27กุมภาพันธ์ เกิดเหตุเพลิงไหม้รัฐสภาเยอรมนี ฮิตเลอร์กล่าวโทษฝ่ายคอมมิวนิสต์ว่าเป็นผู้วางเพลิง และได้ประกาศภาวะฉุกเฉินใช้กำลังนั้นปราบปรามจับกุมผู้นำและนักการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์
หลังจากเลือกตั้งในวันที่ 5 มีนาคม 1933 พรรคนาซีได้คะแนนเสียงมากที่สุดแต่ไม่ก็ยังเกินครึ่ง จึงต้องตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคฝ่ายขวาจนได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง
สมัยนั้นไม่ต้องใช้ศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลผสมนำโดยพรรคนาซีประกาศถอนสิทธิ์ ส.ส.จากพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนี จำนวน 81 คนออกจากสภาไรช์สทักในวันถัดมา
ต่อมาในวันที่ 23 มีนาคม 1933 รัฐสภาเยอรมนีก็ลงมติสองในสามผ่านกฎหมายที่ให้อำนาจเต็มแก่ฮิตเลอร์ พร้อมทั้งอนุญาตให้คณะรัฐมนตรีสามารถผ่านกฎหมายได้โดยไม่ต้องผ่านรัฐสภาเป็นเวลา 4 ปี โดยพรรคฝ่ายค้านสายกลางๆ ร่วมลงมติเห็นชอบด้วย จะมีก็แต่สมาชิกพรรคสังคมประชาธิปไตยแห่งเยอรมนีและพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนีที่ยังไม่ถูกอุ้มไปเท่านั้นที่ลงคะแนนเสียงคัดค้าน
หลังจากนั้นเผด็จการก็ครองเมือง
เมื่อประธานาธิบดีฮินเดนบวร์กเสียชีวิตลงด้วยโรคชราเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 1934 รัฐบาลของฮิตเลอร์เสนอให้มีการลงประชามติเห็นชอบกับการเข้าสู่อำนาจของฮิตเลอร์อันมีผลรับรองให้เขามีฐานะเป็นผู้นำสูงสุดตามกฎหมายในทุกฐานะตั้งแต่ฐานะนายกรัฐมนตรีและฐานะประธานาธิบดีพร้อมกันไป ในวันที่ 19 สิงหาคม 1934 โดยมีผู้มาออกเสียงทั้งหมดร้อยละ 95 และมีผู้รับรองข้อเสนอดังกล่าวร่วมร้อยละ 89
นับจากนี้ถือว่าฮิตเลอร์เป็น F?hrer และได้ขึ้นมามีอำนาจอย่างเสร็จสรรพสมบูรณ์

การเข้าสู่อำนาจของเผด็จการ
มีปัจจัยสนับสนุน

วิทยากรได้วิเคราะห์ว่า…
การสนับสนุนของชนชั้นนำที่ล้อมรอบตัวประธานาธิบดีฮินเดนบวร์กทำให้ฮิตเลอร์ขึ้นสู่อำนาจได้ โดยเฉพาะลูกชายของเขา กลุ่มเจ้าผู้ถือครองที่ดิน
คนเหล่านี้เห็นว่ารัฐธรรมมนูญไวมาร์ไม่เหมาะกับเยอรมนี จึงพยายามหาวิธีทำลายรีพับลิก
ในขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ก็ไม่ชอบฮิตเลอร์ แต่ต้องการใช้ฮิตเลอร์เป็นเครื่องมือ คนเหล่านี้โน้มน้าวจนฮินเดนบวร์กเห็นด้วยที่จะให้ฮิตเลอร์เป็นนายกรัฐมนตรี
ซึ่งแน่นอนว่าฮินเดนบวร์กเองก็คิดฝันถึงระบอบกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เขาจึงเป็นประธานาธิบดีที่ไม่รักระบอบที่ตัวเองเป็นใหญ่อยู่เลย
เมื่อเห็นฮิตเลอร์ต้องการตำแหน่งรัฐมนตรีเพียง 2 ตำแหน่ง พวกเขาก็คิดว่าฮิตเลอร์ย่อมไม่ใช่ปัญหาในภายหลัง
แต่ในเวลาต่อมา เหตุการณ์ไฟไหม้รัฐสภากลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนกลัวคอมมิวนิสต์ รัฐสภาออกกฎหมายให้กดข่มคอมมิวนิสต์ให้ได้ ฮิตเลอร์จึงเพิ่มอำนาจให้ตัวเองมากขึ้นในที่สุด
ดังนั้น การขึ้นครองอำนาจของฮิตเลอร์จึงเป็นผลมาจากการสนับสนุนของชนชั้นนำ
ฮิตเลอร์จึงอาศัยช่องทางการเสียดุลอำนาจเพื่อกุมอำนาจเบ็ดเสร็จให้ตัวเอง
และเมื่อหลังขึ้นครองอำนาจแล้วฝ่ายศาลเองมีส่วนสำคัญเพราะได้ตีความกฎหมายเพื่อสนับสนุนความคิดแบบนาซีด้วย

บทบาทของศาล ต่อคนดีผู้รักชาติ

ในปลายปี 1923 ฮิตเลอร์เคยก่อการกบฏที่เรียกว่ากบฏโรงเบียร์ เวลาต่อมาฮิตเลอร์ก็ถูกจับ
คดีกบฏฮิตเลอร์นี้ เป็นคดีสำคัญอีกคดีหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าบทบาทของนักกฎหมาย ผู้พิพากษา มีส่วนสำคัญในการกำหนดโชคชะตาของรัฐ
ตอนทำกบฏ ฮิตเลอร์ยังเป็นคนออสเตรีย ตามกฎหมายเวลานั้นเขาอาจถูกเนรเทศได้ แต่ผู้พิพากษาในคดีนี้ค่อนข้างขวา เขาปล่อยให้การพิจารณาคดีในศาลกลายเป็นที่โชว์ ideology ของฮิตเลอร์
และสุดท้ายตัดสินว่า แม้จะผิดตามกฎหมายและฮิตเลอร์ไม่ใช่คนเยอรมันแต่ก็มีจิตใจแบบคนเยอรมัน เคยร่วมรบในสงคราม และทำไปด้วยอุดมการณ์รักชาติรักแผ่นดิน จึงควรลงโทษสถานเบา จำคุกเพียง 5 ปีและกำหนดเงื่อนไขว่าหากประพฤติตัวดีก็ปล่อยได้ก่อน
ฮิตเลอร์ถูกขังในปราสาทแห่งหนึ่ง บางคนพูดว่านี่เป็นเพียง ‘การเปลี่ยนที่นอน’ ของฮิตเลอร์ ราวกับไปนอนในโรงแรม
เวลาต่อมาเมื่อฮิตเลอร์ครองอำนาจ ผู้พิพากษาคนนี้ได้รับการโปรโมตให้เป็นประธานศาลสูงในบาวาเรีย
การที่ฮิตเลอร์พ่ายแพ้หรือล้มเหลวในการทำรัฐประหาร ทำให้เขาเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาซึ่งสื่อแสดงในหลายวาระ นั่นก็คือ เขาเห็นว่าการได้มาซึ่งอำนาจรัฐไม่สามารถใช้วิธีเข้ายึดอำนาจได้ แต่ต้องใช้วิธีการให้เป็นไปตามกฎหมายมากที่สุด
พยายามสร้างความชอบธรรมให้มากที่สุดในการยึดอำนาจ

บทเรียน ความเข้มแข็ง
ของประชาธิปไตยอเมริกา

เหตุการณ์ที่เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นการช็อกโลก วันที่ 6 มกราคมที่เพิ่งผ่านมานี้ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามปลุกกระแสขวาจัด และทำให้คนในสังคมอเมริกันส่วนหนึ่งเชื่อว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาแล้วนั้น เป็นการเลือกตั้งที่สกปรก มีการโกงการเลือกตั้งโดยไม่มีหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้เลย
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้เชิญชวนบรรดาผู้สนับสนุนตัวประธานาธิบดีทรัมป์เองทั่วประเทศให้เดินทางมาคัดค้านการประชุมรัฐสภาที่จะรับรองผลการเลือกตั้งว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างเป็นทางการ
ฝูงชนบุกเข้าไปภายในอาคาร จนเกิดการปะทะกับตำรวจควบคุมฝูงชน ราวบ่าย 3 โมงมีฝูงชนบางส่วนเข้าไปในอาคารได้สำเร็จและสามารถยึดรัฐสภาไว้ได้ทั้ง 2 สภา จนกระทั่งราวเกือบ 6 โมงเย็นตำรวจและหน่วยทหารอาสาสมัครประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จึงสามารถยึดรัฐสภาสหรัฐกลับคืนมาได้
ปรากฏว่า ตำรวจได้จับผู้ก่อการจลาจลได้อย่างน้อย 79 คนซึ่งเดินทางมาจาก 20 มลรัฐ ยึดปืนพกและปืนยาวได้ 5 กระบอก รวมมีผู้เสียชีวิต 4 คนจากการปะทะกันที่รัฐสภาสหรัฐ
สื่อยักษ์ใหญ่ของโซเชียลมีเดีย คือเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ยูทูบ และทวิตเตอร์ ได้ล็อกบัญชีใช้งานของประธานาธิบดีทรัมป์ เพราะกลัวความรุนแรงจะเพิ่มขึ้น
ผลการลงคะแนน นายไบเดนได้รับคะแนนเสียง 306 คะแนนภายใต้ระบบคณะผู้เลือกตั้ง ในขณะที่นายทรัมป์ได้ 232 คะแนน ส่วนคะแนนเสียงของประชาชนไบเดนได้มากกว่าทรัมป์ 7 ล้าน
เกมจบตามรัฐธรรมนูญ ไม่มี กกต. ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญมาบอกว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ไม่มีทหารมาทำการรัฐประหาร
อเมริกาได้รับบทเรียนมา 4 ปี แต่รากฐานของระบอบประชาธิปไตยอเมริกายังแกร่งพอที่จะแก้ปัญหาตามระบบได้ ประชาชนส่วนใหญ่มีวัฒนธรรมทางการเมืองแบบมาตรฐาน
เยอรมนีได้บทเรียนจากฮิตเลอร์ นาซี และสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนไทยคงจะได้รับบัตรคนจนกันอย่างทั่วถึงในเร็ววันนี้ ที่เหมือนกันทุกครั้งคือผู้อยากได้อำนาจ จะสร้างปีศาจ อ้างชาติ และครองอำนาจต่อไป