คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง / ลาทีปีเก่าแสนสาหัส ปีใหม่ยังไหวไหม

คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง

ลาทีปีเก่าแสนสาหัส
ปีใหม่ยังไหวไหม

คุณครูท่านหนึ่งของผมคือท่านอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ มักจะกล่าวว่า “ยังมีความสุขที่ยังไม่รู้จักอีกเยอะ” ส่วนผมผู้เป็นศิษย์ท้ายแถวก็มักพูดอีกแบบว่า “ยังมีความทุกข์ที่ไม่รู้จักอีกเยอะ”

ความสุขนั้นหล่อเลี้ยงชีวิตเหมือนยาบำรุง แต่บางครั้งก็ต้องกินยาแรงบ้างเพราะโรคทางใจมันซับซ้อน ลำพังยาบำรุงเอาไม่อยู่ ไม่แก้โรคโดยตรง

ทุกข์ช่วยให้อยู่กับความจริงและไม่ประมาท

พระพุทธะถึงสอนว่า ทุกข์นั้นเป็น “อริยสัจ” คือใครเริ่มเห็นทุกข์ก็เริ่มเห็นความจริงอันประเสริฐ แล้วถึงจะเริ่มเข้าสู่เส้นทางที่แท้จริงของการปฏิบัติได้ หากเริ่มด้วยความสดใส ฟรุ้งฟริ้ง การปฏิบัติก็อาจเป็นเพียงสิ่งลวงที่ช่วยปลอบประโลมใจไปวันๆ

ปีที่ผ่านมาเราเผชิญความทุกข์กันอย่างมาก ทุกข์ทั้งทางส่วนตัวเพราะโรคห่ามาเบียดเบียน และไม่มีทีท่าจะสงบลงง่ายๆ เศรษฐกิจการงานก็พังพินาศ

ไหนจะทุกข์ในทางส่วนรวม คือการได้เห็นความอยุติธรรมทั้งการเมืองและสังคมอยู่ต่อหน้า ได้เห็นความทุกข์ยากของผู้คนทุกช่วงวัยที่แสดงผ่านการประท้วงหลากหลายรูปแบบ

บางคราคล้ายจะมีอะไรคลี่คลาย บางคราก็คล้ายสิ้นหวังหมดกำลังใจ แต่มีมิตรสหายเตือนว่าให้ระลึกได้ว่ามีผู้คนจำนวนมากที่เขาไปไกลแค่ไหนในทาง “มโนสำนึก” ก็พอจะเบาใจได้นิดหน่อย ว่าสังคมไทยจะต้องเปลี่ยนไปแน่ๆ

แม้ความทุกข์กระหน่ำตีเราอย่างมากในปีที่ผ่านมา แต่หลายท่านเมื่อได้เห็นทุกขสัจทางสังคม ก็กลับมีพลังกาย-ใจ ลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อส่วนรวมโดยไม่เห็นแก่ความสุขของตนเอง บางครั้งก็เสี่ยงต่อความปลอดภัยและนำตนไปใกล้คุกตะรางด้วยซ้ำ

ผู้มีปัญญาและเมตตาเมื่อพิจารณาแยบคายก็แปรความทุกข์เป็นพลัง เพราะเห็นว่าเราไม่ได้ทุกข์อยู่คนเดียว ยังมี “เพื่อนทุกข์” ที่เราไม่รู้จักหน้าค่าตาอยู่มาก แต่หากเราทำอะไรได้ก็พึงทำ บรรเทากันไป

ผมขอค้อมคารวะท่านเหล่านั้นด้วยหัวใจ

ส่วนอนาคตปีหน้าราวกับถูกปกคลุมด้วยหมอกธุมเกตุ ไม่ก็ pm 2.5 แบบตัวเลขสูงๆ เพราะยังมองอะไรไม่เห็นชัด ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย

ในเมื่อสลัวเช่นนี้ หลายท่านก็รอคำพยากรณ์โหราจารย์ทั้งหลาย โดยเฉพาะจากค่ายมติชน เอาวะ อย่างน้อยๆ ก็ดีกว่าไม่มีอะไรให้คว้าไว้เลย

แต่หลายโหรกล่าวคล้ายๆ กันว่า ปีหน้าคงจะได้ดุเดือดกว่านี้ หรือจะมีความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ส่วนโรคภัยไข้เจ็บก็ยังไม่จางคลาย

พุทธคุณ โพธิสัตวคุณ และเทวคุณ ปกปักรักษาลูกช้างด้วย! อย่างน้อยอย่าให้ฆ่าฟันกันล้มตายเลย

แต่ก็นั่นแหละครับ แม้จะตั้งจิตไว้ว่า “ยังมีความทุกข์ที่ไม่รู้จักอีกเยอะ” ก็อดหวั่นใจไม่ได้ เพราะแม้ไม่ถึงมือโหร เอาแค่ห้อยโหนอย่างผมก็พอจะเดาออกว่าปีหน้าทุกข์ทั้งหลายยังไม่จางคลายลงง่ายๆ หรอก

ดังนั้น ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นความทุกข์ยากไปด้วยกัน

เป็นธรรมเนียม (ที่ผมตั้งเอง) ว่าช่วงปีใหม่จะเขียนอะไรบางอย่างทักทายท่านผู้อ่านแบบเบาๆ ยกเอานิทานหรือตำนานเทวธรรมมาสาธกพอให้เป็นกำลังใจ เป็นยาหอมอ่อนๆ เป็นวิสกี้บางๆ เจือโซดา จิบนิดๆ พอแก้กระหาย

ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา ผมอยากเอานิทาน “ทดสอบพระเจ้าสูงสุด” จากคัมภีร์ปุราณะมาเทศนาในวันนี้ เพื่อแสดงธรรมคดีที่ว่า มีศรัทธาต้องไม่มืดบอด แม้ขนาดพระเจ้าเราก็ทดสอบได้ ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่ใช่บาป

ดังนี้

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีมหาฤษีตนหนึ่งนามภฤคุ มหาฤษีท่านนี้เป็นพรหมบุตร คือบังเกิดแต่พระพรหมเทพบรมบิดร มีฤทธาภินิหารมากมายเป็นที่เคารพยำเกรงของทวยเทพและมนุษย์

ในกาลสมัยนั้น พระเป็นเจ้าทั้งสามคือพระตรีมูรติ อันได้แก่ พระพรหมา พระวิษณุและพระศิวะเป็นที่กราบไหว้บูชาโดยทั่วไป แต่เทวดาและมนุษย์บางพวกก็นับถือพระพรหมาว่าใหญ่กว่าองค์อื่น ด้วยมีพระชนมายุสูงสุดและรังสฤษฏิ์โลก บางพวกเหล่าก็นับถือพระวิษณุผู้ปกปักรักษาว่าสูงสุด บางพวกเหล่าก็นับถือพระศิวะว่าเป็นมหาเทพใหญ่กว่าเทพทั้งหมด

พระมหาฤษีภฤคุมีความสงสัยในดวงจิต ว่าตกลงองค์ใดคือพระเจ้าสูงสุดกันแน่ ครั้นจะสอบถามเอาจากพวกสาวกก็รังแต่จะทุ่มเถียงกันโดยทฤษฎีเสียเปล่าๆ เราเองมีฤทธิ์จะเหาะไปเฝ้าพระเป็นเจ้าเหล่านั้นเสียเองก็ยังได้ จะได้ทดสอบด้วยตนเองเลยว่าพระเจ้าองค์ใดกันแน่เป็นพระเจ้าสูงสุด เป็นพระเจ้าแท้ เราจักได้กราบไหว้ให้ถูกองค์เสียที

คิดได้ดังนี้ก็เหาะไปยังพรหมโลก ครั้นพบพระบรมบิดรพรหมเทพก็กระทำอัญชลีแล้วนิ่งอยู่ ไม่พูดกล่าวสิ่งใด พระพรหมเทพซักว่ามีธุระอะไรถึงเหาะมาถึงนี่ ภฤคุฤษีก็มิตอบ

ซักไปนานเข้าพระพรหมก็โกรธ หาว่าเป็นลูกแต่ไม่เคารพบิดา ก็พาลจะสาปเอา ฤษีภฤคุก็เหาะหนีไปทันที พร้อมรำพึงว่า พระพรหมจะเป็นเทพสูงสุดได้อย่างไร แค่ไม่เคารพนิดหน่อยก็โกรธเป็นฟืนไฟ พระเป็นเจ้าสูงสุดที่ไหนจะประกอบด้วยโทสะเช่นนี้ ว่าแล้วก็เหาะไปยังไกรลาสคีรีเพื่อเฝ้าพระศิวะ

เมื่อถึงยังไกรลาสผาเผือกศิวาลัยสถาน ครั้นจะก้าวเข้าเขตทวาราชั้นในเพื่อเฝ้าพระศิวะ พระโคนนทิเกศวร ราชเลขานุการก็ห้ามไว้ พลางกล่าวว่า

“เวลานี้ พระเป็นเจ้าทรงพระสำราญด้วยพระแม่ปารวตีในที่รโหฐาน เป็นการประพาสฝ่ายใน ขอท่านมหาฤษีโปรดจงรออยู่ก่อน เมื่อพระองค์สิ้นกิจธุระจึงให้ท่านเฝ้าได้”

พระฤษีภฤคุรออยู่นานจนเหนื่อยหน่าย กล่าวลานนทิแล้วเหาะจากไปพลางรำพึงว่า “พระเป็นเจ้าอะไรกัน ถือเพศโยคีแท้ๆ แต่หมกมุ่นอยู่กับกามคุณ วันๆ ก็เอาแต่สำราญใจในหิมวัต นี่ไม่ใช่พระเป็นเจ้าสูงสุดหรอก” แล้วก็เหาะไปยังไวกุณฑโลก

ณ ไวกุณฑโลกแห่งพระวิษณุ ท่ามกลางทะเลน้ำนมอันขาวงาม มีขนดแห่งพญานาคอยู่ใจกลางเกษียรสมุทรนั้น พระวิษณุทรงบรรทมอนันตสายินอยู่เป็นนิตย์ แม้ไม่มีเหตุก็ไม่ทรงตื่นขึ้นมาถนอมโลก
เมื่อภฤคุไปถึงก็ยืนเท้าสะเอวที่ขนดนาคพลางคิดด้วยความหงุดหงิดว่า ไฉนพระเป็นเจ้าจึงไร้มารยาทเยี่ยงนี้ มีนักบวชมาเยือนก็ควรลุกขึ้นต้อนรับสิ มิใช่มานอนหลับอยู่แบบนี้

จากนั้นจึงใช้เท้าของตนถีบไปยังหน้าอกของพระวิษณุอย่างเต็มแรง ทว่าด้วยเทวานุภาพ เท้าของภฤคุกลับได้รับความเจ็บปวดดั่งถีบก้อนหินใหญ่ เสียงร้องโอดโอยดังขึ้น พระวิษณุจึงตื่นจากบรรทม

เมื่อทรงทราบเหตุการณ์แล้วก็ทรงประคองเท้าของฤษีไว้ นวดเฟ้นอย่างทะนุถนอมพลางตรัสขอโทษว่า เพราะพระองค์แท้ๆ ท่านฤษีจึงต้องมาเจ็บปวดอย่างนี้

ภฤคุได้ฟังก็ซาบซึ้งใจนัก คิดว่านี่แหละพระเจ้าแท้ พระเจ้าสูงสุด แม้ถูกกระทำหยามหยาบก็ไม่โกรธ ทั้งยังเปี่ยมด้วยเมตตาธิคุณไม่มีประมาณ พระวิษณุผู้ทราบวาระจิตของมหาฤษีจึงตรัสว่า

“มิใช่ดอก เรามิใช่พระเจ้าสูงสุด ท่านเข้าใจผิดเสียแล้ว พระเจ้าสูงสุดนั้นทรงปรากฏออกมาด้วยพระคุณลักษณะหลากหลาย พระพรหมาและพระศิวะก็ล้วนเป็นการสำแดงออกของพระเจ้าสูงสุดองค์เดียวนั้นไม่ต่างกับเรา ท่านเข้าใจได้เช่นนี้ จึงจะถูกต้อง”

“กระนั้น ท่านก็ได้ทดสอบพระเจ้าด้วยความกล้าหาญ ไม่ปล่อยให้ตัวเองเชื่ออย่างโง่งม ไม่ปล่อยให้ศรัทธามืดบอด ไม่ปล่อยผ่านความสงสัย ในสามโลกนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่กล้าทดสอบพระเจ้า ท่านไม่มีบาปอันใดเลยในการทำเช่นนี้และเกียรติคุณนี้จะดำรงอยู่ต่อไปอีกนานแสนนาน”

นี่คือตำนานแต่โบราณกาลของการ “ทดสอบพระเจ้า” ผมยกมาเผื่อว่าท่านที่กลัวการทดสอบศรัทธาของตนเองจะได้ทราบว่า แม้ศาสนาที่นับถือเทพเจ้าอย่างฮินดูยังไม่ถือว่าการทดสอบพระเจ้านั้นผิดบาป

พระเจ้าอาจทดสอบเรา แต่เราเองก็สงสัยและทดสอบพระเจ้าได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่า “พระเจ้า” องค์ไหน

ขอทุกท่านมีกำลังกายใจ ขอขอบพระคุณผู้อ่านและผู้สนับสนุนทุกท่านที่ได้ส่งเสริมตลอดปีที่ผ่านมา

สวัสดีปีใหม่ครับ เจริญพร